ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1686 อย่าคิดจะอยู่ดีเลย + ตอนที่ 1687 ช่วยเหลือชนบทยากไร้
ตอนที่ 1686 อย่าคิดจะอยู่ดีเลย
เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นกลับบ้านพร้อมกันเพื่อเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยงไปส่งโรงพยาบาล เหมยเหมยซื้อปลาช่อนมาหนึ่งตัว ปลาช่อนอุดมไปด้วยสารอาหารเป็นประโยชน์ต่อการพักฟื้นร่างกาย จึงเหมาะกับการให้คุณปู่เหยยีนทานในเวลานี้
กลับถึงบ้านเหยียนหมิงซุ่นได้โทรถามถึงสถานการณ์ของถานซูฟางกับอวี๋เหม่ยเจิน สนทนาเพียงไม่กี่ประโยคก็วางสายไปแล้วยิ้มอ่อนที่มุมปาก
“สองคนนั้นเป็นไงบ้าง?” เหมยเหมยถามอย่างฉงน
เหยียนหมิงซุ่นกรีดหนังท้องปลาไปพูดไปว่า “รอถานซูฟางรักษาแผลที่มือเสร็จก็ส่งตัวไปเป็นแพทย์ในเขตสงคราม อวี๋เหม่ยเจินถูกส่งตัวไปชนบทห่างไกลแล้ว ไปเป็นเมียของสี่พี่น้อง”
ผู้หญิงคนนี้ชอบผู้ชายไม่ใช่หรือ?
ถ้าอย่างนั้นก็จัดให้เธอสี่คน เธอน่าจะพอใจแล้วสินะ!
เหมยเหมยเบิกตากว้างกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ใช้เมียร่วมกันเหรอ?
ทั้งยังเป็นเมียร่วมกันของสี่พี่น้องอีกต่างหาก นี่…นี่มัน…
แน่นอนว่าเธอไม่มีวันเห็นใจอวี๋เหม่ยเจินอยู่แล้ว แม้ถานซูฟางจะเป็นผู้บงการแต่อวี๋เหม่ยเจินเองก็มีเจตนาร้ายเหมือนกัน จุดจบตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเธอทำตัวเองทั้งนั้นเลยไม่น่าเห็นใจสักนิดเดียว เพียงแต่–
“อวี๋เหม่ยเจินมีลูกสาวอีกคนไม่ใช่เหรอ? ลูกสาวเธอล่ะจะทำอย่างไร?”
เหมยเหมยจำได้ว่าคุณปู่เหยียนเคยบอกว่าเหตุผลที่อวี๋เหม่ยเจินมารับจ้างเป็นคนรับใช้เพื่อหาเงินค่าเทอมให้ลูกสาว เช่นนี้แล้วแม้อวี๋เหม่ยเจินจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีแต่น่าจะเป็นคุณแม่ที่ดี
เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “อวี๋เหม่ยเจินมีลูกสาวก็จริง ปีนี้อายุสี่ขวบ แต่เธอไม่ได้ทำดีกับลูกสาวคนนี้เลยสักนิด เด็กน้อยมีคุณปู่คุณย่าคอยเลี้ยงดูอยู่ อวี๋เหม่ยเจินนานทีปีหนถึงจะกลับไปเยี่ยมดูสักครั้งและไม่เคยเอาเงินกลับไปสักหยวนเดียว”
หากไม่ได้ตามสืบถึงเรื่องราวเหล่านี้ บางทีเขาคงไม่กล้าใจเหี้ยมต่ออวี๋เหม่ยเจินมากขนาดนี้
กับผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกได้แต่เลี้ยงดูไม่ได้นั้น เขายิ่งไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด!
“พ่อของเด็กล่ะ?” เหมยเหมยเองก็โกรธอย่างมาก ความเห็นใจอันน้อยนิดสุดท้ายที่มีต่ออวี๋เหม่ยเจินก็หายวับทันที
“สองปีก่อนไปจับงูบนเขาแล้วโดนงูพิษฉกตาย แล้วที่ผู้ชายคนนี้ไปจับงูก็เพราะอวี๋เหม่ยเจินอยากซื้อสร้อยทอง” เหยียนหมิงซุ่นเผยแววตาเย็นยะเยือก
เหมยเหมยด่าทออย่างเคียดแค้น “ตัวกาลกินีจริง ๆ ทำไมพี่หาแค่สี่พี่น้องล่ะ? ทำไมไม่หาครอบครัวที่มีพี่น้องเยอะกว่านี้หน่อยล่ะ?”
ผู้หญิงที่ความคิดตื้นเขินทั้งยังเห็นแก่ตัวแบบนี้ สี่พี่น้องยังน้อยไปสำหรับเธอ!
เหยียนหมิงซุ่นหลุดหัวเราะเสียงเบาแล้วดีดจมูกเหมยเหมยทีหนึ่งจนเกล็ดปลาติดอยู่ตรงปลายจมูกเธอ เหมยเหมยปัดเกล็ดปลาออกอย่างไม่พอใจพลางถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง
“หมู่บ้านนั่นอย่างมากก็มีแค่สี่พี่น้องแต่ก็เป็นครอบครัวที่จนที่สุดในหมู่บ้าน แต่เธอสบายใจได้ สี่พี่น้องยังมีพ่อที่ยังโสดและแข็งแรงดีและคุณอาเล็กที่โสดอีกคน” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบ
เหมยเหมยตาเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอาย เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่เธอก็เข้าใจแล้ว
น่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ!
แต่ก็เป็นการเอาคืนที่ดีที่สุด!
ใครให้อวี๋เหม่ยเจินเป็นต้นเหตุให้สามีตายแล้วยังทอดทิ้งลูกสาวล่ะ!
สมน้ำหน้า!
เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ครอบครัวนั้นได้ผ่านการคัดสรรอย่างละเอียดจากเขาเอง คุณแม่ของสี่พี่น้องก็เป็นเมียร่วมที่คุณพ่อของพวกเขาเป็นใครนั้นคิดว่าแม้แต่ผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ในหมู่บ้านชนเผ่าภูเขาถิ่นทุรกันดารแบบนั้นผู้หญิงก็เท่ากับสมบัติส่วนรวมของผู้ชายทั้งครอบครัว ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถครอบครองได้
อวี๋เหม่ยเจินค่อย ๆทนไปแล้วกัน!
หลังจากต้มน้ำซุปปลาเดือดเหมยเหมยก็ใส่เกลือเพียงเล็กน้อยก่อนจะหรี่ไฟค่อย ๆเคี่ยวไป แล้วถามต่อ “แล้วเหยียนโฮ่วเต๋อจะจัดการอย่างไร?”
เจ้าเหยียนโฮ่วเต๋อหน้าไม่อายที่สุด พอหลับนอนกับอวี๋เหม่ยเจินก็ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งยังไปเยี่ยมคุณปู่เหยียนที่โรงพยาบาลเพียงครั้งเดียวก็ไม่เคยไปอีกเลย พร่ำบอกแต่ว่างานยุ่งไม่มีเวลา
เหอะ คนว่างงานที่รอเอาเงินเดือนไปวัน ๆจะงานยุ่งได้สักแค่ไหนเชียว?
เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีหนึ่ง “รอคุณปู่คุณย่าย้ายไปเมืองหลวงก่อน พี่ค่อยจัดการเขา!”
ตัวการหลักที่ทำให้คุณแม่ต้องตายก็คือเหยียนโฮ่วเต๋อ เขาน่ารังเกียจยิ่งกว่าถานซูฟางอีก แล้วจะปล่อยไปง่าย ๆได้อย่างไรกัน?
…………………………..
ตอนที่ 1687 ช่วยเหลือชนบทยากไร้
ผ่านไปอีกสองวันอาการของคุณปู่เหยียนก็เริ่มคงที่ แม้จะยังปากเบี้ยวตาเสอยู่บ้างแต่กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมากและพอจะทานอาหารเหลวได้บ้างแล้ว
ขอแค่ทานข้าวได้ก็จะมีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย บวกกับมียาวิเศษคอยรักษาอยู่ก็ใช้เวลาฟื้นตัวในเวลาไม่นาน
เหยียนหมิงซุ่นเริ่มเตรียมการเรื่องที่จะย้ายไปเมืองหลวง ถานซูฟางถูกส่งตัวไปเขตชายแดนเสร็จสรรพทั้งที่มือของเธอยังไม่หายขาดดี แต่เหยียนหมิงซุ่นไม่มีความอดทนเหลืออีกต่อไปเลยให้ลูกน้องส่งเธอไปเขตสงคราม จะเป็นหรือตายล้วนขึ้นอยู่กับตัวเธอแล้ว
“พี่ส่งถานซูฟางไปเขตสงครามแล้ว แล้วถ้าเหยียนหมิงต๋ากลับมาล่ะพี่จะบอกเขาว่าอย่างไร?” เหมยเหมยชักเริ่มกังวลใจ
ถานซูฟางชั่วช้าเพียงใดแต่เธอกลับจริงใจต่อเหยียนหมิงต๋า หนำซ้ำเหยียนหมิงต๋าเองก็มีเยื่อใยกับเธอ หากเขารู้ว่าแม่ของตนตายด้วยน้ำมือของเหยียนหมิงซุ่นล่ะก็เกรงว่าเจ้าทึ่มเหยียนหมิงต๋าจะทำเรื่องบ้า ๆอะไรออกมาน่ะสิ!
เหยียนหมิงซุ่นใจเหี้ยมกับคนอื่นได้แต่ใช่ว่าจะใจเหี้ยมกับเหยียนหมิงต๋าได้ลงคอ แบบนี้ก็เสียเปรียบแย่!
“งั้นก็อย่าให้เขารู้ ถานซูฟางทิ้งจดหมายไว้ว่าเธอยินยอมที่จะไปเขตสงครามเอง อีกอย่างถ้าเธอตายก็คือนักรบผู้แกร่งกล้า มีประโยชน์ต่อเส้นทางชีวิตทหารของหมิงต๋า” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ
ถึงเขาจะมีสายสัมพันธ์พี่น้องกับเหยียนหมิงต๋าแต่ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นคอยพึ่งพากันและกัน
หากเหยียนหมิงต๋าภักดีต่อเขาตลอดชีวิตเช่นนั้นเขาย่อมให้อนาคตที่ดีแก่หมิงต๋าได้ แต่หากเหยียนหมิงต๋าอยากทรยศหักหลังเขา เช่นนั้นเขาก็ย่อมใจเหี้ยมได้ลงคอ
เหมยเหมยค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ขอแค่เตรียมการไว้แล้วก็พอเพราะไม่อยากเห็นเหยียนหมิงซุ่นกับเหยียนหมิงต๋าต้องห้ำหั่นกันเองเพราะผู้หญิงอย่างถานซูฟาง!
“เหยียนหมิงต๋าอยู่ในค่ายทหารเป็นอย่างไรบ้าง?” ชั่วพริบตาเดียวเหยียนหมิงต๋าก็ไปอยู่ในค่ายทหารเกือบสองปีแล้ว เจ้าหมอนี่สมองทำงานช้าและรูปร่างสูงใหญ่ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็ไม่เลว ถูกคัดเลือกเป็นทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว รอฝึกอีกหนึ่งปีก็รับภารกิจได้”
เหยียนหมิงซุ่นยังค่อนข้างพึงพอใจต่อพฤติกรรมของน้องชายพอสมควร แม้จะโง่ไปหน่อยแต่เรื่องสมรรถภาพร่างกายนั้นไม่มีที่ติอยู่แล้ว เขาเป็นตัวเลือกสำหรับหน่วยรบพิเศษได้เป็นอย่างดี
เหมยเหมยเบะปาก อู่เยวี่ยตายไปแล้ว เจ้างั่งนี่คงไม่ทำตัวโง่ ๆอีกแล้วสินะ?
เวลาเพียงชั่วพริบตาก็จวนใกล้ถึงเทศกาลหยวนเซียวแล้ว เหยียนหมิงซุ่นเตรียมไปฉลองวันครอบครัวที่เมืองหลวง โดยครั้งนี้เขาไม่ได้ขับเครื่องบินแต่เลือกที่จะนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจไปพร้อมกัน บ้านพักอาศัยของคุณปู่คุณย่ามีลุงเหลากับป้าฟางเก็บกวาดไว้แล้ว เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน เงียบสงบน่าอยู่ คุณปู่เหยียนกับคุณย่าหย่างชอบใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
เหยียนโฮ่วเต๋อยังไม่รู้ว่าตนได้ถูกพ่อแม่และลูกชายทอดทิ้งไปแล้ว เขายังคงคิดจะกลับบ้านไปทานข้าวในเวลาหลังเลิกงานเหมือนอย่างเคยแต่ประตูบ้านกลับปิดแน่นสนิท ตะโกนเรียกอยู่พักใหญ่ก็ไม่มีใครเปิดประตู กลับเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นคนบอกเขาเองว่าคนแก่ทั้งสองได้ย้ายไปใช้ชีวิตอันสุขสบายที่เมืองหลวงแล้ว
ขณะที่เพื่อนบ้านคนนี้กำลังพูดอยู่นั้นกลับมองเหยียนโฮ่วเต๋อด้วยสายตาประหลาดอย่างมาก ราวกับเห็นใจแต่ก็เหมือนเย้ยหยัน แล้วยังดูสมน้ำหน้าอยู่บ้าง
เหยียนโฮ่วเต๋อเกิดเสียงระเบิดในหัวดังตู้ม ชะงักงันไปทันที
นี่ทอดทิ้งเขาอย่างนั้นหรือ?
หลังจากนี้ไปเขาจะทำอย่างไร?
วันรุ่งขึ้นเหยียนโฮ่วเต๋อไปทำงานในสภาพที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาอยากลางานขอไปตามหาแม่ตัวเองที่เมืองหลวง นี่ไปโดยไม่บอกไม่กล่าวไม่ทิ้งแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เขา เขาต้องไปถามให้รู้เรื่อง!
สิ่งที่สำคัญที่สุดเขาต้องให้เหยียนหมิงซุ่นหาทางเลื่อนตำแหน่งให้เขาสิ!
ตอนนี้อยู่ก้ำกึ่งตรงกลางมันน่าอึดอัดใจมากจริง ๆ!
แต่เหยียนโฮ่วเต๋อกลับคิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันลางานด้วยซ้ำก็มีใบสั่งการลงมาให้เขาย้ายไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนชั้นประถมในชนบทห่างไกล เป็นการให้ความช่วยเหลือการศึกษาแก่ชนบทที่สร้างคุณประโยชน์ให้มากที่สุด
เหยียนโฮ่วเต๋อกวาดตาดูที่อยู่ของโรงเรียนก็หน้ามืดแทบจะเป็นลมหมดสติไปทันใด
นี่มันสถานที่ที่ถานซูฟางเคยไปทำงานมาก่อนไม่ใช่หรือ?
ได้ข่าวว่าขนาดจะดื่มน้ำสักอึกยังยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาบน้ำล้างหน้าเลย คนที่นั่นไม่ว่าจะเด็กโตเด็กเล็กคนแก่หรือใครก็ตามล้วนมีเหาอยู่เต็มหัว
เหยียนหมิงซุ่นได้รับโทรศัพท์จากเมืองจินถึงรู้ว่าเหยียนโฮ่วเต๋อถูกบีบบังคับให้ขึ้นรถไฟไปแล้วเลยเหยียดยิ้มที่มุมปาก
ค่อย ๆทนไปแล้วกัน!
………………………