ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1690 พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา + ตอนที่ 1691 เรียกพ่อให้ฟังหน่อย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1690 พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา + ตอนที่ 1691 เรียกพ่อให้ฟังหน่อย
ตอนที่ 1690 พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาจ้องฉีฉีเก๋ออย่างขุ่นเคืองจนลูกตาแทบถลนออกมา ฉีฉีเก๋อยิ้มอย่างเอาใจแล้วยังบีบนวดไหล่ให้เธออีกต่างหาก แต่ละวันยายอ้วนคนนี้มีข่าวเยอะแยะมากมายเหลือเกิน ถ้าเกิดไปล่วงเกินเธอเข้าหลังจากนี้ก็ไม่ได้ฟังข่าวซุบซิบอะไรอีกแล้ว
“โห พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา ดูสิว่าทางนั้นคือใคร!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชี้ไปตรงหน้าอย่างตื่นเต้นพลางกระชากเหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ด้านหลัง พวกเธอเตรียมไปเดินเล่นนอกมหาวิทยาลัยแต่เพิ่งเดินมาถึงใต้อาคารคณิตศาสตร์ก็เจอคนที่กำลังพูดถึงอยู่พอดี
ใต้อาคารคณิตศาสตร์มีรถจอดอยู่หลายคัน ในยุคต้นเก้าศูนย์นั้นรถยนต์ส่วนตัวไม่ใช่ของที่จะมีกันโดยทั่วไป แต่ในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงกลับมีไม่น้อย เจียงเจื้อหรู่เองก็มีรถซานตาน่าคันหนึ่งที่มักจอดอยู่ใต้อาคารคณิตศาสตร์ประจำ
สวีจื่อเซวียนที่ทำตัวเล็กตัวน้อยราวกับนกน้อยตัวเล็ก ๆเดินคู่มากับเจียงจื้อหรู่ ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงบ้างแล้ว ทำให้ใต้อาคารคณิตศาสตร์ไม่ค่อยมีคนเท่าไร สองคนนี้เลยใจกล้าขึ้นไม่น้อยหรืออาจจะเพราะยากจะหักห้ามใจสินะ เจียงจื้อหรู่โอบไหล่สวีจื่อเซวียนไว้ด้วยท่าทางสนิทสนมซึ่งแค่มองก็คือคู่รักดี ๆนี่เอง
ฉีฉีเก๋ออ้าปากค้างอย่างตกใจจนเกือบร้องเสียงหลง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะดุ้งรีบอุดปากเธอไว้ก่อนจะถลึงตาใส่แรง ๆทีหนึ่ง
ส่วนทางนี้สวีจื่อเซวียนก้าวขึ้นรถไปแล้วแต่เจียงจื้อหรู่กลับไม่รีบที่จะขับรถออกไป ก้มหน้าพูดบางอย่างเรียกให้สวีจื่อเซวียนหัวเราะคิกคักเผยท่วงท่าเคอะเขินออกมาให้เห็น เจียงจื้อหรู่ใจหวั่นไหว คนหนึ่งมีใจส่วนคนหนึ่งมีรัก จึงมีการแสดงฉากจูบร้อนแรงสไตล์ฝรั่งเศสกันในรถ
หากไม่คำนึงถึงว่ายังอยู่ใต้อาคารคณิตศาสตร์ละก็ กลัวก็แต่จะมีการแสดงบทรักกันในรถให้เห็นเลยด้วยซ้ำ!
ฉีฉีเก๋ออายจนรีบเอามือปิดตาไว้แต่กลับเว้นช่องว่างระหว่างนิ้วแล้วจ้องด้วยดวงตากลมแป๋ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงอย่างนึกดูถูก เสแสร้ง!
อย่างเธอก็มองอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ มีอะไรให้น่าอายกัน?
คนที่โดนแอบดูไม่ใช่เธอสักหน่อย!
“โอ้โห อาจารย์เจียงปอดใหญ่ใช้ได้นี่นา เกือบจะห้านาทีแล้วนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำลังดูอย่างออกรส แล้วยังวิพากษ์วิจารณ์เป็นระยะ ๆไป
“จุ๊ ๆ ดูจากระดับความร้อนแรงแบบนี้ ฉันข้อท้าพนันด้วยบ๊วยสิบถุงเลยว่าอาจารย์เจียงกับสวีจื่อเซวียนต้องเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาแล้ว”
ฉีฉีเก๋ออายจนแดงเถือกไปทั้งมือจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
ยังไม่ทันแต่งงานเลย จะหลับนอนด้วยกันได้อย่างไร?
เหมยเหมยกลอกตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร ไร้สาระ สวีจื่อเซวียนเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ยามอยู่ต่อหน้าเจียงจื้อหรู่จะรักนวลสงวนตัวไปทำไมอีก?
อีกอย่างต่อให้เธออยากรักนวลสงวนตัวแต่เจียงจื้อหรู่จะปล่อยเธอไปได้หรือ!
ผู้ชายที่อ่อนโยนสง่าสุภาพบุรุษมากแค่ไหนพออยู่บนเตียงทีไรก็กลายร่างเป็นหมาป่าเหมือนกันหมด อย่างเช่นคนนั้นของเธอที่แทบจะอยากใช้ชีวิตเปลือยกายอยู่บนเตียงกับเธอแทบทุกวัน!
แต่วันปกติพอสวมเสื้อผ้ากลับดูเป็นคนจริงจังเหมือนนักวิจัยแก่ ๆ ใครจะคิดได้ล่ะว่าเจ้าหมอนั่นจะรุนแรงแค่ไหนเวลาอยู่บนเตียง!
“ทำไมเธอก็หน้าแดงไปด้วยล่ะ? ไม่ใช่มั้ง เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างอย่างนั้นนี่นา!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหลือบเห็นพวงแก้มสีแดงระเรื่อของเหมยเหมยเลยแปลกใจ ไม่ใช่คุณหนูผู้เรียบร้อยใสซื่อสักหน่อย มีเรื่องอะไรให้ต้องลำบากใจกัน?
ส่วนเหมยเหมยใช่คุณหนูผู้เรียบใสซื่อหรือไม่นั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล้าพนันด้วยบ๊วยหนึ่งร้อยถุงว่าไม่ใช่อย่างแน่นอน!
ปล่อยให้สาวงามตัวเป็น ๆอยู่เคียงข้างแบบนี้ เธอไม่เชื่อหรอกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะทนไหว?
นอกเสียจากว่าคุณชายหน้าเย็นชาผู้นั้นจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ!
เหมยเหมยถลึงตาใส่หญิงสาวที่พูดไม่คิดคนนี้แวบหนึ่ง ไม่เข้าในความหมายของคำว่าดูออกแต่ไม่ต้องพูดหรือไง?
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบจมูกปอย ๆแล้วหัวเราะแหะ ๆ ส่วนทางเจียงจื้อหรู่ก็สตาร์ทรถยนต์ค่อย ๆเคลื่อนตัวออกจากเขตมหาวิทยาลัยหลังจากจูบร้อนแรงนั้นจบลง
“รับรองว่าไปทำกิจธุระต่อที่โรงแรม ดูท่าทางร้อนระอุเมื่อกี้สิ ไม่ไปโรงแรมฉันยอมตัดหัวมาทำเป็นเก้าอี้นั่งเลย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโพล่งออกมาอย่างไม่มีท่าทีแยแสแต่อย่างใด
“ไปไหนก็ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเธอก็อย่าไปยุ่งมากเลยเดี๋ยวก็มีเรื่องหรอก” เหมยเหมยเอ่ยเตือน
“ฉันไม่สนใจคนเนรคุณนี่อยู่แล้ว ต่อให้ตายต่อหน้าฉันก็ไม่สนใจ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดแค่นเสียง
…………………….
ตอนที่ 1691 เรียกพ่อให้ฟังหน่อย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถือว่ารู้นิสัยยายสวีจื่อเซวียนอย่างถ่องแท้แล้ว ตอนที่เกิดเรื่องที่สโมสรเศรษฐีแม้เธอจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็ยอมออกหน้าช่วยเสี่ยงชีวิตล่วงเกินมาเฟีย แต่ยายนี่กลับไม่พูดขอบคุณสักคำ ตอนนี้ไม่แม้แต่จะสนใจกันด้วยซ้ำ
เหอะ ไม่สนก็ไม่สนสิ เธอไม่ได้ต้องการสักหน่อย!
“พวกเธอรอดูเถอะ สวีจื่อเซวียนจบไม่สวยแน่ ภรรยาของเจียงจื้อหรู่ไม่ใช่คนจะไปมีเรื่องด้วยง่าย ๆ รอเธอรู้เรื่องนี้ต้องไม่ปล่อยสวีจื่อเซวียนไปแน่!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างมั่นใจ
เรื่องพวกนี้เธอยังไม่เคยเล่า เมื่อก่อนเจียงจื้อหรู่เองก็เคยคบชู้มาก่อน ซึ่งลักษณะไม่ต่างจากสวีจื่อเซวียนมากโดยเป็นนักศึกษาของอีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง พอคบกับเจียงจื้อหรู่ได้ไม่นานก็โดนคุณนายเจียงจับได้
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร เธอจ้างอันธพาลหลายคนรุมโทรมนักศึกษาหญิงคนนั้นแล้วยังถ่ายรูปเปลือยแพร่ไปทั่ว นักศึกษาหญิงคนนั้นโดนทางมหาวิทยาลัยไล่ออก ภายหลังไม่รู้เช่นกันว่าไปอยู่แห่งใด
เหมยเหมยไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด ต่อให้คุณนายเจียงจะใจเหี้ยมแค่ไหนก็ไม่ผิดอะไร ใครให้ผู้หญิงพวกนั้นไม่รักตัวเองดันไปพัวพันกับสามีคนอื่นกันล่ะ?
เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่จ้าวอิงหนานด่าเฮ่อเหวินจิ้ง การที่ภรรยาหลวงปกป้องครอบครัวและสถานะตัวเอง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่เกินไป!
เธอไม่อยากโดนหยามเหยียดก็ควบคุมตัวเองให้ดี อย่างทำตัวต่ำต้อยไปเป็นเมียน้อยคนอื่น!
ฉีฉีเก๋อออกจะเป็นห่วงเล็กน้อย “งั้นเราจะเตือนสวีจื่อเซวียนหน่อยไหม?”
“เตือนบ้าอะไร? ฉันขอเตือนเธอไว้เลยนะถ้าเธอไปเตือนแม่นั่น ฉันจะตัดขาดกับเธอ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาดเสียงขุ่นเคือง จนน้ำลายกระเด็นใส่เต็มหน้าฉีฉีเก๋อเรียกเอาอีกฝ่ายรีบหุบปากไม่กล้าพูดว่าจะเตือนสติสวีจื่อเซวียนอีก
เดินชอปปิงพักหนึ่งเหมยเหมยก็กลับบ้าน เหยียนหมิงซุ่นกลับมาแล้วเพราะมีกลิ่นหอมฉุยออกมาจากห้องครัว เหมยเหมยตาเป็นประกายวิ่งเหยาะพุ่งเข้าไปในห้องครัว
“ปีกไก่น้ำผึ้งย่างเสร็จแล้วเหรอ?”
ปีกไก่น้ำผึ้งย่างสีทองจานใหญ่วางอยู่ตรงหน้าแล้วยังมีขึ้นฉ่ายผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์อีกหนึ่งจาน รวมถึงหน่อไม้แห้งตุ๋นเนื้อที่ล้วนเป็นอาหารจานโปรดของเหมยเหมย เหยียนหมิงซุ่นกำลังคั้นน้ำส้มอยู่พอเห็นเหมยเหมยยื่นมือจะคว้าปีกไก่ไปทานก็ตบมือเบา ๆ
“ล้างมือหรือยัง?”
เหมยเหมยยู่จมูกน้อย ๆแล้วเดินไปล้างมืออย่างเชื่อฟัง ตั้งใจถูสบู่ล้างหลายรอบแล้วเอามือมาใกล้จมูกเหยียนหมิงซุ่น “หอมไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มมุมปากก็อ้าปากงับไว้แล้วยังออกแรงถูหลายทีถึงอ้าปากจงใจพูดว่า “ไม่เลว ถ้าใส่พริกแช่บ๊วยหน่อยก็ทำเป็นเมนูตีนไก่ได้แล้ว!”
คนนิสัยไม่ดี!
เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งก่อนจะหยิบปีกไก่มาแทะอย่างพึงพอใจ ไม่พอยังเอามือที่เต็มไปด้วยน้ำมันเช็ดที่เสื้อของเหยียนหมิงซุ่นอย่างซุกซน หาว่าเธอเป็นตีนไก่เหรอหึ!
เช็ดให้ตัวมันไปเลย!
ลุงเหลากับป้าฟางกลับห้องตัวเองไปอย่างรู้งานไม่ออกมาขัดบรรยากาศของคู่รัก เหยียนหมิงซุ่นคั้นน้ำส้มเสร็จก็ยกอาหารไปวางบนโต๊ะอาหารแล้วเริ่มลงมือทานข้าว
เหมยเหมยทานข้าวไปก็เล่าเรื่องระหว่างสวีจื่อเซวียนกับเจียงจื้อหรู่ให้เหยียนหมิงซุ่นฟังไปด้วยพลางทำสีหน้าขยะแขยงอย่างมาก
“สวีจื่อเซวียนที่ว่าก็คือเพื่อนที่โดนเฉินหมิงแย่งตัวไปสินะ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
“ใช่ เธอนั่นแหละ ถ้ารู้แต่แรกว่าเธอเป็นคนแบบนี้วันนั้นฉันไม่ไปช่วยเธอหรอก ทำให้พี่ต้องผิดใจกับพวกเฉินหมิงอีก!”
เหมยเหมยเสียใจอย่างมาก เธอมักรู้สึกว่าเพราะเรื่องของสวีจื่อเซวียนถึงเป็นชนวนความบาดหมางระหว่างเหยียนหมิงซุ่นกับพวกพี่เฉิน ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องแตกคอกันเร็วขนาดนี้แน่!
เหยียนหมิงซุ่นคีบขึ้นฉ่ายใส่ถ้วยเหมยเหมยเล็กน้อยเป็นเชิงว่าให้เธออย่าเลือกทานแต่เนื้อ ต้องทานผักบำรุงร่างกายด้วย
นับตั้งแต่อยู่อาศัยร่วมกับเหมยเหมยมา เขาก็สังเกตเห็นว่ายายตัวแสบนี่มีนิสัยความเคยชินที่ไม่ดีหลายอย่าง อย่างเช่นเวลานอนชอบกลิ้งไปมา ไม่ชอบทานผัก ชอบทานขนมขบเคี้ยวแทนข้าว กลางคืนไม่เข้านอนเป็นเวลา…
ความเคยชินที่ไม่ดีมีถมเถไป ชีวิตที่ไร้วินัยแบบนี้หากเขาอยู่บ้านยังพอจะคุมได้ ยามไม่อยู่บ้านก็ต้องคุมจากทางโทรศัพท์เอาอย่างเดียว
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่ทานขึ้นฉ่ายราวกับทานยาอย่างนึกปวดศีรษะ เขามีเรื่องให้กลัดกลุ้มใจมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างจ้าวอิงหัวเสียอีก!
หรือว่าคืนนี้ให้ยายตัวแสบเรียกพ่อให้ฟังหน่อยดีนะ?
………………………..