ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1696 ชายโฉดหญิงชั่วไม่คู่ควรพูดคำว่ารัก + ตอนที่ 1697 ท้องแล้ว
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1696 ชายโฉดหญิงชั่วไม่คู่ควรพูดคำว่ารัก + ตอนที่ 1697 ท้องแล้ว
ตอนที่ 1696 ชายโฉดหญิงชั่วไม่คู่ควรพูดคำว่ารัก
“เธอไปยุ่งอะไรด้วย ในเมื่อสวีจื่อเซวียนกล้าเป็นมือที่สามก็ต้องเตรียมใจไว้เผื่อความแตกแล้ว อีกอย่างไม่มีใครเอามีดไปขู่ให้เธอเป็นมือที่สามสักหน่อยจะโทษใครได้?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยถึงมือที่สามก็กัดฟันกรอดทำท่าเคียดแค้นอย่างมาก
แม้ปัญหาหลักอยู่ที่ผู้ชายแต่ผู้หญิงพวกนั้นจะปัดความรับผิดชอบได้หรือ?
ผู้ชายโสดมากมายไม่ไปหาดันไปผูกคอตายอยู่ที่คุณลุงวัยกลางคน เหอะ อย่าบอกเธอว่าทำไปเพราะความรัก ชายโฉดหญิงชั่วคู่ควรพูดคำว่าความรักหรือ?
อย่าทำให้คำที่มีความหมายงดงามอย่างความรักต้องแปดเปื้อนสิ!
ผู้ชายนอกใจส่วนมากก็เพื่อเติมเต็มความต้องการทางเพศ ส่วนผู้หญิงเป็นมือที่สามก็ไม่พ้นเรื่องเงิน สวีจื่อเซวียนเองก็เช่นกัน!
ไม่เห็นหรือว่าหลังจากเธอคบกับเจียงจื้อหรู่ เสื้อผ้าเครื่องประดับเป็นของมียี่ห้อหมดเลย เงินมาจากไหนกันล่ะ?
เหมยเหมยเองก็พูดเตือน “ฉีฉีเก๋อเธออย่าไปยุ่งล่ะ สวีจื่อเซวียนทำตัวเอง เธอเก็บกระเป๋าแล้วรีบไปเที่ยวกว่างซีเถอะ!”
ผู้หญิงคนนี้ทั้งโง่ทั้งใจดี ถึงตอนนั้นอย่าตกเป็นเครื่องมือให้สวีจื่อเซวียนหลอกใช้ ทางที่ดีรีบไปจากเมืองหลวงดีกว่า!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบเอ่ยขึ้น “ฉันไปด้วย พวกเธอขึ้นรถไฟวันไหน? อย่าลืมบอกฉันนะ”
เพื่อจะได้สวมเสื้อผ้าสวย ๆ มีหุ่นดี ๆสักครั้ง เธอจะยอมสู้สักตั้ง!
ก็แค่ปีนเขาไม่ใช่หรือไง เธอจะไล่ปีนเขาละแวกบ้านอิงจวี้กังให้หมดทุกลูก ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่ผอมลงน่ะ!
“ยังต้องรออีกหน่อย สาขาของพวกอิงจวี้กังยังสอบไม่เสร็จ อีกอย่างเขาบอกว่าจะต้องซื้อของกลับไปให้ที่บ้านด้วย ใกล้ไปฉันจะบอกเธอนะ” ฉีฉีเก๋อกล่าว
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผู้เป็นคนรีบร้อนเจอคนชักช้าอย่างอิงจวี้กังก็เดือดขึ้นมาทันทีเลยพูดโมโหไปว่า “มีเพื่อนอยู่กว่างซีตั้งมาก พวกเธอไปบ้านใครก็ได้แต่ดันไปบ้านเขา ช้ายิ่งกว่าหอยทากเสียอีก!”
“วิวบ้านอิงจวี้กังสวยที่สุดนี่นา อีกอย่างอิงจวี้กังก็ต้อนรับเป็นอย่างดี!” ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจว่าทำไมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงไม่พอใจอีกแล้ว แค่รอไม่กี่วันเท่านั้นมีอะไรให้โมโหกัน
เหมยเหมยเห็นว่ามีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยจับตามองฉีฉีเก๋อก็ค่อยโล่งใจหน่อย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนตลบแตลงลื่นยิ่งกว่าปลาไหล น่าจะไม่เป็นไร
ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำงานอีกแล้ว น่าจะเกี่ยวข้องกับพี่เฉินเพราะตลอดหลายเดือนมานี้สถานการณ์ในเมืองหลวงไม่สงบเท่าไร ผู้มีอิทธิพลน้อยมากที่เคยเป็นเต่าในกระดองมาก่อนต่างเริ่มโงหัวขึ้นมาอยากแบ่งเค้กก้อนโตอย่างเมืองหลวงกันถ้วนหน้า
แน่นอนว่าพี่เฉิงเองก็ไม่ใช่คนดีที่มักไปสร้างเรื่องที่อื่นมาดึงดูดความสนใจจากเหยียนหมิงซุ่น เพื่อให้เขาได้มีเวลาจัดระเบียบในเมืองหลวง อีกฝ่ายมัวแต่วิ่งวุ่นทั้งสองทางเลยไม่มีเวลามาสนใจเฉินหมิง
พวกฉีฉีเก๋อได้กำหนดวันเวลาออกเดินทางเรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นรอบการเดินทางรถไฟในอีกสามวันข้างหน้า เพราะต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับค้างแรมด้านนอกบางส่วนเลยทำให้มีขั้นตอนการซื้อนั้นนี้ละเอียดยิบย่อย
“สวีจื่อเซวียน ปิดเทอมฤดูร้อนเธอไม่กลับบ้านเหรอ?” สีอันน่าแสร้งถามด้วยสายตาทอแววดูถูก
วัน ๆทำท่าสูงส่งให้ใครดูกัน?
สันดานเดียวกับถังม่านลี่ เพียงแค่ถังม่านลี่บริการคนทั่วไปแต่สวีจื่อเซวียนบริการคนคนเดียวเท่านั้นแหละ!
ตรงข้อมือของสวีจื่อเซวียนสวมกำไล Swarovski รุ่นเดียวกันกับของเหมยเหมยที่ใส่ตอนเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่กล่าวสุนทรพจน์ไม่มีผิด เธอชอบกำไลยี่รุ่นนี้เป็นพิเศษถึงได้สวมอยู่ทุกวัน
“เดือนสิงหาคมค่อยกลับ อาจารย์เจียงติดต่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่หนึ่งไว้ให้ฉัน ฉันจะลองประสบการณ์ก่อนหนึ่งเดือน” สวีจื่อเซวียนทำหน้าได้ใจปนโอ้อวด
แม้เจียงจื้อหรู่ไม่ใช่ศิลปินผู้โด่งดังแต่เขามีคนรู้จักในวงการนี้กว้างขวางนัก อีกอย่างภายใต้ชื่อของเขาก็มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งหนึ่ง ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้สวีจื่อเซวียนได้เปิดโลกเห็นชีวิตหรูหราของคนสังคมชั้นสูงจึงได้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจไปนานแล้ว เธอไม่เคยเสียใจที่เลือกคบกับผู้ชายที่แต่งงานและมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเธออย่างเจียงจื้อหรู่เลย
เจียงจื้อหรู่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้เธอได้ นักศึกษาชายในมหาวิทยาลัยทำได้หรือ?
กินข้าวไม่อิ่มท้องด้วยซ้ำ!
สีอันน่าส่งสายตาดูถูกกว่าเดิมอย่างไม่ปิดบัง แต่ปากกลับเอ่ยแต่คำว่าอิจฉาซึ่งนั่นยิ่งเป็นที่ถูกใจของสวีจื่อเซวียนเลยทำท่าได้ใจไม่เลิก
“อุ๊บ!”
จู่ ๆสวีจื่อเซวียนก็เอามือปิดปาก ความรู้สึกพะอืดพะอมตีขึ้นมาไม่หยุดหย่อน
…………………..
ตอนที่ 1697 ท้องแล้ว
ฉีฉีเก๋อกับพวกเหมยเหมยเพิ่งตักข้าวกลับมาทานที่หอพัก สวีจื่อเซวียนก็เริ่มอาเจียนซึ่งดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้ง
“เธอทำบ้าอะไรเนี่ย? จะให้เรากินข้าวหรือเปล่า?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับคิดว่าเธอจงใจเลยต่อว่าอย่างไม่พอใจ
สิ่งที่สร้างความหงุดหงิดแก่เธอมากที่สุดคือการที่มีคนถ่มน้ำลาย แคะจมูกและอ้วกอยู่ข้าง ๆ มันส่งผลต่อความเจริญอาหารของเธอ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งเนื้อผัดซอสแดงชิ้นโตใส่คืนในกล่องอาหารเหมือนเดิม ถึงขนาดไม่ให้เธอทานข้าวดี ๆ นี่จงใจเป็นปรปักษ์กับเธอหรือ!
สวีจื่อเซวียนกลับอาเจียนรุนแรงกว่าเดิมแต่ก็ไม่เห็นเธออาเจียนอะไรออกมาสักที แค่เอามือปิดปากทำท่าสำรอกทำเอาหน้าซีดเซียวน้ำตาเจิ่งนอง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ดูออกว่าเธอไม่ได้เสแสร้งจึงหยุดด่าแล้วปิดฝากล่องข้าว
“เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ทำไมจู่ ๆถึงอาเจียนล่ะ?” ฉีฉีเก๋อถามด้วยความเป็นห่วง
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปากพึมพำเสียงเบา “ร่างกายคุณหนูแต่ชีวิตเมียน้อย”
เสียงของเธอเบามากมีเพียงเหมยเหมยที่ได้ยินชัดเจนเลยถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งอย่างขุ่นเคือง ส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดจาเหลวไหล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้แต่ลูบจมูกปอย ๆ เห็นว่าสวีจื่อเซวียนไม่อาเจียนอีกแล้วเลยเปิดฝากล่องข้าวเตรียมทานปลาต่อ
แต่ว่า–
“อุ๊บ!”
สวีจื่อเซวียนเริ่มอออกอาการอีกครั้งซึ่งคราวนี้รุนแรงกว่าเดิมทำเอาทุกคนไม่อยากอาหารอีกต่อไป เหมยเหมยใจหล่นวูบ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานข้าว สวีจื่อเซวียนคงไม่ได้อยากอาเจียนเพราะได้กลิ่นคาวของปลาหรอกนะ?
เธอลุกขึ้นปิดฝากล่องข้าวของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน และเป็นไปตามคาดสวีจื่อเซวียนหยุดอาเจียนแต่สีหน้าซีดเซียวทำเอาคนมองรู้สึกสงสาร
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น เธอพอจะมั่นใจแล้วว่าสวีจื่อเซวียนท้อง ไม่อย่างนั้นปกติหญิงสาวผู้นี้ชอบทานปลามากที่สุดแล้วจะอยากอาเจียนเพราะได้กลิ่นปลาได้อย่างไร?
“ฉันน่าจะเป็นหวัดเพราะเมื่อคืนไม่นอนห่มผ้าดี ๆน่ะ กินยานิดหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว” สวีจื่อเซวียนไม่รู้ตัวเลยสักนิดยังหลงคิดว่าเป็นอาการของกระเพาะ เลยหยิบยาโรคกระเพาะจากลิ้นชักมาเตรียมทาน
หลายวันนี้เธอมักเกิดอาการพะอืดพะอมอยากอาเจียนอย่างไม่มีเหตุผลเลยไปซื้อยารักษาโรคกระเพาะที่ร้านยามาด้วยตัวเอง เมื่อรู้สึกไม่สบายก็ชงน้ำดื่มหนึ่งถุง
“สวีจื่อเซวียนยานี่เธอไปขอจากคุณหมอเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“เปล่า ฉันซื้อจากร้านยาเอง ฉันเคยกินมาก่อนได้ผลดีไม่น้อย” สวีจื่อเซวียนชะงักไปทีพลางอธิบาย
“ยากินซี้ซั้วไม่ได้ ทางที่ดีเธอไปหาหมอจะดีกว่า ไม่แน่อาจจะไม่ใช่โรคกระเพาะแต่เป็นเพราะสาเหตุอื่นก็ได้นะ!” เหมยเหมยพูดโน้มน้าวทางอ้อม
หากสวีจื่อเซวียนท้องจริง ๆ การทานยาโดยพลการอาจเป็นเหตุให้ลูกเกิดมาพิการได้ ไม่ว่าเด็กคนนี้จะลืมตาดูโลกในวันหน้าจริงหรือเปล่า อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ควรถูกทำร้าย
ฉีฉีเก๋อเองก็พูดเกลี้ยกล่อมอีกทาง “แถวบ้านฉันมีคนกินยาซี้ซั้วจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เธอไปหาหมอหน่อยจะดีกว่านะ”
สวีจื่อเซวียนเองก็เริ่มลังเล ความจริงเธอเองก็สงสัยเช่นกันว่าอาการของโรคกระเพาะในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ หรือว่าเป็นเพราะโรคอื่น?
ใจเธอหล่นวูบและเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ หลงคิดว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรงเลยหน้าซีดกว่าเดิม หิ้วกระเป๋าวิ่งแจ้นไปตรวจดูที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยทันที
เดิมทีฉีฉีเก๋อยังคิดจะตามไปเป็นเพื่อนแต่เพิ่งก้าวขาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เตะกลับมา “ทานข้าว กับข้าวเย็นหมดแล้ว!”
ถังม่านลี่มีสีหน้าแปลก ๆแต่กลับไม่พูดอะไรได้แต่เขียนคิ้วอยู่หน้ากระจก นี่เพิ่งผ่านไปครึ่งปีจากเด็กสาวที่ดูสดใสบริสุทธิ์อยู่บ้างกลับกลายเป็นผู้หญิงหยำฉ่าที่ดูเย้ายวนไปทุกอิริยาบถ
“ถังม่านลี่เธอก็ไม่กลับบ้านเหรอ?” สีอันน่าถามอีก
“ดูก่อนแล้วกัน บ๊ายบาย!”
สำเนียงของถังม่านลี่ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเพราะติดสำเนียงฮ่องกงไต้หวันมาส่วนหนึ่ง เสียงงุ้งงิ้งราวกับกำลังออดอ้อน เธอสะพายกระเป๋าแล้วเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินบิดตัวออกจากหอพักไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอม
สีอันน่าแค่นเสียงทีอย่างหยามเหยียด ลุกมาเก็บกระเป๋าสัมภาระโดยไม่พูดจาอะไรกับพวกเหมยเหมย
เหมยเหมยเขยิบหน้าไปถามใกล้ ๆหูเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “ประจำเดือนเธอหมดไปหรือยัง?”
…………………….