ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1754 ไม่กินหูฉลาม + ตอนที่ 1755 รู้หน้าที่ของตัวเอง
ตอนที่ 1754 ไม่กินหูฉลาม
โอหยางซานซานกัดริมฝีปากแน่น ไม่สบายใจเอามาก เธอไม่ได้ขาดแคลนเครื่องประดับอยู่แล้ว หากไม่เป็นเพราะต้องทำภารกิจของผู้ชายคนนั้นให้สำเร็จ เธอไม่มีทางกล้ำกลืนฝืนทนอยู่กับไอ้แก่ไร้ประโยชน์นี่หรอก!
“ขอบคุณค่ะพ่อบุญธรรม ฉันจะไม่ออมมือแน่นอน!”
โอหยางซานซานพูดเสียงออดอ้อน แววตาปล่อยประกายไฟจนครึ่งร่างของเขานั้นกรอบไปหมด แอบนึกด่าไปทีว่าปีศาจ
หากว่าเขาเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบจะต้องเก็บปีศาจตัวนี้ไว้นาน ๆ มีความสุขอยู่บนตัวเธอทุกวัน แต่ตอนนี้แก่แล้วคงได้แค่ลิ้มลองความสดใหม่เพียงไม่กี่วัน!
เหมยเหมยมองโอหยางซานซานอย่างดูแคลน ถึงอย่างไรก็มาจากครอบครัวของนักปฏิบัติ และยังสอบติดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีกด้วย เส้นทางอนาคตต้องสดใสอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องย่ำยีตัวเองด้วยนะ?
โอหยางซานซานแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ เหมยเหมยก็ไม่อยากสานสัมพันธ์กับเธอ แค่หันไปพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่สนใจโอหยางซานซานอีกจึงหันไปพูดคุยกับโจวจื่อหัว
“เหมยเหมย…ฉันเรียกเธอว่าเหมยเหมยแล้วกัน คุณหนูจ้าวเรียกแล้วดูห่างเหินเกินไป” โจวจื่อหัวยิ้มพลางพูด
“หนูเรียกว่าลุงแล้ว ลุงหัวก็ต้องเรียกชื่อหนูสิคะ” เหมยเหมยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
โจวจื่อหัวอารมณ์ดีไม่น้อย กวักมือเรียกลูกน้องให้ไปเร่งทางร้านเสิร์ฟอาหาร
“หูฉลามของที่นี่คือต้นตำรับที่สุด อีกเดี๋ยวเหมยเหมยต้องกินเยอะ ๆนะ หูฉลามกินแล้วช่วยเรื่องความสวยความงาม อาเมย์ก็กินเยอะ ๆล่ะ”
ภัตตาคารเสิร์ฟอาหารอย่างรวดเร็ว โดยเสิร์ฟหูฉลามให้ก่อนคนละชาม โจวจื่อหัวแบ่งให้เหมยเหมยกับโอหยางซานซาน จากนั้นตัวเขาก็ค่อย ๆกินอย่างช้า ๆ
“ได้ยินมานานแล้วว่าหูฉลามของภัตตาคารป้าหวังนั้นเป็นที่หนึ่ง แต่หนูรับน้ำใจการต้อนรับของลุงหัวไว้นะคะ หนูไม่กินหูฉลามค่ะ เดี๋ยวจะรอกินหอยเป่าฮื้อแทน!”
แม้ว่าพูดแบบนั้นออกไปจะทำให้โจวจื่อหัวอารมณ์เสีย แต่เธอก็ไม่อยากฝืนปณิธานของตัวเองที่ยืนหยัดจะไม่กินหูฉลาม พอนึกถึงการกินหูฉลามหนึ่งชามก็จะต้องมีปลาฉลามตัวหนึ่งที่ต้องตายอย่างอนาถ
เธอจึงรู้สึกเบื่ออาหารในทันที
และเธอก็ยังคิดว่าหูฉลามไม่มีอะไรแตกต่างไปจากวุ้นเส้นเลย เธอใช้วุ้นเส้นดี ๆเคล้ากับเครื่องปรุงรสอย่างดี ก็สามารถทำอาหารรสชาติดี ๆออกมาได้เหมือนกัน รสชาติไม่แย่เลยสักนิด
ส่วนคำพูดที่บอกว่าหูฉลามช่วยเรื่องความงาม เธอยิ่งรู้สึกตลก ผลลัพธ์คงไม่ต่างไปจากปีกไก่ตุ๋นนักหรอกใช่ไหม?
ก็แค่คอลลาเจนก็เท่านั้น!
และนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ตรวจสอบแล้วด้วย คุณค่าทางโภชนาการของหูฉลามไม่ได้สูงเลย หนำซ้ำมันยังไม่ได้มีโภชนาการเทียบเท่ากับไข่สักฟองหรือว่านมสักแก้ว และจากเหตุผลที่ว่ามานี้เพียงเพราะฉลามกำลังหายากขึ้นทุกปี
ดังนั้นเหมยเหมยจึงไม่เข้าใจกระแสความชอบหูฉลามของคนฮ่องกง ว่ากันว่าแค่เมืองใหญ่เท่าฝ่ามืออย่างฮ่องกง ทุกปีกินหูฉลามไปมากกว่า 1,400 ตัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทุกปีจะต้องมีฉลาม 100,000 ตัวตายเพราะความตะกละของคนฮ่องกง
โจวจื่อหัวนิ่งอึ้งราวกับนึกไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะปฏิเสธการกินหูฉลาม แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกอารมณ์เสีย สำหรับคนสวยเขาจิตใจกว้างขวางมากพอ
“เหมยเหมยคนงามจิตใจก็งาม การกินหูฉลามจริง ๆคือการทำให้เกิดการสังหารหมู่” โจวจื่อหัวยิ้มพลางประชดตัวเอง
เหมยเหมยใจสั่น รีบพูดว่า “ลุงหัวก็พูดเกินไปค่ะ หลัก ๆมันเป็นเพราะหนูปากไม่ค่อยรู้จักความอร่อย ไม่รู้ข้อดีข้อเสียของอาหาร ถ้ายกหูฉลามมาให้โดยไม่บอกหนูคงคิดว่ากินวุ้นเส้นแน่นอนค่ะ”
“ฮ่า ๆ…”
โจวจื่อหัวหัวเราะเสียงดังอย่างร่าเริง กวักมือเรียกบริกรให้รีบเสิร์ฟหอยเป่าฮื้อและพูดกับเหมยเหมยว่า “หอยเป่าฮื้อของที่นี่เป็นหอยเป่าฮื้อสองหัวชั้นดีที่ได้มาจากญี่ปุ่น แล้วก็ได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟ รสชาติชั้นเลิศเลยนะ”
เหมยเหมยยิ้มร่า คีบหอยเป่าฮื้อตัวหนึ่งขึ้นมากิน รสชาติเยี่ยมมากจริง ๆ เธอหันไปชูนิ้วโป้งให้กับโจวจื่อหัวและเอ่ยปากชม “สมคำร่ำลือค่ะ!”
โจวจื่อหัวยกยิ้มอย่างพอใจและกินหูฉลามต่อ ไม่เหลียวมองหอยเป่าฮื้อที่หายากเลยสักนิด ฐานะทางสังคมและตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ต่อให้กินหอยเป่าหื้อสองหัวทุกวันก็ไม่เป็นปัญหา เรื่องอาหารไม่ใช่สิ่งที่เขาแสวงหาอีกต่อไปแล้ว!
……………………………………………………..
ตอนที่ 1755 รู้หน้าที่ของตัวเอง
โจวจื่อหัวกินหูฉลามช้าๆ จนหมด พอเช็ดปากสะอาดแล้วก็พูดว่า “จะว่าไปซานซานก็มาจากเมืองหลวงเหมือนกันนะ ซ้ำยังออกทีวีด้วยกันอีก พวกเธออายุไล่เลี่ยกัน ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ชวนกันไปเดินเล่นดื่มชาสิ!”
เหมยเหมยเหลือบมองโอหยางซานซาน จงใจพูดติดตลกว่า “อันที่จริงหนูกับโอหยางซานซานรู้จักกันมานานแล้วละค่ะ เพียงแต่ตอนนี้เธอเป็นแฟนสาวของคุณลุงหัว แล้วหนูก็เรียกว่าคุณอาว่าอาด้วย การจัดลำดับรุ่นนี่ช่างไม่ง่ายเลยนะคะ!”
โอหยางซานซานหน้าเปลี่ยนสีแอบแค้นยู่ในใจ เธอแอบด่าในใจไปหลายประโยค ปิดปากยิ้มอย่างอ่อนหวาน “คุณหนูจ้าวนี่หูไม่ค่อยดีสินะคะ ทั้ง ๆที่ฉันเรียกเขาว่าพ่อบุญธรรมทำไมเธอถึงยังพูดว่าฉันเป็นแฟนสาวไปได้ล่ะ! ”
เหมยเหมยจ้องเธอเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “งั้นฉันคงฟังผิดจริง ๆ ที่แท้เธอก็เป็นลูกสาวบุญธรรมนี่เอง!”
เธอจงใจเน้นเสียงหนักที่คำว่า ‘ธรรม[1]’ และยังได้ลากเสียงยาว เป็นความหมายที่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้
เหอะ!
ช่างหน้าไม่อาย คำว่า‘ธรรม’ ของลูกสาวบุญธรรม เป็นคำกริยาไม่ใช่หรือไง?
ทำอย่างกับว่าคนอื่นเขาโง่อย่างนั้นแหละ!
โจวจื่อหัวหัวเราะร่ามองพวกเธอต่อปากต่อคำกันโดยไม่โกรธเลยสักนิด ในเมื่อเป็นลูกสาวบุญ ‘ธรรม’ จริง ๆนี่นา!
แต่เขาก็ดูออกว่าจ้าวเหมยกับโอหยางซานซานไม่ลงรอยกัน เขาจึงไม่ได้บอกให้จ้าวเหมยเหมยไปเดินเล่นกับโอหยางซานซานอีกแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที โอหยางซานซานถูกเขาเมินทิ้งไว้อีกฟากหนึ่ง
ต่อให้เป็นคนสวยที่น่าภาคภูมิใจแค่ไหนแต่ก็เป็นแค่ผู้หญิงเท่านั้น ผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้าเปลี่ยนวันละชุดก็ไม่เห็นเป็นไร คนอย่างโจวจื่อหัวไม่มีทางเอาเรื่องคนรักมาเป็นเรื่องจริงจังได้ ก็แค่ของเล่นเท่านั้นเอง
อาหารทยอยเข้ามาเสิร์ฟเหมยเหมยลิ้มรสทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้กินเยอะ โจวจื่อหัวคุยกับเธอไปเรื่อยเปื่อยซึ่งไม่ได้เอ่ยถึงเฉินกั๋วเปียว แต่เหมยเหมยก็รู้ดี เหตุที่เชิญเธอมากินข้าววันนี้ก็เพื่อต้องการให้เฉินกั๋วเปียวเห็น
“ขอบคุณลุงหัวสำหรับการต้อนรับนะคะ คราวหน้าถ้าลุงหัวมีโอกาสกลับแผ่นดินใหญ่ หนูจะเลี้ยงข้าวคุณอาเองค่ะ ถึงฝีมือการทำอาหารของฉันจะสู้เชฟในภัตตาคารไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีฝีมือพอควรนะคะ”
เหมยเหมยพูดล้อเล่นขำขัน ในขณะเดียวกันก็เป็นการทดสอบแทนเหยียนหมิงซุ่นด้วย
ในแววตาของโจวจื่อหัวมีความหมายลึกซึ้ง ยิ้มอ่อนและพูดว่า “เอาสิ ถึงตอนนั้นจะต้องชิมรสมือของเหมยเหมยให้ได้เลย”
โอหยางซานซานกระวนกระวายใจมาก โจวจื่อหัวตอบรับคำเชิญของเหมยเหมย นั่นหมายความว่าเขาต้องการที่จะร่วมมือกับเหยียนหมิงซุ่นอย่างงั้นเหรอ?
ไม่ได้การล่ะ เธอต้องรีบจัดการเสียแล้ว เธอต้องดึงโจวจื่อหัวมาให้ได้ไม่เช่นนั้นภารกิจก็จะไม่สำเร็จ ผู้ชายที่น่ากลัวคนนั้นจะต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่!
เหมยเหมยเหลือบมองโอหยางซานซานอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวลา
“พ่อ(บุญธรรม)คะ พ่อจะกลับแผ่นดินใหญ่จริง ๆเหรอ? ที่นั่นไม่ได้ร่ำรวยเหมือนฮ่องกงนะคะ!” โอหยางซานซานพูดออดอ้อน ฝ่ามือที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกลูบไล้ที่แผ่นอกของชายผู้นั้น ขาเรียวเล็กสัมผัสเข้ากับส่วนสำคัญเป็นครั้งคราว
โจวจื่อหัวหยิกหยอกเธอแต่ไม่ได้มีความต้องการมากเหมือนทุกครั้ง ซ้ำยังผลักตัวเธอออกพร้อมกับหุบยิ้ม และพูดด้วยเสียงขรึม “อาเมย์ สิ่งสำคัญในการเป็นผู้หญิงของฉันคือพูดให้น้อยลงฟังให้น้อยลงทำให้มากขึ้น เข้าใจไหม?”
โอหยางซานซานตัวสั่นอย่างรุนแรง แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นทันที ความเศร้าโศกล้นทะลักเข้ามาในใจ
เมื่อคืนยังเรียกเธอว่าสาวน้อยที่รักอยู่เลย ตอนนี้บอกจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนไปเสียดื้อ ๆ ที่แท้ผู้ชายก็เป็นพวกที่ไร้ความรู้สึกที่สุด
“เข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะไม่พูดพร่ำเพรื่ออีกค่ะ” โอหยางซานซานก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง พูดด้วยเสียงเบาหวิว
“เด็กดี เดี๋ยวออกไปเลือกเครื่องประดับในร้านเองนะ” โจวจื่อหัวหยิกแก้มเธอเบา ๆ จากนั้นก็เอามือไขว้หลังแล้วเดินจากไป เขาต้องกลับไปดูภรรยาที่บ้านเก่าและหลานสาวที่เขาพึ่งได้มาใหม่ ความสามัคคีในครอบครัวเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด
โอหยางซานซานเดินออกมาจากภัตตาคารเพียงลำพัง เธอไปที่ร้านเครื่องประดับและเลือกอันที่แพงที่สุดมา เธอยัดมันลงกระเป๋าโดยไม่แม้แต่จะมอง โบกแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังเขตชานเมือง
……………………………………………………
[1] เสียงของคำว่า ‘ธรรม’ ซึ่งมาจากคำว่า “干” เนื่องจากบุตรสาวบุญธรรมในภาษาจีนคือคำว่า “干女儿”