ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1652 ทำตัวพาล + ตอนที่ 1653 ไม่คืนแม้แต่ต้นเดียว
ตอนที่ 1652 ทำตัวพาล
วิธีการซื้อคืนน้ารองได้แจ้งคนทั้งหมู่บ้านแล้ว ชาวบ้านส่วนมากจึงต่างดีอกดีใจ ในเมื่อตอนนั้นไม่มีใครบังคับพวกเขาให้ขายต้นไม้ อีกอย่างต่อให้ไม่ขายต้นไม้เหล่านี้ก็ไม่มีวันอยู่รอดมาได้คงถูกตัดถูกเผาไปแล้ว
ตอนนี้คืนให้พวกเขาครึ่งหนึ่งได้ก็พอใจมากแล้วล่ะ!
ชาวบ้านส่วนมากเตรียมเงินต่อแถวซื้อต้นไม้คืน ส่วนโม่ซิวหย่วนเอาหนังสือสัญญาหนึ่งปึกออกมา หากครอบครัวไหนจ่ายเงินแล้วก็จะเขียนใส่เพิ่มเติมไปว่า ‘คืนต้นไม้ครึ่งหนึ่ง’ จากนั้นให้เจ้าตัวกับพยานบุคคลประทับลายนิ้วมือและปั้มตราประทับของกรรมการประจำหมู่บ้านถึงจะถือว่าเรื่องนี้เป็นอันเสร็จสิ้นลง
ส่วนต้นไม้บนเขาเนื่องจากมีขนาดไม่ต่างกันมาก ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นเลยให้พวกเขาไปแบ่งเองโดยแบ่งไปในปริมาณครึ่งหนึ่งก็พอ เรื่องนี้เลยไม่ถูกบันทึกลงในหนังสือสัญญาไปโดยปริยาย
การทำสัญญาขั้นตอนง่ายดายมาก ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จไปกว่าครึ่ง ชาวบ้านบางส่วนที่ได้ต้นไม้คืนต่างยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว
รอถึงฤดูใบไม้ร่วงพวกเขาก็จะได้ผลวอลนัทแล้ว นั่นเป็นเงินก้อนโตเชียวนะ!
เหลือชาวบ้านอีกไม่กี่ครอบครัวยังทำสัญญาไม่เสร็จ หวังเฟิ่งเจินหยิบเมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสงและถั่ววอลนัตออกมาให้ทุกคนทาน ขับให้ลานบ้านของตระกูลโม่คึกคักกันมากทีเดียว
“บ้านฉันมีทั้งหมดหกต้น คุณลุงไป่ซ่านก็คืนให้เราทั้งหมดเถอะนะ?” มีคนอ้อนวอน
คุณตาโม่สูบฮุคคาเสียงดังพลางกล่าวอย่างไม่พอใจ “ทุกคนได้คืนไปแค่ครึ่งเดียวกันทั้งนั้น ทำไมต้องคืนให้แกทั้งหมดด้วยล่ะ?”
ผู้ชายคนนี้หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรนักและเป็นคนตัวสูงร่างใหญ่ เป็นคุณพ่อของโม่ต้าเป่าที่โยนประทัดใส่เหมยเหมยนั่นเอง เขาชื่อว่าโม่จินกุ้ย มีกล้ามเนื้อเสียเปล่าแต่กลับไม่ชอบทำงานเลยมีฐานะยากจน อีกทั้งไม่ใช่คนสุจริตเท่าไรทำให้ชาวบ้านค่อนข้างตีตัวออกห่างจากเขา
โม่จินกุ้ยสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วพูดขอร้องอีกหลายประโยค คุณตาโม่คร้านจะสนใจจึงจดจ่ออยู่กับการสูบบุหรี่
ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสตวาดด่ากลับไป “โม่จินกุ้ยเกิดเป็นคนอย่างโลภเกินไป ต้นไม้พวกนี้ต่อให้บ้านไป่ซ่านไม่คืนให้แกก็ไม่มีใครโต้แย้งได้ ตอนนี้เขาใจดีคืนให้แกครึ่งเดียวแกยังจะตื้ออะไรอีก? พูดมากระวังจะไม่ได้คืนสักต้นเดียว!”
โม่จินกุ้ยแค่นเสียงหัวเราะ “มีสิทธิ์อะไรจะไม่คืนฉัน? พวกแกครอบครองต้นไม้บ้านฉันไปตั้งหลายปีจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ไม่คืนต้นไม้ให้ฉันระวังกรรมจะตามสนอง!”
คุณตาโม่สีหน้าดุดันลุกพรวดเขวี้ยงหม้อยาสูบใส่ศีรษะเขาทันที หม้อยาสูบของเขาทำจากทองแดงเลยหนักพอสมควร ทำเอาโม่จินกุ้ยร้องเสียงดังพาลจะเอาคืนด้วยความโมโห
พี่ใหญ่โม่จื้อหย่วนกับโม่เหวินต้งพุ่งตัวเข้าไปกระชากแขนไว้คนละข้างแล้วตะคอก “รนหาที่ตายหรือไง? กล้าทำตัวพาลในบ้านฉัน ฉันจะตีแกให้ตาย!”
“ลงไม้ลงมือเลยเหรอ…สองรุมหนึ่ง รังแกคนจนอย่างพวกเรา!”
โม่เหวิงต้งยังไม่ทันปล่อยหมัดใส่โม่จินกุ้ยเลย เจ้าหมอนี้ก็ร้องเสียงโหยหวนเหมือนโดนเชือดพร้อมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นกุมแขนไว้หาว่าแขนหักอย่างไร้ยางอาย
โม่เหวิงต้งเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวเห็นแล้วก็ตาลุกเป็นไฟ ยกขาขึ้นหมายจะกระทืบโม่จินกุ้ย “กล้ามาทำตัวขี้โกงในบ้านฉัน ฉันจะกระทืบไอ้สารเลวอย่างแกให้ตาย!”
คุณลุงใหญ่โม่กับน้ารองถลาเข้ามาดึงตัวเขาไว้ “อย่าหลงกลไอ้สารเลวนี่!”
เหมยเหมยเองก็อารมณ์เสียเพราะคนขี้โกงแบบนี้เช่นกัน คนโลภมากมักลาภหาย เธอจึงหาสัญญาของโม่จินกุ้ยจากกระดาษกองโตออกมาพลางชี้ไปที่บรรทัดด้านล่างแล้วอ่านออกเสียงดังฟังชัด “ตอนนั้นคุยกันไว้ดิบดีว่าหลังขายต้นไม้ห้ามเสียใจทีหลัง และห้ามหาเรื่อง คุณเป็นคนประทับลายนิ้วมือเอง เบิกตาดูให้ชัดสิ!”
เธอยื่นหนังสือสัญญามาตรงหน้าโม่จินกุ้ยหมายจะให้เขาดูลายนิ้วมือที่ตัวเองประทับไว้ให้ดี
โม่จินกุ้ยสายตาดีอยู่แล้ว ลายนิ้วมือสีแดงเด่นหราอยู่ตรงหน้าตัวเองแบบนี้จะไม่เห็นได้อย่างไร ความอับอายก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเลยผลักเหมยเหมยล้มในทีเดียว ด่ากลับไปว่า “เรื่องภายในครอบครัวตระกูลโม่ คนนอกอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย? ไสหัวไปเลยนะ!”
………………………
ตอนที่ 1653 ไม่คืนแม้แต่ต้นเดียว
เหมยเหมยโดนผลักอย่างแรง เพราะทรงตัวไว้ไม่ดีร่างจึงเอนล้มไปด้านหลังก่อนจะถูกเหยียนหมิงซุ่นรับไว้
เหยียนหมิงซุ่นประคองเหมยเหมยให้ยืนทรงตัวได้ก่อนจะตวัดตามองโม่จินกุ้ยอย่างเย็นชาแวบหนึ่งพลางกล่าวต่อโม่ซิวหย่วนว่า “ขอแค่โม่จินกุ้ยยังมีชีวิตอยู่ ต้นไม้พวกนี้ห้ามคืนให้เขาแม้แต่ต้นเดียว!”
“ได้ ฉันจะจดแยกเอาไว้”
โม่ซิวหย่วนหยิบสมุดเล่มหนึ่งมาบันทึกเรื่องนี้อย่างจริงจังแถมยังยึดหนังสือสัญญาของโม่จินกุ้ยไปแล้วด้วย
โม่จินกุ้ยยันตัวลุกขึ้นจากพื้นแล้วกระโจนเข้าใส่หมายจะแย่งหนังสือสัญญาฉบับนั้นไป “มีสิทธิ์อะไรจะไม่คืนฉัน? คนอื่นได้คืนกันไปคนละครึ่ง ทำไมฉันถึงไม่ได้คืนสักต้นเดียว คืนต้นไม้ของฉันมานะ…”
เหยียนหมิงซุ่นแค่ออกแรงเพียงนิดเดียวโม่จินกุ้ยก็ถูกเขาผลักล้มลงกับพื้นพลางกุมแขนขวาร้องโหยหวนออกมาเสียงดังอย่างเจ็บปวด ครั้งนี้เจ็บตัวจริง ๆเพราะมีเหงื่อผุดเต็มหน้าผากและเสียงร้องคร่ำครวญถึงพ่อแม่
“แกมันมือบอน กล้าเสียมารยาทกับผู้หญิงของฉัน งั้นก็ทนเจ็บไปแล้วกัน!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา เมื่อกี้มือที่ผลักเหมยเหมยก็คือมือข้างขวา งั้นก็ให้เขาทนเจ็บไปสักสองชั่วโมงแล้วกัน!
“แขนของฉันหักแล้ว ผู้ใหญ่บ้านต้องเป็นพยานให้ฉันนะ พวกเขารังแกกันเกินไป…” โม่จินกุ้ยประคองแขนขวาที่กระดูกเคลื่อนด้วยใบหน้าซีดเซียว เขาหลงคิดว่าแขนหักเลยผุดแผนใหม่ขึ้นมาในใจ
“พวกแกทำแขนฉันหัก ต่อให้ต่อคืนติดเหมือนเดิมก็ทำงานไม่ได้อีกแล้ว คนในครอบครัวฉันต้องอดอยากแน่ ๆ พวกแกคืนต้นไม้หกต้นมาให้ฉันก็จะถือว่าเรื่องนี้จบด้วยดี ไม่อย่างนั้นฉันจะพาคนทั้งครอบครัวมาขอข้าวบ้านพวกแกทุกวัน…”
โม่จินกุ้ยพูดแค่นเสียงโดยกลั้นความเจ็บปวดไว้เอ่ยข้อแลกเปลี่ยน เหตุที่เขาต้องทำตัวพาลแบบนี้นอกจากแผนที่อยากจะเอารัดเอาเปรียบนิดหน่อยแล้ว สิ่งสำคัญคือเขาไม่มีเงินซื้อต้นไม้คืน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินไม่ถึงสิบหยวนด้วยซ้ำ
“มาสิ!” เหยียนหมิงซุ่นหันไปเอ่ยต่อคุณตาโม่ว่า “คุณตา ถ้าเขาพาคนมาบ้านเรา คุณตาก็โทรหาสารวัตรเหมาที่สถานีตำรวจประจำอำเภอบอกว่าโม่จินกุ้ยบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล ให้เขาจับตัวไปสำนึกผิดในคุกหลาย ๆปีหน่อยแล้วกัน”
“นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของสารวัตรเหมา น้าเล็กเก็บไว้ให้ดี ถึงตอนนั้นแค่บอกชื่อฉันไปก็พอ!”
เหยียนหมิงซุ่นล้วงหยิบกระดาษโน้ตจากกระเป๋าขึ้นมาแล้วเขียนเบอร์โทรติดต่อสารวัตรเหมาก่อนจะยื่นให้โม่เหวินต้ง
สารวัตรเหมาผู้นี้ความจริงถือได้ว่าเป็นลูกน้องของเขาเพราะเขาช่วยหนุนหลังมาโดยตลอด อย่าว่าแต่จับตัวโม่จินกุ้ยไปสำนึกผิดเลย ต่อให้ขังโม่จินกุ้ยไว้ในคุกตลอดชีวิตก็ไม่มีปัญหา
ทางนี้อยู่ห่างไกลอำนาจส่วนกลาง ใครจะมาสนใจความเป็นความตายของชาวบ้านอันธพาลคนหนึ่ง?
โม่จินกุ้ยในใจขนลุกซู่แต่กลับปากแข็งโต้เถียงอีกว่า “ใครโม้ไม่เป็นบ้าง หึ ต่อให้สารวัตรมา ของที่ควรเป็นของฉันพวกแกก็ต้องคืนให้ฉัน!”
เหยียนหมิงซุ่นเผยแววตาเย็นยะเยือกออกมาแล้วให้โม่เหวินต้งหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่โทรไปยังเบอร์โทรส่วนตัวของสารวัตรเหมาที่ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย
“ตอนนี้สารวัตรเหมาว่างไหม? ตอนนี้ฉันอยู่หมู่บ้านโม่ มีคนพาลคนหนึ่งมาปอกลอกเงินอยู่หน้าบ้านฉัน นายสั่งให้ตำรวจแถว ๆนี้มาสั่งสอนสักหน่อยสิ” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง
สารวัตรเหมาที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์กับครอบครัวที่บ้านสะดุ้งตกใจจนเหงื่อตกเพราะสายที่โทรมาจากเหยียนหมิงซุ่น ก่อนรีบโทรไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้หมู่บ้านโม่มากที่สุดพร้อมคำรามเสียงดัง “รีบส่งตำรวจไปหมู่บ้านโม่เดี๋ยวนี้ ที่นั่นมีคนชื่อโม่จินกุ้ย จับมันไปขัง!”
“ขังนานแค่ไหน?”
“ขังไปก่อนแล้วกัน!”
สารวัตรเองก็ไม่บอกว่าต้องการขังนานแค่ไหนจึงเท่ากับว่าไม่จำกัดวันเวลา ให้ตายสิ กล้าไปหาเรื่องถึงบ้านคุณชายหมิง ถ้าทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งสารวัตรล่ะก็จะขังมันไปทั้งชีวิตเลย!
สารวัตรประจำสถานีเองก็สะดุ้งจนฉี่แทบราด เมื่อครั้นที่เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในอำเภอสารวัตรเหมายังไม่เคยตระหนกขนาดนี้มาก่อน โม่จินกุ้ยคนนั้นต้องเป็นผู้ก่อการร้ายสุดโต่งแน่นอน
ดังนั้นเขาเลยสั่งลูกน้องไปอย่างจริงจังว่า “มีผู้ก่อการร้ายปรากฏตัวที่หมู่บ้านโม่ พวกแกเตรียมตัวให้ดีระวังอย่างให้ชาวบ้านแตกตื่น ต้องจับตัวผู้ก่อการร้ายกลับมาให้ได้!”
“รับทราบ!”
ทีมตำรวจพร้อมชุดเครื่องแบบและอาวุธครบครันได้ออกเดินทางอย่างยิ่งใหญ่
……………………….