ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1730 เสียงปี่โหวดังสนั่น ใครเล่าจะถือตนเป็นใหญ่ + ตอนที่ 1731 แข่งเต้นรำ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1730 เสียงปี่โหวดังสนั่น ใครเล่าจะถือตนเป็นใหญ่ + ตอนที่ 1731 แข่งเต้นรำ
ตอนที่ 1730 เสียงปี่โหวดังสนั่น ใครเล่าจะถือตนเป็นใหญ่
เสียงดนตรีเพิ่งบรรเลงขึ้น จากบรรยากาศที่แต่เดิมเงียบสงัดบัดนี้กลับเร่าร้อนฮึกเหิม อารมณ์ของเหล่าผู้ชมเองก็ถูกจุดประกายให้ฮึกเหิมเช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่เผลอกำหมัดอย่างไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
เสียงบรรเลงเปียโนของโอหยางซานซานเพิ่งจะปลอบประโลมจิตใจผู้ชมให้สงบลง แต่เพลง ‘ซุ่มโจมตีจากสิบทิศ’ ของเหมยเหมยกลับจุดประกายเปลวไฟแห่งสงครามขึ้นอีกครั้ง อากาศร้อนระอุเหมือนน้ำที่ต้มเดือดก็ไม่ปาน
“น่าโมโหนัก!”
โอหยางซานซานลอบสบถเองเงียบ ๆ ก่อนที่เธอจะผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาแล้วกระซิบกระซาบกับไก่อ่อนสามตัวนั่น โดยสามคนนี้เผยสีหน้าได้ใจรอเหมยเหมยบรรเลงจบหนึ่งเพลงพวกเขาทั้งสี่คนก็เริ่มประสานเสียงดนตรีกัน
เครื่องดนตรีสามชนิดอย่างเปียโน ฟลูต ไวโอลินไม่ได้เสนาะหูอย่างก่อนหน้านี้ เนื่องด้วยจังหวะที่ค่อนข้างไวทำให้ทั้งสี่คนเล่นกันมือเป็นระวิงเหมือนตะคริวกินไหนจะทำให้คนมองรู้สึกตาลายไปด้วย
แต่เพลงกลับไม่ผิดจังหวะสักนิด แถมยังเล่นไหลรื่นที่พอจะดูออกว่าพวกเขาทั้งสี่คนผ่านการฝึกซ้อมระดับมืออาชีพมาก่อน
“โอ้โห นี่กล้าเล่นเพลง ‘Flight of the bumblebee’ อวดความเร็วของนิ้วมือต่อหน้าฉันเหรอ?” สยงมู่มู่ทำหน้าดูถูกดูแคลนก่อนจะพยักพเยิดคางให้อู่เชา “เจ้าอ้วน โชว์เพลง ‘Song of the phoenix’ ให้พวกเขาหน่อย”
เหอะ กล้าเล่นเพลง ‘Flight of the bumblebee’ ต่อหน้าเขาถ้าอย่างนั้นเขาก็จะเล่นเพลง ‘Song of the phoenix’ กำราบพวกตัวดีจองเหลิงพวกนี้ให้ดี!
“ได้เลย!”
อู่เชาหยิบปี่โหววาววับจากกระเป๋าข้างตัวขึ้นมา นี่เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่เขาชื่นชอบมากที่สุด เวลาอยู่บ้านว่าง ๆก็จะเป่าเล่น ๆเป็นครั้งคราว เขาเช็ดตรงลิ้นปี่หน่อย ๆ แล้วกระแอมไอเตรียมพร้อม สูดอากาศเข้าเฮือกลึกก่อนจะเริ่มโดยการพองลมตรงข้างแก้ม
พวกโอหยางซานซานเห็นเหมยเหมยไม่มีปฏิกิริยาใด ๆจึงหลงคิดว่าคงตกตะลึงในการแสดงของพวกเขาเลยทำท่าได้ใจ พอเห็นอู่เชาหยิบปี่โหวขึ้นมานั้นก็ยิ่งเผยสีหน้าดูถูกดูแคลน
“เครื่องดนตรีที่น่าอับอายแบบนี้เก็บไว้เป่าตอนทุกท่านจัดโต๊ะจีนเลี้ยงเหล้ามงคลเถอะ!” มีแขกรับเชิญผู้ชายคนหนึ่งพูดเย้ยหยันออกมาประโยคหนึ่งก่อนที่สามคนที่เหลือจะหัวเราะเสียงร่วนตามมา แต่มือกลับเพิ่มความเร็วยิ่งกว่าเดิมหมายจะสกัดอู่เชาเอาไว้
แต่ไม่นานพวกเขาก็หัวเราะไม่ออก อย่าเห็นว่าปี่โหวมีรูปร่างกะทัดรัดแต่ความกว้างของเสียงมันกลับเป็นสิ่งที่เครื่องดนตรีชนิดอื่นไม่อาจทัดเทียมได้ เปรียบดั่งเป็นราชาในบรรดาเครื่องดนตรี
เสียงปี่โหวดังสนั่น ใครเล่าคิดจะถือตนเป็นใหญ่อีก!
อู่เชาเป็นคนอ้วนจึงมีปอดใหญ่และกระพุ้งแก้มก็มีแรงอยู่ไม่น้อย เพลง ‘song of the phoenix’ ถูกบรรเลงอย่างมีชีวิตชีวา พวกโอหยางซานซานเองก็เร่งมือให้เร็วกว่าเดิมคิดจะสกัดอู่เชาไว้แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมในไม่ช้า
จังหวะเร็วขึ้นก็จริงแต่กลับสะเปะสะปะเละไม่เป็นท่า กลายเป็น ‘Flight of bumblebee’ อย่างแท้จริง เหล่าผู้ชมรีบเอามือปิดหู ใครจะอยากฟังเสียงรบกวนโสตประสาทหูกันล่ะ!
พอถูกเสียงปี่โหวอันน่าทึ่งของอู่เชาบดขยี้เข้าไป โอหยางซานซานก็ไม่อาจเล่นต่อไปได้ จำต้องหยุดมือคอยมองอู่เชาบรรเลงเพียงคนเดียว
เหมยเหมยส่งสายตาให้อู่เชาแวบหนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณให้อู่เชาหยุดเป่าปี่โหวทำให้บรรยากาศเงียบฉี่ลงอีกครั้ง ทว่าไม่นานก็ทดแทนด้วยเสียงปรบมือราวกับคลื่นซัดฝั่ง
“เมื่อกี้เพื่อนของฉันบรรเลงเพลง ‘song of the phoenix’ ที่เป็นเพลงพื้นบ้าน เป็นเพลงสำหรับปี่โหวที่ได้รับความนิยมจากชาวบ้านในวงกว้าง ซึ่งชัดเจนแล้วว่าเครื่องดนตรีตะวันตกไม่สามารถสกัดกั้นเสียงปี่โหวได้ ถ้าพูดถึงเรื่องเสียงสูงของเครื่องดนตรี ปี่โหวคู่ควรสมตำแหน่งแล้ว!”
เหมยเหมยปรายตามองพวกโอหยางซานซานอย่างเย้ยหยันก่อนเอ่ยต่อ “ฮวาเซี่ยเป็นประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เครื่องดนตรีพื้นบ้านมีเยอะจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว เพลงก็มีมากจนล้น จะว่าไปแล้วเสียงของเครื่องดนตรีตะวันตกไม่น้อยเลยที่ใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านแสดงได้เหมือนกัน แค่อาจจะต่างจากเดิมไปสักหน่อย”
เธอพยักหน้าให้สยงมู่มู่ก่อนที่สยงมู่มู่จะหยิบกีตาร์ออกมาบรรเลงเพลงหนึ่งตามใจชอบพร้อมทั้งร้องคลอไปด้วย ซึ่งนั่นเป็นเพลง ‘พเนจรทั่วทุกทิศ’ เพลงของเขานั่นเอง ทำเอาเหล่าผู้ชมส่งเสียงลุกฮือขึ้นมาในชั่วขณะและอดเรียกให้เขาร้องมากกว่านี้อีกสักนิดไม่ได้
“เวลามีจำกัด ถ้าพวกคุณอยากฟังเพลงของสยงมู่มู่ ไว้คราวหน้าเขาเปิดคอนเสิร์ตแล้วค่อยไปฟังแล้วกันนะคะ”
เหมยเหมยยิ้มพูดหยอกเย้า หยิบผีผาจากด้านหลังออกมากล่าว “กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีตะวันตกที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี สิ่งที่ฉันอยากบอกก็คือความจริงผีผาที่บรรพบุรุษเราคิดค้นขึ้นมาใช้แทนกีตาร์ได้เช่นเดียวกันค่ะ”
……………………………
ตอนที่ 1731 แข่งเต้นรำ
เหมยเหมยจับผีผาวางไว้ในแนวนอนเหมือนถือกีตาร์ ปรับเสียงแล้วบรรเลงเพลง ‘พเนจรทั่วทุกทิศ’ ที่สยงมู่มู่เพิ่งเล่นเมื่อครู่นี้ เธอบรรเลงท่วงทำนองออกมาได้เหมือนกันทุกประการ ผู้ชมรับชมกันอย่างเพลิดเพลิน และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นคนใช้ผีผาเล่นเป็นกีตาร์!
“ตอนนี้ฉันจะใช้ผีผาบรรเลงเพลง ‘ปาอ๋องถอดเกราะ’ อีกเพลงนะคะ”
เหมยเหมยอุ้มผีผาขึ้นมาตั้งแนวตรงและบรรเลงเพลง ‘ปาอ๋องถอดเกราะ’ ที่สำหรับใช้ผีผาเล่น ซึ่งแตกต่างจากเพลงซุ่มโจมตีสิบทิศอย่างสิ้นเชิง เพลงนี้สื่อถึงโศกนาฏกรรมของซีฉู่ปาอ๋องเซี่ยงอวี่ที่เชือดคอฆ่าตัวตายในแม่น้ำอู่เจียงอย่างเศร้าโศกและโดดเดี่ยว ดังนั้นแม้ว่าท่วงทำนองจะเป็นเชิงปลุกใจแต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าจับใจ
เธอไม่ได้เล่นให้จบทั้งเพลง เล่นแค่เพียงครึ่งเพลงแล้วก็หยุดลง
“เมื่อครู่ฉันใช้ผีผาบรรเลงเพลงแทนกีต้าร์ งั้นขอเชิญพวกเธอใช้กีต้าร์เล่นเพลงปาอ๋องถอดเกราะด้วยแล้วกัน!” เหมยเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม มอบโจทย์ยากให้กับพวกโอหยางซานซานทั้งสี่คน
ผีผาเป็นเครื่องดนตรีที่เรียนยากที่สุดเครื่องหนึ่ง ระยะห่างของสายกีต้าร์สั้น ซึ่งยากจะถ่ายทอดเพลงผีผาออกมาได้ พวกโอหยางซานซานไม่สามารถทำได้อย่างสิ้นเชิง
“นี่คือโน้ตเพลงปาอ๋องถอดเกราะ พวกเราเปลี่ยนเป็นโน้ตกีตาร์แล้ว เชื่อว่าพวกเธอคงอ่านเข้าใจใช่ไหม?” เหมยเหมยโยนโน้ตเพลงออกไป ไม่ให้พวกเขาหาข้ออ้างปฏิเสธ
เชอะ วันนี้จะต้องเหยียบพวกทรยศทั้งสี่คนนี้ให้จมดินให้ได้!
ทั้งสี่คนรับโน้ตเพลงไปพลันทำสีหน้าลำบากใจเป็นอย่างมาก อยากจะพูดเหลือเกินว่าพวกเขาเล่นไม่ได้ แต่พวกเขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าพวกเหมยเหมยจึงดันทุรังลองเล่นดูสักตั้ง แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ทำได้แค่เพียงยอมแพ้!
ไร้หนทางจะบรรเลงเป็นเพลงได้เลย!
“เล่นไม่ได้ใช่ไหมล่ะ จุ๊ ๆเห็นพวกเธอคุยโวตั้งขนาดนั้น ฉันยังนึกว่าพวกเธอจะเก่งกาจมากเสียอีก!” เหมยเหมยส่ายหัว ไม่ปกปิดความเหยียดหยามของเธอเลยสักนิด
สยงมู่มู่และเซียวเซ่อกลับไม่ปกปิดสักนิด หัวเราะเยาะเหน็บแนม ดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก
ต่อจากนั้นสยงมู่มู่และอู่เชาก็ทำการแสดงเป่าขลุ่ยและเอ้อร์หู โดยเฉพาะเอ้อร์หูที่ดัดแปลงได้หลากหลายมาก ถึงแม้ว่าพวกผู้ชมจะไม่รู้จักเอ้อร์หูแต่กลับฟังกันอย่างเพลิดเพลิน
แค่หัวข้อดนตรี พวกเหมยเหมยก็บดขยี้พวกโอหยางซานซานอย่างสมบูรณ์แบบ ดนตรีพื้นบ้านชนะไป
พวกโอหยางซานซานไม่ยอมแพ้เสนอแข่งเต้นรำ เหมยเหมยส่งเสียงฮึเบา ๆเพราะการเต้นรำเป็นสิ่งที่เธอถนัดที่สุด ทั้งสี่คนรนหาที่ตายเองจริง ๆ อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าเธอไม่เกรงใจก็แล้วกัน!
โอหยางซานซานและแขกรับเชิญผู้ชายอีกคนหนึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย การเต้นละตินที่ไม่ได้ตระเตรียมมาก่อน กลับเข้ากันได้ดีทั้งสองฝ่ายจนเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้ไม่น้อย จากนั้นพวกเขายังแสดงการเต้นพาโซโดเบลและแทงโก้
“เต้นได้ไม่เลว แต่ว่าพวกนี้ก็ไม่ได้เรียกว่ามีฝีมืออะไร ตอนแรกฉันยังคิดว่าจะได้ดูบัลเล่ย์เสียอีกนะเนี่ย!”
เหมยเหมยยักไหล่ด้วยท่าทีเกินจริง โอหยางซานซานอดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสีว่า “มีฝีมือเธอก็แสดงสิ!”
เดิมทีแขนขาของเธอแข็งทื่อ แต่เพื่อฝึกเต้นไม่รู้ว่าทรมานมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงระดับนี้ได้ แม้จะเทียบไม่ได้กับนักเต้นมืออาชีพ แต่สำหรับมือสมัครเล่นนั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
“ไม่มีปัญหา!”
เหมยเหมยยื่นมือไปทางเซียวเซ่อทำท่าเชิญชวน เซียวเซ่อยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ออกไปจับมือเหมยเหมย เริ่มทำการแสดงเต้นระบำละติน แน่นอนว่าเธอเต้นเป็นผู้ชาย
เมื่อก่อนตอนที่ทั้งสองว่าง ๆมักจะเต้นละตินกันเล่น ๆ พวกเธอสองคนจึงเต้นเข้ากันได้เป็นอย่างดี
พวกเธอเต้นติดต่อกันหลายจังหวะ ทั้งจังหวะชะชะช่า รุมบ้า แซมบ้า แทงโก้ ต่างทำการแสดงทั้งหมด ถึงแม้ว่าผู้ชมจะเป็นคนนอกวงการแต่ถึงอย่างไรก็พอมองออก เห็นได้อย่างชัดว่าพวกเหมยเหมยเต้นได้ดีกว่า
“ต่อไปฉันจะแสดงการเต้นรำแบบฮวาเซี่ยดั้งเดิมให้ทุกคนได้รับชมกัน เริ่มด้วยระบำผ้าแล้วกันค่ะ”
เหมยเหมยโบกมือส่งสัญญาณให้อู่เชาและสยงมู่มู่ อู่เชาดีดฉินโบราณ สยงมู่มู่เป่าขลุ่ย พอเพลงบรรเลงขึ้นเหมยเหมยก็เริ่มเต้นอย่างสวยสง่าคล่องแคล่ว วันนี้เธอตั้งใจสวมชุดกระโปรงสีขาวมาเป็นพิเศษเพื่อง่ายต่อการเต้น
มือโบกสะบัดเอวก็ขยับส่ายตาม ระบำไปตามท่วงท่า สายตาของผู้ชมต่างจับจ้องมาที่เธอ
“ฉันจะแสดงการฟ้อนรำจิงหงให้ทุกคนได้รับชมกันนะคะ” เหมยเหมยเปลี่ยนท่าเต้น จังหวะการบรรเลงเพลงของพวกสยงมู่มู่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ลื่นไหลไม่มีสะดุด
…………………………………………..