ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1666 ไม่ซื่อสัตย์ + ตอนที่ 1667 จบลงอย่างสิ้นเชิง
ตอนที่ 1666 ไม่ซื่อสัตย์
คุณป้าฮวายังคิดจะร้องคร่ำครวญต่อแต่พอเห็นสีหน้าเย็นชาของเหยียนหมิงซุ่นก็อดตัวสะท้านเฮือกไม่ได้ ความเยือกเย็นก่อตัวขึ้นในใจ
หลานชายตระกูลโม่น่ากลัวจัง ท่าทางเหมือนจะฆ่าคนยังไงอย่างนั้น!
โม่ซิวหย่วนสิดี แต่ลูกสาวดันไม่ถูกใจ เฮ้อ!
โม่เหวินต้งยังอยากจะดูเรื่องสนุก ๆต่อเลยผลักหลานชายคนโตอย่างโม่จื้อหย่วนทีหนึ่งเป็นเชิงให้เขาไปรับ โม่จื้อหย่วนจึงจำต้องขับรถไปตามคำสั่งแต่โดยดี โม่มู่เกินอยู่บ้านคุณอาหญิงที่อยู่หมู่บ้านข้างเคียงซึ่งขับรถไปใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ไม่นานโม่มู่เกินก็ถูกรับตัวมาพร้อมกับลูกชายทั้งสองคนของเขา พ่อลูกสามคนล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และหน้าตาใสซื่อ
เห็นคุณป้าฮวาที่ตกอยู่ในสภาพดูไม่จืดบนพื้นโม่มู่เกินก็นึกแปลกใจเหลือเกินเลยยิ้มกล่าวว่า “ลุงไป่ซ่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
คุณตาโม่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องก่อนหน้านี้ของคุณป้าฮวาให้ฟังคร่าว ๆ “มู่เกิน บุญคุณที่แกช่วยชีวิตฉันไว้ฉันขอบคุณมาก ฉะนั้นตลอดหลายปีมานี้เมียของแกมาขอเงินที่บ้านฉันอยู่บ่อย ๆฉันก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แต่เรื่องผูกญาติฉันไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ หมิงซุ่นไม่ใช่คนตระกูลโม่ เขาสกุลเหยียน”
“แต่ก็เรียกท่านว่าคุณตานะ แล้วทำไมถึงตัดสินใจไม่ได้…” คุณป้าฮวาพูดแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง
โม่มู่เกินหน้าแดงก่ำดั่งสีของตับหมู เขาไม่รู้เรื่องที่คุณตาโม่พูดเลยสักนิด ผู้หญิงโง่คนนี้!
“หุบปาก!”
โม่มู่เกินตวาดเสียงดัง คนซื่อสัตย์จริงใจไม่ค่อยโกรธเท่าไรแต่หากโกรธเมื่อไรกลับน่ากลัวอย่างมาก คุณป้าฮวาเสียวสันหลังวาบเลยหุบปากไปแต่โดยดี
“ลุงไป่ซ่าน ผมจะกลับไปอบรมเธอที่บ้านเอง คนใจกว้างอย่างท่านได้โปรดอย่าถือสาเธอ บุญคุณที่ช่วยชีวิตอะไรนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว คนบ้านเดียวกันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร!”
โม่มู่เกินรีบพูดเอาใจด้วยใบหน้ารู้สึกผิดปนอับอาย
เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากฟังคำไร้สาระต่อเลยพูดเสียงเย็นชา “ก็ยังต้องพูดถึงอยู่ ผู้หญิงคนนี้ถ้าคุณควบคุมได้เธอคงไม่ถึงกับอ้างบุญคุณนี้มาข่มขู่บ้านคุณตาผมมาสิบกว่าปีหรอก วันนี้เรื่องนี้ต้องสะสางให้จบ พวกคุณเสนอราคามาเลย!”
ถึงขนาดคิดวางแผนจับเขา แล้วยังด่าผู้หญิงของเขานับครั้งไม่ถ้วน เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางเกรงใจอยู่แล้ว!
โม่มู่เกินหน้าแดงก่ำพลางถูมืออย่างไม่สบายใจแต่ในใจกลับนึกเกลียดคุณป้าฮวาเหลือเกิน
ไพ่ใบดี ๆแบบนี้ ทุกอย่างกลับถูกนังโง่คนนี้ทำพังยับเยิน
“คนบ้านเดียวกันพูดเรื่องเงินเดี๋ยวก็ทำลายความรู้สึกกันหรอก เรื่องแบบนี้ไม่มีค่าพอให้พูดถึงอะไร” โม่มู่เกินยิ้มซื่อบอกเพียงว่าไม่เอาเงิน
แม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตแต่กลับไม่โง่ ครั้งนี้หากรับเงินไว้คราวหลังก็ไม่สามารถอ้าปากขอให้ตระกูลโม่ช่วยทำธุระให้อีกแล้ว ขอแค่เขาไม่ตายบุญคุณนี้จะต้องมีผลต่อไปอย่างยาวนานซึ่งมันคุ้มกว่าการรับเงินก้อนในคราวเดียว
เหมยเหมยอดพูดประชดไม่ได้ “แต่ภรรยาของคุณพูดอยู่ทุกวี่วัน ถ้าจะบอกว่าคุณช่วยชีวิตคุณตาไว้หนึ่งชีวิตแต่บ้านเราช่วยภรรยากับลูกสาวคุณไว้รวมสองชีวิต สองต่อหนึ่ง ต่อให้เป็นดอกเบี้ยก็ถือว่าชดใช้หมดแล้ว”
ผู้ชายคนนี้ดูท่าทางเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจแต่กลับไม่ซื่อสัตย์เลยสักนิด
เธอไม่เชื่อหรอกว่าการกระทำของคุณป้าฮวาในตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้โม่มู่เกินจะไม่รู้เลยงั้นเหรอ?
เหมือนคุณปู่จ้าวที่แค่แกล้งโง่เท่านั้นแหละ!
หนำซ้ำปากบอกไม่ใช่เรื่องที่มีค่าพอจะเอ่ยถึงแต่กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ตระกูลโม่ช่วยสองชีวิตไว้ เหอะ ถ้าเช่นนี้เธอจะช่วยเตือนสติผู้ชายคนนี้สักครั้งแล้วกัน
โม่มู่เกินอายจนหน้าแดงกว่าเดิมและนึกบ่นในใจว่าเหมยเหมยเป็นใครกัน ทำไมถึงฝีปากเก่งกล้าขนาดนี้ คนตระกูลโม่ยังไม่พูดอะไรด้วยซ้ำแล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูด?
คุณป้าฮวาได้ยินว่าจะให้เงินเลยเริ่มชั่งใจ
คนอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วยกันยากเกินไป หากลูกสาวแต่งเข้าบ้านไปต้องไม่มีความสุขแน่ สู้เอาเงินก้อนมาทีเดียวเลยดีกว่า
“หนึ่งหมื่นหยวน ไม่สิ หนึ่งแสนหยวน ฉันจะไม่พูดถึงอีก” คุณป้าฮวาเอ่ยเสียงดัง
ชาวบ้านต่างสะดุ้งเฮือก โอ้โห หนึ่งแสนหยวนเชียว!
คุณป้าฮวาคนนี้มันหวังเกินตัวชัด ๆ!
…………………………
ตอนที่ 1667 จบลงอย่างสิ้นเชิง
โม่มู่เกินเองก็ตกใจเฮือกพลางตวาดด่า “เธอหุบปาก!” เขารีบยิ้มขอโทษคนตระกูลโม่อีกครั้ง “อย่าไปฟังเธอพูดเหลวไหล คนบ้านเดียวกันจะพูดถึงเรื่องเงินได้อย่างไร!”
โม่เหวินต้งอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ตลอดหลายปีมานี้เมียของแกมาขอเงินบ้านฉันรวม ๆแล้วก็เกินหนึ่งหมื่นหยวน เทียบกับการขอไปทีละเล็กละน้อยสู้จ่ายให้มันจบ ๆทีเดียวเลยดีกว่า!”
ชาวบ้านคนอื่น ๆเห็นแล้วก็อิจฉาตาร้อน อิจฉาโม่มู่เกินที่จับพลัดจับผลูโชคหล่นทับหัวบังเอิญไปช่วยพ่อของเศรษฐีเข้า หนึ่งแสนหยวนเชียว พอใช้ทั้งชีวิตไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว!
“มู่เกินแกอย่าไปฟังเมียแกนะ คุณลุงไป่ซ่านชดใช้พวกแกไปสองชีวิตแล้ว แกยังมีหน้าเอาเงินอีกเหรอ?”
“นั่นสิ คนอื่นช่วยชีวิตบ้านพวกแกกลับปิดปากเงียบไม่พูดถึง ตอนนี้ยังทำตัวเหมือนโจรที่อ้าปากทีก็ขอหนึ่งแสน หน้าด้านจริงๆ!”
“วันหลังอยู่ให้ห่างจากบ้านพวกเขานะ ผู้หญิงคนนี้อย่างกับปลิงถ้าโดนเกาะทีก็หนีไม่พ้นแล้วล่ะ”
……
ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงฮือฮาล้วนตำหนิคุณป้าฮวาหน้าไม่อาย ซึ่งแน่นอนว่าจิตใต้สำนึกนั้นก็หวังว่าโม่มู่เกินจะไม่ได้เงินก้อนนี้ไป
ไม่เช่นนั้นเห็นครอบครัวที่เดิมทีฐานะพอ ๆกันกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน พวกเขาจะทนไหวได้อย่างไร?
พ่อลูกโม่มู่เกินยิ่งอับอายจนนึกอยากแทรกแผ่นดินหนี คุณป้าฮวากลับทำตัวเหมือนคนไม่มีเรื่องอะไรแล้วยังตะโกนด่าพวกชาวบ้านกลับไปหลายทีหาว่าพวกเขาอิจฉาตาร้อนเลยมายุ่มย่ามเรื่องคนอื่น!
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา “หนึ่งแสนก็ใช่ว่าจะให้ไม่ได้ ชีวิตของคุณตาฉันมีค่ามากกว่าสองชีวิตพวกคุณอีก แต่พวกคุณต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาว่าหลังจากได้เงินไปจะไม่อ้างหนี้บุญคุณขอให้บ้านคุณตาฉันช่วยเรื่องใดอีก และจะขอเงินเพิ่มอีกหยวนเดียวก็ไม่ได้”
คุณป้าฮวาตะเบ็งเสียงดัง “เธอพูดจริงนะ?”
โม่เหวินต้งตะคอกใส่ “ทำไมจะไม่จริง? ผู้ชายอย่างเราคุยกันผู้หญิงอย่างเธอจะมาแทรกอะไรด้วย? พี่มู่เกินทำไมแค่ผู้หญิงคนหนึ่งพี่ก็คุมไม่อยู่นะ?”
หากเปลี่ยนเป็นภรรยาของเขาที่สร้างปัญหานอกบ้านแบบนี้เขาหย่าไปตั้งนานแล้ว!
โม่มู่เกินอับอายสุดฤทธิ์เลยตวัดฝ่ามือตบหน้าคุณป้าฮวาฉาดใหญ่ทำเอาคุณป้าฮวามึนไปเลยทีเดียวและนิ่งค้างไม่ได้สติไปพักใหญ่
“ไม่ต้องให้เงินหรอก หลังจากนี้บ้านเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ฉันจะกลับไปอบรมสั่งสอนผู้หญิงคนนี้”
โม่มู่เกินฉุดคุณป้าฮวาขึ้นจากพื้นทีเดียวก่อนจะถลึงตาจ้องเขม็ง เรียกให้คุณป้าฮวาตัวสะท้านเฮือกและไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวโดนตบอีกฉาดหนึ่ง
เหยียนหมิงซุ่นห้ามเขาไว้ “คุณไม่เอาเงินไปบ้านเราไม่สบายใจ เอาไปเถอะจะได้จบลงสักที”
เงินหนึ่งแสนเยอะไปหน่อยก็จริงแต่บ้านตระกูลโม่จ่ายไหว ถือว่าซื้อความสบายใจแล้วกัน!
โม่ฉิ่วหลิงกัดฟันแน่นลอบอธิษฐานในใจขอให้พ่อของเธออย่ารับเงินไว้ ไม่อย่างนั้นต่อจากนี้เธอจะเข้าใกล้เหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไรอีก?
แต่ว่า–
โม่มู่เกินเองก็หวั่นไหวเช่นกัน ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน สำหรับเขาแล้วเป็นจำนวนเลขมหาศาลแล้วจะไม่หวั่นไหวได้หรือ?
พวกพี่น้องโม่เหวินต้งเองก็ช่วยพูดโน้มน้าวจนโม่มู่เกินยอมรับเอาไว้ แม้จะรู้สึกเกรงใจแต่เงินหนึ่งแสนเย้ายวนใจมากเกินไปเลยทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่ง
เหยียนหมิงซุ่นให้โม่ซิวหย่วนไปถอนเงินจากธนาคารมาก่อนที่เขาจะเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่นานโม่ซิวหย่วนก็กลับมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ที่ทำเอาทุกคนเห็นแล้วตาร้อนผ่าว ลอบด่าโม่มู่เกินในใจว่าช่างโชคดีจริง ๆ
“เซ็นแล้วประทับรอยนิ้วมือด้วย”
เหยียนหมิงซุ่นเอาเงินให้โม่มู่เกินทั้งยังเชิญชาวบ้านที่อายุค่อนข้างมากสามคนมาเป็นพยานก็ถือว่าเรื่องนี้จบเสียที
คุณป้าฮวาคอยมองเงินทั้งกระเป๋านั่นจนตาค้าง เริ่มวางแผนในใจแล้วว่าจะใช้เงินก้อนนี้อย่างไรดี
เธอต้องไปเป็นเจ้าคนนายคนในเมืองให้ได้แล้วค่อยซื้อสร้อยทองแล้วจ้างแม่บ้านมาสักคนหนึ่ง เธอเองก็อยากมีชีวิตที่สุขสบายสักหน
โม่มู่เกินมือสั่นเทาถือกระเป๋าเงินใบนั้นกลับบ้านไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นสายตาเหยียดหยามและอิจฉาจากชาวบ้านโดยรอบเลย
สิ่งที่เขาไม่รู้คือเงินหนึ่งแสนหยวนนี้จะทำให้ครอบครัวเขากลายเป็นคนชายขอบของหมู่บ้าน อีกทั้งยังทำให้ชีวิตของคนในครอบครัวเขาต้องหลุดออกไปจากวงโคจรเดิม
………………………….