ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1704 สถานการณ์ไม่ค่อยดี + ตอนที่ 1705 น้ำส้มสายชูเก่าแห่งชานซี
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1704 สถานการณ์ไม่ค่อยดี + ตอนที่ 1705 น้ำส้มสายชูเก่าแห่งชานซี
ตอนที่ 1704 สถานการณ์ไม่ค่อยดี
นาฬิกาแขวนบนผนังส่งเสียงดังติ๊กต่อก ๆ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้วแต่ทุกคนต่างก็นอนไม่หลับ
ซ้ำฉางชิงซงยังจะออกไปตามหาอยู่หลายครั้ง แต่พอเดินไปถึงบริเวณสวนก็วนกลับมาดังเดิม เขาไม่รู้เลยว่าจะไปตามหาได้จากที่ไหน
“วางใจเถอะ ฉีฉีเก๋อจะต้องไม่เป็นอะไร คนที่อยู่ในสายก่อนหน้านี้เป็นถึงผู้มีอิทธิพลในเมืองหลวงเชียวนะ ตระกูลโอหยางไม่กล้าเป็นศัตรูกับเขาหรอก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปลอบใจเขาเสียงแผ่ว ความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อเหมยเหมยเปรียบเสมือนน้ำในแม่น้ำหวงเหอที่หลั่งไหลไม่มีขาดสาย
เฮ่อเหลียนเช่อชื่อนี้ดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวงราวเสียงฟ้าร้อง ทำให้ผู้คนตกใจจนอกสั่นขวัญผวาเลยล่ะ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลองคิดดูแล้ว ก็พอจะเข้าใจถึงตัวตนของคู่หมั้นเหมยเหมย สามารถเอ่ยถึงพร้อมกันกับเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเท่าเทียม นอกเสียจากเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง[1]อย่างคุณชายหมิงแล้ว จะมีใครอีกล่ะ?
แย่แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของคู่หมั้นคุณชายหมิง หลุมฝังศพของบรรพบุรุษฉันเกิดเขม่าควันสีเขียว[2]เสียแล้ว!
ฉลองตรุษจีนปีนี้จะต้องกลับไปเผาเงินเพิ่มให้บรรพบุรุษเสียแล้ว!
แม้ว่าฉางชิงซงจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งเหล่านี้แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เชื่อฟังอย่างว่าง่าย พอคิดอย่างถี่ถ้วนก็พลันเข้าใจมากขึ้นจึงยอมวางใจและนั่งลง
มีความเคลื่อนไหวตรงบริเวณลาน ลุงเหลาเดินเข้ามา “คุณหนู เหมยซูหานมาถึงแล้ว บอกว่ามาส่งเพื่อนของคุณหนู”
ฉางชิงซงดีใจมากพรวดพราดออกไปเป็นคนแรก แต่กลับเห็นฉีฉีเก๋อยืนอยู่กับหนุ่มวัยรุ่นที่หน้าตาดีเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะดูเศร้าสร้อยแต่ดูจากสภาพเหมือนไม่เป็นอะไร ความกังวลใจที่แบกเอาไว้ค่อนคืนในที่สุดก็สามารถวางลงกับพื้นได้แล้ว
“ขอบใจมาก เข้ามาดื่มชาสักแก้วสิ?” เหมยเหมยรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก เชื้อเชิญให้เหมยซูหานเข้ามานั่งในบ้านสักพัก
“แค่ก ๆ…”
เสียงกระแอมไอหนัก ๆดังลอดออกมาจากตัวรถ เหมยซูหานยกยิ้มอย่างจนใจ พูดขึ้นว่า “ไม่เข้าไปรบกวนดีกว่า ฉันพูดจบก็จะไปแล้ว” เหมยเหมยได้ยินเสียงแหบพร่าของเขาก็พลันมีสีหน้าตกใจ แต่ชั่วครู่ก็คิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนนั้นลำคอของเหมยซูหานถูกรัดจนขาดไปเกินกว่าครึ่ง เส้นเสียงถูกตัดขาดหมด ตอนนี้ยังพูดได้ก็นับว่าเป็นความโชคดีมากแล้ว
เสียดายน้ำเสียงใสแจ๋วราวน้ำแร่ของเขาเมื่อก่อนจัง
เหมยซูหานกลับไม่คิดเช่นนั้น เขามีสีหน้าละอายใจพูดว่า “มีเด็กผู้หญิงอีกคนที่สภาพไม่ค่อยดีนัก ฉันพาเธอไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”
ในจังหวะที่เขากับเฮ่อเหลียนเช่อไปถึงที่อยู่ของโอหยางปิน โอหยางสยงและเพื่อนจอมเสเพลของเขากำลังเวียนข่มขืนสวีจื่อเซวียนกันอยู่ เหมือนกับที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคาดเดาไว้ทุกประการ ด้วยรูปลักษณ์ของฉีฉีเก๋อไม่เข้าตาโอหยางปินหรอก
เพียงแต่โอหยางสยงและคนอื่น ๆต่างก็ไม่รู้ว่าสวีจื่อเซวียนกำลังตั้งท้อง พึ่งจะมีความสุขได้ไม่กี่คน สวีจื่อเซวียนก็มีท่าทีไม่ค่อยดีเลือดไหลอาบ พวกโอหยางสยงต่างก็คิดว่าเป็นแค่ความโชคร้าย แล้วก็คร้านจะสนใจต่อความเป็นความตายของสวีจื่อเซวียน และหากไม่เป็นเพราะเหมยซูหานรีบไปที่นั่น สวีจื่อเซวียนจะรอดหรือไม่นั้นคงพูดได้ยาก
ถึงแม้ว่าชีวิตของสวีจื่อเซวียนจะได้รับการช่วยไว้ได้ทันแต่กลับต้องสูญเสียเด็กในท้องไป หนำซ้ำมดลูกยังบาดเจ็บ ต่อไปความเป็นไปได้ในการตั้งครรภ์ก็จะน้อยถึงน้อยมาก
เหมยซูหานไม่อยากให้เหมยเหมยรับรู้เรื่องไม่สบายใจพวกนี้ จึงไม่ได้พูดรายละเอียดลงลึกมากนัก เพียงแค่พูดไปคร่าว ๆอย่างคลุมเครือ และทิ้งหมายเลขห้องพักผู้ป่วยของสวีจื่อเซวียนไว้ให้
“ขอโทษด้วย ฉันคงช่วยได้แค่เพื่อนของเธอ ส่วนอย่างอื่นฉันไม่อาจช่วยจัดการให้ได้” เหมยซูหานมีสีหน้าละอายใจ
ลุงหลานโอหยางปินเป็นลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อ ต่อให้จะไม่ชอบใจเท่าไรแต่เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่อาจจัดการกับพวกเขาเพื่อคนนอกหรอก
“แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว ขอบใจนายมาก!” เหมยเหมยยิ้มด้วยท่าทีสงบ อารมณ์สงบยิ่งกว่า ไม่มีคลื่นระลอกใหญ่ซัดมาแต่อย่างใด
อู่เยวี่ยตายไปแล้ว บุญคุณและความแค้นระหว่างเธอกับเหมยซูหานก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ภพชาติปางก่อน…ได้กลายเป็นเพียงห้วงฝันที่แสนไกลแปรผันไปตามกาลเวลา ค่อยๆเลือนรางและหายไปในที่สุด
……………………………………………………………………
ตอนที่ 1705 น้ำส้มสายชูเก่าแห่งชานซี
เหมยซูหานอยากจะพูดคุยกับเหมยเหมยอีกสักนิด แต่ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเป็นแค่การทักทายอย่างบริสุทธิ์ใจระหว่างเพื่อน และในตอนนี้เขาไม่ได้คาดหวังในตัวเหมยเหมยอีก เห็นเธอเป็นเพียงแค่น้องสาว คอยปกป้องเธอ หวังเพียงให้เธอมีความสุขในภพชาตินี้
“แค่ก ๆ…”
เสียงกระแอ้มไอดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งหอบทั้งถี่เหมือนกับผู้ป่วยภาวะใกล้ตาย เหมยซูหานส่ายหน้าพลันอย่างระอา พูดกับเฮ่อเหลียนเช่อไปหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว แต่เจ้าบ้านั่นยังคงเอาแต่สงสัยว่าเขายังคงหลงเหลือความรู้สึกดี ๆให้เหมยเหมยอยู่ มันน่าจริงๆ เลย…
“เฮ่อเหลียนเช่อนายเป็นวัณโรคขั้นไหนแล้วล่ะ?” เหมยเหมยจงใจตะโกนไปยังรถ
เฮ่อเหลียนเช่อนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้านิ่งขรึม เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับตวาด “กลับบ้านได้แล้ว จะพูดอะไรกันนักหนา?”
ทุกครั้งที่ได้เจอจ้าวเหมยก็ทำตัวเหมือนกับจะบอกลากันไปจนชั่วนิจนิรันดร์ พูดจาไม่มีรู้จบ น่าโมโหชะมัด!
เหมยเหมยมุ่ยปากอย่างขุ่นเคือง ขี้หึงไม่น้อยเลยนี่ แต่เฮ่อเหลียนเช่อในตอนนี้ถือว่ามีความเป็นคนมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แต่ถึงอย่างไรเธอก็เกลียดไอ้จอมวิปริตนี่อยู่ดี
“ลาก่อนเหมยเหมย แล้วพบกันใหม่นะ ฉันมีเรื่องจะปรึกษาเธอ” เหมยซูหานถูกเฮ่อเหลียนเช่อลากไป ทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบแต่ตัวเขากลับอยู่ในรถเสียแล้ว ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เหมยซูหานจ้องเฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังเดือดปุด ๆเพราะน้ำส้มสายชูเก่าแห่งชานซี[3]อย่างไม่พอใจ
“นายลากฉันทำไม? ฉันยังพูดยังไม่ทันจบเลย”
“ทำไมนายต้องอยากมาหาจ้าวเหมยอีก? มีเรื่องอะไรมาหาฉันไม่ได้เหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจมาก คนมีความสามรถอย่างเขาติดหนึบอยู่ข้างกาย ทำไมต้องไปหานางเด็กจ้าวเหมยนั่นด้วย
เหมยซูหานจ้องเขาตาเขม็งอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์ พูดเสียดสี “ได้สิ ถ้านายสามารถเขียนหนังสือที่ขายดีอย่าง ‘เจ้าหญิงอัปลักษณ์’ ได้ล่ะก็ ฉันจะไปหานายทุกวัน รับรองเลยว่าจะไม่ไปหาจ้าวเหมยอีก”
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ค่อยเข้าใจ “ทำไมฉันจะต้องเขียนหนังสือ? แค่ธุรกิจเดียวของฉันก็ได้เงินตั้งหลายสิบล้าน ให้จ้าวเหมยวาดจนมือหักก็คงหาเงินได้ไม่มากขนาดนี้! ”
“แค่นี้ยังไม่พอ ฉันอยากได้ลิขสิทธิ์หนังเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์ ถ้าฉันไม่ไปหาจ้าวเหมยให้ไปหาใคร? นายให้ฉันได้เหรอ?”
เหมยซูหานโมโหจนออกแรงหยิกขาเฮ่อเหลียนเช่อ ความมั่นใจและความแน่วแน่นั้นแตกต่างไปจากสิ่งที่เขาแสดงออกให้คนนอกเห็นโดยสิ้นเชิง กลับแฝงความขี้อ้อนและเอาแต่ใจออกมาด้วย
เฮ่อเหลียนเช่อารมณ์ดีขึ้นมาก ความบึ้งตึงบนใบหน้าจางหายไป ซ้ำยังเป็นฝ่ายยกขาให้เหมยซูหานหยิกเอง พร้อมพูดเอาใจ “ทำไมนายถึงต้องถ่ายจากหนังสือของจ้าวเหมย? หนังสือมีเยอะแยะไป ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีหนังสือที่ดีกว่านี้แล้ว!”
เหมยซูหานส่ายหน้า “หนังสือที่ดีกว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์มีแน่ แต่เรื่องที่เหมาะจะถ่ายทำละครมีแค่เล่มนั้น ฉันมั่นใจเต็มร้อย อาเช่อนายไม่รู้เหรอว่าแฟนคลับที่อ่านเรื่องนี้มีอิทธิพลมากขนาดไหน สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ที่แฝงมาด้วยซึ่งหนังสือเล่มอื่นไม่มีเลย”
เฮ่อเหลียนเช่อถอนใจเสียงแผ่ว พูดขึ้นอย่างหึงหวง “จ้าวเหมยยังมีความสามารถเช่นนี้ด้วย?”
เหมยซูหานยิ้ม ในแววตานั้นมีความภาคภูมิใจและชื่นชมอยู่ เหมยเหมยในความฝันทั้งขี้ขลาด อ่อนแอและน้อยเนื้อต่ำใจ แต่เหมยเหมยในตอนนี้กลับเปี่ยมด้วยความมั่นใจ สง่าผ่าเผยและงดงามราวกับไข่มุกที่ซุกซ่อนอยู่ในเปลือกหอยก็ไม่ปาน แงะเปลือกที่น่าเกลียดออก ในที่สุดเธอก็สามารถทอประกายส่องแสงแพรวพราวได้
ช่างดีเหลือเกิน!
เขาตั้งใจซื้อหนังสือเจ้าหญิงอัปลักษณ์มาอ่านและพบว่านี่อาจจะเป็นอัตชีวประวัติของเหมยเหมย ช่วงชีวิตในวัยเด็กที่น่าสงสารของนางเอกก็คือภาพลักษณ์ที่แท้จริงของเหมยเหมย เมื่อก่อนเขาไม่เคยเข้าใจ แต่มาเข้าใจก็หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้
เหอปี้อวิ๋น อู่เยวี่ย และอู่เจิ้งซือสามคนในครอบครัว ใจดำอำมหิตต่อเมหยเหมยมาก
เพราะงั้นเขาถึงอยากถ่ายเรื่องนี้มากซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเงินเลย เขาแค่อยากจะเปลี่ยนให้เจ้าตัวตลกกลายเป็นเจ้าหญิงที่สวยสง่าด้วยตัวเอง ชดเชยต่อความรู้สึกผิดในใจของเขา
ในใจเฮ่อเหลียนเช่อยังคงรู้สึกหึงหวงอยู่ หากเป็นไปได้เขาหวังว่าเหมยซูหานกับจ้าวเหมยจะไม่ได้เจอกันอีก แต่เขารู้ดี ถ้าเป็นแบบนั้นเหมยซูหานคงเสียใจ
โธ่ เขาเป็นคนใจกว้าง ไม่ควรจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้อีก!
อย่างมากก็แค่ส่งคนไปจับตาดู เลี่ยงไม่ให้นางชั่วช้าจ้าวเหมยคิดเกินเลยกับเหมยซูหานอีก!
…………………………………………………………………
[1] เปรียบเปรย คนที่โผล่หน้าให้เห็นอยู่แวบๆ ชั่วพริบตาก็หายตัวไปแล้ว
[2] หมายถึงเกิดเรื่องดีเรื่องใหญ่ขึ้น แต่ส่วนใหญ่เน้นใช้ในทางเหน็บแนม ประชดประชัน
[3] คำว่า ‘หึง’ ในภาษาจีนคือคำว่า ‘醋’ หรือน้ำส้มสายชู(มีสีดำคล้ายซอสปรุงรส) ซึ่งชานซีเป็นหนึ่งในสี่เมืองที่มีน้ำส้มสายชูรสชาติดีและขึ้นชื่อ