ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1748 ฝูงบิน AVG มาถึงแล้ว + ตอนที่ 1749 โจมตีทางจิตใจ
ตอนที่ 1748 ฝูงบิน AVG มาถึงแล้ว
ก่อนหน้านั้นเหยียนหมิงซุ่นเคยบอกเธอ อำนาจมืดของที่นี่จะต้องถูกรัฐบาลกวาดเรียบแน่ ไม่มีทางให้เกิดสถานการณ์ลากยาวระหว่างอำนาจมืดและรัฐบาลเด็ดขาดเหมือนกับหัวหน้ามาเฟียอย่างโจวจื่อหัว เขาเองก็ได้เริ่มต้นหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองมาตั้งนานแล้ว
เพราะงั้นโจวจื่อหัวจึงสานสัมพันธ์ที่ดีต่อเหยียนหมิงซุ่น เท่ากับเป็นการยอมจำนนต่อรัฐบาลอย่างไม่ปิดบัง แต่นักเลงอย่างเฉินกั๋วเปียว รัฐบาลจะยอมปล่อยให้เขาได้มีชีวิตอีกครั้งเหรอ?
ลูกน้องของเฉินกั๋วเปียวค้นหาในเรือสำราญจนทั่วแต่ก็ไม่พบอะไร
“ลูกพี่! ไม่เจอครับ!”
เฉินกั๋วเปียวมองเหมยเหมยอย่างสงสัยถึงอย่างไรก็ไม่ตายใจ เขาวิ่งไปหาตรงด้านหลังก็เจอกับเม่าฉู่และคนอื่น ๆ จึงอดนึกสงสัยไม่ได้
“คนพวกนี้เป็นใคร?”
เหมยเหมยใจเต้น ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หน่วยคุ้มกันที่สามีฉันหามาให้ คุณเฉินมีอะไรเหรอคะ?”
“ไม่มีหรอกครับ!” เฉินกั๋วเปียวฝืนแสร้งทำเป็นยิ้ม มองสำรวจเม่าฉู่และคนอื่น ๆไม่หยุด ความสงสัยในใจก็ยิ่งมีมากขึ้น
ยี่สิบกว่าคนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทหารประจำการแต่เหมือนกับกองกำลังอาวุธในสามเหลี่ยมทองคำมากกว่า ยิ่งถ้าดูจากสีผิวและการแต่งตัวของคนพวกนี้ ก็ไม่เหมือนชาวฮั่นเลยสักนิด
เขาเตรียมที่จะให้เม่าฉู่พูดภาษาฮวาเซี่ยสักหน่อย พึ่งได้อ้าปาก ลูกน้องของเขาก็วิ่งเข้ามารายงาน “ลูกพี่ มีเรืออีกสองลำพุ่งตรงเข้ามาหรือจะเป็นเถียวจื่อ[1]?”
เสี่ยวอวิ๋นมีสีหน้าดีใจพลางขยิบตาให้เหมยเหมย เหมยเหมยรู้ว่าต้องเป็นลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นที่มาถึงแล้ว ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็ทันเวลาพอดี
“คุณเฉินวางใจได้ เป็นคนของฉัน ไม่ใช่ตำรวจ” เหมยเหมยจงใจพูด
เฉินกั๋วเปียวไม่มีกระจิตกระใจสอบสวนเม่าฉู่อีก ในตอนนี้เขาพึ่งนึกถึงพลุสัญญาณที่เห็นก่อนหน้านี้ ตอนนั้นไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ทนายหนึ่งคน หญิงสาวแผ่นดินใหญ่หนึ่งคนจะหาใครมาได้อีก?
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเขาคิดผิด อำนาจของจ้าวเหมยหญิงสาวแผ่นดินใหญ่คนนี้มีมากกว่าที่เขาคิด!
ผู้มาเยือนคนใหม่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เหมยเหมยได้ยินเสียงของเซียวเซ่อ “เหมยเหมยเธออยู่ไหน? โจรสลัดอยู่ไหน? ฉันพาฝูงบิน AVG[2] มาด้วย รับรองว่ากำจัดไอ้ชั่วนั่นได้แน่!”
ถึงเวลาที่เฉินกั๋วเปียวและคนอื่น ๆต้องตกใจแล้ว ฝูงบิน AVG ?
แย่แล้ว!
จ้าวเหมยเป็นใครมาจากไหน?
เหมยเหมยเองก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าเซียวเซ่อจะมีความสามารถถึงขนาดนี้ แม้แต่ฝูงบิน AVG ลึกลับก็เรียกมาได้ ในตอนนี้เธอรู้สึกวางใจมาก ตะโกนตอบกลับคนด้านนอก “เซ่อเซ่อ ฉันอยู่นี่”
เธอหันไปส่งยิ้มให้กับเฉินกั๋วเปียวที่มีสีหน้าวิตกกังวล “คนที่มาคือเพื่อนสนิทฉันเอง เธอเป็นหลานสาวของท่านเคานท์วิคตอเรียแห่งอังกฤษ ซึ่งก็คือรัชทายาทอันดับที่หนึ่งนั่นเอง ผู้ปกครองสูงสุดเพิ่งจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้เพื่อนฉันเมื่อวันก่อนเอง”
เรื่องนี้เธอไม่ได้พูดโกหก เพราะเขาจัดเลี้ยงต้อนรับจริง ๆ
เฉินกั๋วเปียวใจเต้นไม่เป็นระส่ำ แม่เจ้า หลานสาวเชื้อกษัตริย์ก็ปรากฏตัวด้วย!
ไม่แปลกใจเลยที่เรียกฝูงบิน AVG มาได้!
ตอนนี้ต่อให้ตู้ตานอยู่บนเรือจริง ๆเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะไปจับตัวหรอก เฉินกั๋วเปียวละทิ้งความคิดที่จะจับตัวเหมยเหมยไปเป็นตัวประกันแล้ว เสี่ยวอวิ๋นและเสียวหลี่จ้องเขาอย่างดุดัน สองคนนี้ฝีมือดีกว่าใคร ไม่มีทางปล่อยให้เขาจับตัวจ้าวเหมยไปได้แน่
เฉินกั๋วเปียวที่รู้จักสังเกตสถานการณ์ก็พลันทำหน้ายิ้ม พูดจาเอาอกเอาใจ “เข้าใจผิด ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหนูจ้าว ถึงได้พาพวกพ้องมาช่วยคุ้มกันคูณหนูจ้าวนี่ไง”
เซียวเซ่อเดินเข้ามาหา ด้านหลังมีสยงมู่มู่ตามมาด้วย พวกเขาเห็นว่าเหมยเหมยปลอดภัยถึงได้นึกโล่งใจ สยงมู่มู่เดินเข้ามาต่อว่า “บอกแล้วว่าอย่าออกทะเลมาคนเดียวเธอก็ไม่ฟัง ครั้งนี้เจอพวกโจรสลัดเข้าใช่ไหม?”
เขาหันไปทางเฉินกั๋วเปียว พูดด้วยความโมโห “นี่เหรอโจรสลัด?”
เฉินกั๋วเปียวสังเกตเห็นฝูงบิน AVG ที่ติดอาวุธพร้อมอยู่บนดาดฟ้า ทุกคนแบกปืนพร้อมกระสุน ไหนเล่าจะกล้าทำกร่างได้แต่รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แค่เข้าใจผิดกัน ผมจะเป็นโจรสลัดได้ยังไง ผมแค่เจอกับคุณหนูจ้าวโดยบังเอิญ”
[1] หมายถึง ตำรวจ มาจากภาษาถิ่น(กวางตุ้ง) ส่วนใหญ่ใช้ในกลุ่มสังคมมาเฟีย หรือสังคมอิทธิพลด้านมืดในฮ่องกง
[2] ฝูงบิน AVG มีชื่อเต็มว่า American Volunteer Group เป็นชื่อเรียกขานถึงหน่วยบินในตำนาน ที่ได้ชื่อว่า Flying Tiger (飞虎队) โดยทำหน้าที่ปฏิบัติการบินรบกับกองทัพญี่ปุ่นในประเทศจีน พม่า และทางตอนเหนือของไทย
………………………………………………………………………………
ตอนที่ 1749 โจมตีทางจิตใจ
เฉินกั๋วเปียวหวาดกลัวฝูงบิน AVG มากจนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แต่เขาก็ยังไม่พอใจ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ข่าวของตู้ตาน ต่อจากนี้คงหาตู้ตานไม่ได้ง่าย ๆแล้วล่ะ
คนในสามเหลี่ยมทองคำไม่ใช่พวกคนดีอะไร ถ้าเขายังไม่สามารถควบคุมหมิ่นเติงได้ คนพวกนั้นคงต้องหาหุ้นส่วนใหม่เป็นแน่ แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาอยากจะเห็น
“ลูกพี่ ฝูงบิน AVG เป็นตัวปลอมหรือเปล่า?” ลูกน้องคนหนึ่งกระซิบ เฉินกั๋วเปียวแววตาเป็นประกาย ความจริงเขาก็คิดไว้แบบนี้เหมือนกัน
จ้าวเหมยคุยโวโอ้อวดจนฟ้าถล่มดินทะลาย เดี๋ยวก็ผู้ปกครองชั้นสูงสุด เดี๋ยวก็โจวจื่อหัว เขาไม่ได้เห็นกับตาตัวเองเลย ใครจะรู้ว่าจริงหรือเท็จ?
ถ้าไม่ใช่ฝูงบิน AVG ตัวจริงเขายังคงสู้ตายได้ ถึงอย่างไรก็อยู่ในทะเลหลวง ต่อให้เขาก่อเรื่องจนพลิกฟ้าโจวจื่อหัวก็ทำอะไรไม่ได้
เหมยเหมยเห็นว่าเฉินกั๋วเปียวเงียบอยู่นานก็พลันจมดิ่งกับความคิด ที่นี่คือทะเลหลวง เฉินกั๋วเปียวเป็นพวกนักเลง ไม่แน่ว่าอาจจะกล้าก่อเรื่องวุ่นวายได้ ถ้าต้องสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้ฝ่ายเธอชนะก็ต้องมีคนตายไม่น้อยแน่
สมองเธอมีความคิดบางอย่างพาดผ่านขึ้นมา เธอจึงส่งสายตาให้เซียวเซ่อ จู่ ๆก็หัวเราะกะทันหัน พูดเรื่องหัววัวไม่ตรงกับปากม้า[1]ขึ้นมา “ฉันได้ยินมาว่าบ้านเกิดของคุณเฉินอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเทพขง[2] ไม่รู้ว่าคุณเฉินไม่ได้กลับบ้านมานานเท่าไรแล้วคะ?”
เฉินกั่วเปียวชะงักขึ้นมาพลันเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจ ทำไมจู่ ๆจ้าวเหมยถามถึงบ้านเกิดเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย?
“ดูเหมือนคุณหนูจ้าวจะเป็นห่วงผมนะ เอาตรง ๆผมไม่ได้กลับบ้านมาสามสิบกว่าปีแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านเกิดบ้าง” ในเวลานี้เขากลับแสดงท่าทีที่แท้จริงบางอย่างออกมา
แต่ก่อนพ่อเขามักพูดเสมอ แค่หาเงินจากที่นี่ได้ก็จะกลับบ้านเกิดไปสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่สักหลัง และเชิญคนในหมู่บ้านมาร่วมฉลองงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสี[3]สามวันติด แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยทำสำเร็จ
ตอนนี้เขามีเงินแล้ว ต่อให้สร้างคฤหาสน์สักร้อยหลัง เชิญคนในหมู่บ้านมาร่วมฉลองงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสีหนึ่งปีติดก็ไม่มีปัญหา แต่พ่อแม่ไม่อยู่แล้วเขาก็กลับไปไม่ได้อีกแล้ว
เหมยเหมยเห็นท่าทีของเฉินกั๋วเปียว ก็รู้ในทันทีว่านักเลงคนนี้มีปมเรื่องบ้านเกิดอย่างลึกซึ้ง เธอสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้
“โบราณว่าไว้ใบไม้ที่ร่วงจะกลับคืนสู่ราก[4] พ่อแม่ของคุณเฉินคงอยากจะกลับบ้านมากสินะคะ? แล้วคุณเฉินไม่อยากกลับบ้านไปหาคนในครอบครัวบ้างเหรอ?” เหมยเหมยจงใจพูดขึ้นมา
เฉินกั๋วเปียวมุ่นคิ้วระงับความคิดถึงบ้านในใจเอาไว้ พูดขึ้นอย่างกระกรับกระเกรียบ “เรื่องแบบนี้คงไม่ต้องให้คุณหนูจ้าวเป็นกังวลหรอก!”
เหมยเหมยยังคงยิ้มรับ “ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย พอดีว่ามีผู้ใหญ่ที่รู้จักคนหนึ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่ดูแลพื้นที่แถบบ้านเกิดคุณเฉิน เมื่อไม่นานมานี้เขาก็ไปหมู่บ้านที่บ้านเกิดของคุณเฉินมา คุณเฉินเป็นถึงคนดังของหมู่บ้านเลยนะ คนในหมู่บ้านต่างก็พูดว่าคุณเฉินไปร่ำรวยอยู่ที่ฮ่องกง ไม่คิดจะกลับไปซ่อมแซมศาลบรรพบุรุษตระกูลเฉินเลย”
เฉินกั๋วเปียวสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “พวกเขาพูดแบบนั้นจริงเหรอ?”
“แน่นอนสิคะ เขาตั้งใจไปดูศาลบรรพบุรุษตระกูลเฉินโดยเฉพาะเลย ความจริงมันผุพังไปหมดแล้ว เพราะหมู่บ้านยากจนเกินไปเลยหาเงินมาซ่อมแซมไม่ได้ เกรงว่าอีกไม่กี่ปีมันจะพังจนถล่มลงมานี่สิ”
เหมยเหมยพูดพลางสังเกตท่าทีที่เปลี่ยนแปลงของเฉินกั๋วเปียว เหงื่อก็ผุดเต็มฝ่ามือ เธอต้องลองพนันดูสักตารอดูว่าเจ้าบ้านี่จะเชื่อไหม
ผ่านไปได้สักพัก เฉินกั๋วเปียวถึงได้เอ่ยถ้า “ผู้ใหญ่ที่คุณหนูจ้าวรู้จักทำงานอยู่ที่ไหน?”
“เขาเป็นผู้ว่าราชการของมณฑลกวนตง เพราะบ้านเกิดของคุณเฉินอยู่ในเทศมณฑลเติงเกาที่ไม่ค่อยร่ำรวยนัก ดังนั้นเขาจึงมักจะไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านแถบนั้น” เหมยเหมยแอบนึกดีใจ โชคดีที่ก่อนมาเหยียนหมิงซุ่นได้เอาข้อมูลของเฉินกั๋วเปียว โจวจื่อหัว และคนอื่น ๆให้เธอดูก่อน
โดยบอกว่าให้เธอได้รู้ไว้
มีสามีที่คอยเป็นห่วงในทุก ๆเรื่อง มันช่างโชคดีจริง ๆเลย!
………………………………………………………..
[1] พูดเรื่องที่ไม่สอดคล้องกัน
[2] หมายถึง ขงจื้อ (孔子) ชาวจีนยกย่องให้เป็นดั่งเทพหรือเซียน และยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในสิบนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ของโลก
[3] งานเลี้ยงที่ทุกโต๊ะอาหารต้องมีน้ำซุป และมีการเวียนเสิร์ฟอาหารอย่างไม่ขาดตอน ดั่งสายน้ำที่หลั่งไหล จึงถูกเรียกขานว่า งานเลี้ยงหลิ่วสุ่ยสี (流水席) ที่แปลตรงตัวว่า งานเลี้ยงสายน้ำไหล
[4] หมายถึง บุคคลที่ระเหเร่ร่อนไปยังที่ต่างๆในที่สุดก็ต้องกลับมาตายรังที่บ้านเกิดเมืองนอน