ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1668 แม่บ้านคนใหม่ + ตอนที่ 1669 อดอาหารประท้วง
ตอนที่ 1668 แม่บ้านคนใหม่
พวกเหมยเหมยพักที่หมู่บ้านโม่ไม่กี่วันก็เตรียมตัวกลับเมืองแล้ว เดิมทีเตรียมไปฉลองปีใหม่ที่ฮ่องกงแต่เหมยเหมยอยากอยู่กับเหยียนหมิงซุ่นมากหน่อย ไม่อยากให้งานกินเวลามากเกินไปเลยเลื่อนเวลาไปเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
ส่วนปิดเทอมฤดูหนาวนี้ก็เที่ยวสนุกให้เต็มที่ไปเลย!
ด้วยกันกับคนรักไงล่ะ!
คืนก่อนกลับคุณยายโม่กับเหล่าสะใภ้หวังเฟิ่งเจินเริ่มวุ่นอีกครั้งเพราะมัวแต่เตรียมของกินให้พวกเหมยเหมยไม่ว่าจะเป็นขนมถวนหยวน ซาลาเปาเจไส้แคร์รอตต่าง ๆ ไหนจะห่อของฝากขึ้นชื่อในท้องถิ่นไปให้อีกหนึ่งกระเป๋าใหญ่
เนื้อตากเค็ม หน่อไม้ตากแห้ง ผักดองตากแห้งหรือกุนเชียงเป็นต้นล้วนเป็นของดองฝีมือพวกคุณยายกันทั้งสิ้น แม้หน้าตาสู้ของขายตามท้องตลาดไม่ได้แต่รสชาติไม่แพ้ใคร ในเมืองหลวงถึงมีเงินก็หาซื้อได้ยาก
“วันหลังถ้ามีเวลาก็กลับมาบ่อย ๆนะ ไม่รู้ว่ายายจะทำกับข้าวให้พวกเธอได้กินอีกกี่มื้อล่ะ”
หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จเหยียนหมิงซุ่นก็เตรียมขับรถกลับเมืองจินโดยมีคุณยายโม่ส่งพวกเขาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านด้วยสีหน้าเศร้าโศกพร้อมมือที่ปาดเช็ดน้ำตาไปด้วย
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่พอใจ “คุณยายสุขภาพแข็งแรงขนาดนี้พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ? คุณยายจะต้องอายุยืนร้อยปีแน่นอน!”
โม่เหวินต้งเองก็พูดคล้อยตามไม่กี่ประโยคทำให้คนแก่ดีใจอีกหน ยิ้มกว้างยืนส่งรถของเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยที่ค่อย ๆขับไกลออกไปจนกลายเป็นจุดดำลับสายตาไป
เฮ้อ!
คุณยายพรูลมหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เจอกันหนึ่งครั้งก็น้อยลงไปหนึ่งครั้ง!
ระหว่างทางกลับเหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ไม่ดีนัก ต่อให้คุณยายสุขภาพกายแข็งแรงเพียงใดแต่ก็เป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ห่างจากอายุร้อยปีอีกแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้นเพราะท้ายที่สุดการจากลาก็ต้องมาถึงอยู่ดี
“พี่ ขอแค่กินยาวิเศษประจำ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่คุณยายจะอายุร้อยกว่าปี พี่อย่ากังวลไปเลย” เหมยเหมยพูดปลอบใจ
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกอุ่นวาบในใจทั้งลอบด่าตัวเองในใจว่าโลภมาก
หากไม่ใช่ยาวิเศษของเหมยเหมยคงยากที่คุณยายจะอายุถึงแปดสิบปีด้วยซ้ำ ตอนนี้อายุยืนนานร้อยปีแล้วเขายังไม่พอใจอะไรอีก?
“ขอบคุณนะเหมยเหมย!”
เหยียนหมิงซุ่นหันไปจุ๊บหน้าผากเหมยเหมยทีหนึ่ง ร้อยพันหมื่นถ้อยคำหล่อหลอมเป็นเพียงหนึ่งจูบที่สัญญากับตัวเองในใจว่าจะต้องรักและทะนุถนอมหญิงสาวตรงหน้านี้ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์
“กับฉันพี่ยังจะเกรงใจไปทำไมอีก?” เหมยเหมยพูดเสียงดุ
“ใช่ ไม่ต้องเกรงใจภรรยาตัวเองนี่เนอะ” เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากจู่ ๆก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตา เพราะอีกห้าเดือนเขาก็จะได้จดทะเบียนสมรสกับเหมยเหมยแล้ว
เหมยเหมยเองก็คิดถึงเรื่องนี้เลยยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะเอียงศีรษะถาม “ยังมีวันหยุดอีกหนึ่งสัปดาห์ เราไปเที่ยวไหนดี?”
“ไปทางใต้ เราไปดูทะเลกัน!”
ตามหาชายหาดที่เงียบสงัดไร้ผู้คน ยามดวงจันทร์และกลุ่มดาวประดับท้องนภา คอยฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งด้วยกันกับเหมยเหมย…
บรรยากาศต้องดีเกินบรรยายแน่ ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นมีความสุขจนยิ้มปากแทบฉีก นับตั้งแต่ได้ลิ้มรสความบันเทิงจากการเล่นกันกลางแจ้งในหุบเขาคราวก่อนเขาก็ได้เตรียมแผนการไว้มากมาย เนินเขา ที่สูงชัน ชายหาด ป่าไม้ บนรถ…
เขาไม่ใช่คนประเภทที่จินตนาการวาดฝันอย่างเดียว แผนการเหล่านี้เขาเตรียมที่จะดำเนินการช้า ๆ
เหมยเหมยจะรู้ได้อย่างไรว่าคนดีข้างกายกลายร่างเป็นอสูรไปแล้ว ตอนนี้ในหัวเต็มไปด้วยแผนการว่าจะล้มทับเธอและกลืนกินเธออย่างไรครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไปซานย่าเหรอ? แบบนี้ก็อาจจะได้เจอพ่อแม่ฉันสิ!” เหมยเหมยดีใจอย่างมาก
“ไม่เจอหรอก พ่อแม่เธอกลับบ้านไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดอมยิ้มแล้วหยี่ตาลง นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์
พอกลับถึงบ้านคุณย่าหยางดีใจอย่างมากเลยวุ่นอยู่กับการเตรียมมื้อเย็นในครัว แต่ในบ้านกลับมีคนแปลกหน้าเพิ่มมาอีกคนเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยหุ่นดีวัยยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง
“นี่คือเสี่ยวหยู แม่บ้านที่เพิ่งมาใหม่” คุณย่าหยางแนะนำด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร
เหมยเหมยนึกแปลกใจเหลือเกินว่าทำไมจู่ ๆถึงจ้างแม่บ้านมา? ทั้งที่คุณย่าหยางไม่เคยพูดถึงมาก่อนเลยนี่นา!
……………………….
ตอนที่ 1669 อดอาหารประท้วง
แม่บ้านเสี่ยวหยูชื่อจริงว่าหยูเหม่ยเจิน เธอเป็นคนทำงานเก่งและขยันขันแข็งคนหนึ่งแถมยังปากหวานด้วย เดี๋ยวก็เรียกคุณปู่เหยียนอย่างนั้นคุณปู่เหยียนอย่างนี้เอาใจจนคุณปู่เหยียนดีใจยกใหญ่และพูดชมเธอไม่ขาดปาก
แต่เหมยเหมยกลับไม่ชอบเธอ เธอรู้สึกว่าหน้าตาหยูเหม่ยเจินดูเป็นคนเหลาะแหละ อีกทั้งดวงตาที่ไหวพริบดีเกินไปไม่เหมือนคนซื่อสัตย์สงบเสงี่ยมสักนิด
“ทำไมจู่ ๆถึงจ้างแม่บ้านล่ะ?” เหมยเหมยกระซิบถามเหยียนหมิงซุ่นเสียงเบา
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไร เมื่อก่อนเขาเคยเสนอว่าจะจ้างแม่บ้านมาเพื่อดูแลคนแก่ทั้งสองแต่คุณย่าไม่ยอมบอกว่าไม่ชอบให้ที่บ้านมีคนแปลกหน้าเขาจึงไม่เคยเอ่ยถึงอีก
“พี่ลองไปถามดูก่อน”
เหยียนหมิงซุ่นสบโอกาสตอนที่คุณย่าหยางว่างแล้วเรียกเธอไปข้างนอกก่อนที่คุณย่าหยางจะระบายออกมายาวเหยียด
ที่แท้แล้วแม่บ้านคนนี้เหยียนโฮ่วเต๋อเป็นคนหามาซึ่งคุณย่าหยางไม่รู้ความแต่อย่างใด เธอไปซื้อผักกลับมาบ้านก็มีคนแปลกหน้าเพิ่มมาหนึ่งคนแล้ว คุณปู่เหยียนเป็นคนรั้งอีกฝ่ายเอาไว้เองบอกว่าให้ช่วยทำงานบ้านเธอจะได้สบายขึ้นหน่อย
ไหน ๆก็รั้งหล่อนไว้แล้วคุณย่าหยางเลยไม่สะดวกใจหากจะไล่กลับไปอีกแต่กลับไม่รู้สึกสบายใจนัก เพราะเหตุนี้เธอเลยทำสงครามเย็นกับคุณปู่เหยียนมาหลายวันแล้ว
“จ้างแม่บ้านสักคนมาช่วยงานบ้านคุณย่าได้แต่ฉันรู้สึกว่าหยูเหม่ยเจินคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร” มีอีกประโยคหนึ่งที่เหมยเหมยไม่ได้พูดออกมา คนที่เหยียนโฮ่วเต๋อเป็นคนหามาแล้วจะเป็นคนดีได้สักแค่ไหนเชียว?
คนประเภทเดียวกันมักอยู่ด้วยกันนี่นา!
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ใส่ใจเท่าไรในเมื่อเขาไม่อาศัยบ้านหลังนี้บ่อย ๆอยู่แล้ว แม่บ้านจะร่างกลมหรือแบนก็ไม่สนใจหรอก ทว่าในเมื่อเหมยเหมยกับคุณย่าล้วนไม่ชอบใจถ้าเช่นนั้นก็เปลี่ยนคนใหม่แล้วกัน!
แน่นอนว่าต้องปรึกษาคุณปู่เหยียนสักหน่อย!
“ทำไมถึงเปลี่ยนล่ะ? ฉันว่าเสี่ยวหยูก็ดีออก ขยันทำงาน ฝีมือกับข้าวก็ไม่เลว อีกอย่างฐานะที่บ้านของเสี่ยวหยูก็ลำบาก หางานได้ทั้งทีแล้วจะไล่เธอกลับไปอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไรกัน? ฉันไม่ตกลง!” คุณปู่คัดค้าน
หลายวันมานี้เขาได้สังเกตมาอย่างดีว่าหยูเหม่ยเจินนอกจากจะขยันกระตือรือร้นแล้วยังใฝ่รู้ใฝ่เรียน หล่อนมักมาขอถามเรื่องเรียนกับเขาประจำ ทั้งยังบอกว่าตอนเรียนหนังสือเมื่อก่อนสอบได้คะแนนดีตลอดมาแต่เพราะฐานะที่บ้านยากจนเลยไม่สามารถเรียนต่อได้ เธอลาออกมาเป็นแม่บ้านก็เพื่อหาเงินเลี้ยงลูกสาว ไม่อยากให้ลูกสาวต้องทิ้งการเรียนเช่นเดียวกับเธอ
คุณปู่เหยียนซาบซึ้งใจมาก ช่างเป็นมารดาผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้มแข็งมุ่งมั่นดีจริง ๆ!
ฉะนั้นคนแก่อย่างเขาย่อมต้องช่วยเหลือเจ้าหนูน้อยที่ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาคนนั้น จะปล่อยให้เจ้าหนูน้อยอดเรียนไม่ได้
คุณปู่เหยียนผู้ใจดีมีเมตตาไม่พอใจต่อคุณย่าหยางและเหยียนหมิงซุ่นอย่างมาก ทั้งที่หยูเหม่ยเจินกระตือรือร้นและเก่งกาจขนาดนี้ทำไมพวกเขาถึงไม่ชอบกันล่ะ?
“ถ้าพวกเธอกล้าไล่เสี่ยวหยูออก ฉันก็จะไม่ไปเมืองหลวงแล้ว…ฉัน…จะอดข้าว!”
ไม่รู้ว่าคุณปู่เหยียนเส้นประสาทเส้นไหนได้รับความเสียหายหรือเปล่าถึงบอกว่าจะอดอาหาร ไหนจะยังอดมื้อเย็นจริง ๆ ทำเอาคนร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
แค่แม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้นเองไม่ใช่ปัญหาที่สร้างความเสียหายมากมายอะไรอยู่แล้ว ทุกคนจึงไม่พูดถึงเรื่องเปลี่ยนแม่บ้านอีกแต่เลือกเก็บหยูเหม่ยเจินไว้ต่อ
หยูเหม่ยเจินลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย
“หมิงซุ่น พวกหลานจะกลับเมืองหลวงเมื่อไร?” เวลามื้อเย็นคุณย่าหยางถามขึ้น
“ผมจะพาเหมยเหมยไปดูทะเลทางใต้ก่อน ถึงตอนนั้นเราค่อยกลับเมืองหลวงด้วยกัน ทางนั้นเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้วคุณย่ากับคุณปู่ไม่ต้องเอาอะไรไปทั้งนั้นนะครั้ง” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว
คุณย่าหยางรับคำอย่างมีความสุขเช่นเดียวกับคุณปู่เหยียนแต่หยูเหม่ยเจินกลับเริ่มลน
“แล้ว…ฉันไปไหน?”
คุณปู่เหยียนคิดได้เลยเอ่ยโดยไม่ทันคิด “ไม่งั้นก็พาเสี่ยวหยูไปเมืองหลวงด้วยสิ จะได้ไม่ต้องหาแม่บ้านที่นู่นอีก”
หยูเหม่ยเจินลอบยิ้มร่าในใจ เธอโตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยได้ไปเมืองหลวงเลยสักครั้งเดียว ถ้าได้ไปจริง ๆงานนี้ก็คุ้มเหลือเกิน!
ไม่แน่เธออาจจะจับเจ้านายเศรษฐีระดับแถวหน้าของเมืองหลวงได้แล้วใช้ชีวิตสุขสำราญเยี่ยงคุณนายก็ได้นะ!
………………………