ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1760 ดื่มชายามเช้า + ตอนที่ 1761 ปฏิเสธทางอ้อม
ตอนที่ 1760 ดื่มชายามเช้า
โจวจื่อหัวเลื่อนซาลาเปาไส้หมูแดงที่บริกรเพิ่งเสิร์ฟส่งให้เหมยเหมย อมยิ้มพลางเอ่ยว่า “ซาลาเปาหมูแดงรสชาติดีมาก เรื่องธุระไม่ต้องรีบหรอก กินให้ท้องอิ่มก่อนเถอะ”
เหมยเหมยรู้สึกรำคาญที่โจวจื่อหัวแสร้งทำตัวมีเลศนัยแต่ก็ยังฝืนกินไปลูกหนึ่ง แล้วก็ไม่กินอีก “รสชาติไม่เลวค่ะ แต่เสียดายที่หนูกินข้าวเช้าก่อนออกจากบ้านมาแล้ว ต่อให้อยากกินแค่ไหนก็คงไม่ไหวจริง ๆค่ะ!”
“นั่นสินะ พวกเธอคงไม่คุ้นชินกับการดื่มชายามเช้า เป็นฉันที่คิดไม่รอบครอบเอง ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสจะชวนเธอไปจิบน้ำชายามบ่าย[1] ชายามบ่ายชองที่นี่ก็อร่อยเหมือนกันนะ” โจวจื่อหัวพูดขึ้น
เหมยเหมยอมยิ้มโดยไม่พูดอะไร เหยียนหมิงซุ่นกำชับเธอในสายโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายว่าอย่าเป็นฝ่ายชวนโจวจื่อหัวคุยมากเกินไป วางตัวกลาง ๆไว้ดีที่สุด ถ้าถ่อมตัวต่อคำเยินยอเกินไปก็จะทำให้โจวจื่อหัวดูถูกเอาได้ ทำตัวสำรวมเข้าไว้ถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
โจวจื่อหัวเห็นว่าเหมยเหมยไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที ถามว่า “ได้ยินมาว่าหนังสือของเธอพร้อมสำหรับการถ่ายทำแล้วเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันขายให้กับบริษัทของพี่ชายคนที่สามไปเมื่อปีก่อน เพื่อให้ปุ๋ยไม่ไหลไปที่นาของคนอื่นค่ะ ขอให้ลุงหัวช่วยเข้าใจด้วยนะคะ” หัวหน้าหยางเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของโจวจื่อหัว
โจวจื่อหัวหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ผลประโยชน์ล้วนต้องมอบให้กับครอบครัวตัวเองเป็นธรรมดา ถ้าเป็นฉันก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน เธอไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก”
“ลุงหัวไม่โทษฉันก็ดีค่ะ”
เหมยเหมยพูดคำสุภาพไปหลายประโยค จิบชาอย่างช้า ๆ ชาหลงจิ่งของทะเลสาบซีหู[2] ถือเป็นชาใหม่ของปีนี้ด้วย กลิ่นหอมอ่อน ๆรสชาติที่ค้างละมุนอยู่ในลำคอ เธอไม่ได้เอ่ยพูดอะไรเพราะรอให้โจวจื่อหัวพูดจุดประสงค์ของเขาออกมา
โอหยางซานซานเห็นว่าทั้งสองคนไม่เข้าประเด็นสักทีจึงแอบร้อนใจ แต่เธอก็ไม่กล้าเร่งเร้า ไม่ง่ายเลยที่จะเกลี้ยกล่อมให้โจวจื่อหัวออกหน้าช่วงชิงมา ถ้าทำให้เขาโมโหละก็แผนการของเธอคงเละไม่เป็นท่า
แม้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้ขาดแคลนเงินแต่เธอขาดชื่อเสียง สังคมในปัจจุบันการมีชื่อเสียงเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดและคงไม่พ้นอาชีพดารา
แค่ถ่ายละครเรื่องดังเรื่องหนึ่งจะกลายเป็นดาราดังที่รู้จักกันในชั่วข้ามคืน ไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงแต่ยังมีเงินอีกด้วย ดีกว่าการมีชีวิตที่แสนเหน็ดเหนื่อยของเธอหลายร้อยเท่า
หึ ต่อให้เธอสอบติดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแล้วอย่างไรเหรอ?
มันก็เป็นการทำงานให้คนอื่นอยู่ดี!
ไหนจะสู้ชีวิตที่มีความสุขของดาราได้ล่ะ?
สิ่งที่แม่พูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก สอบได้ที่หนึ่งถึงจะมีอนาคตที่ดี สอบได้ที่โหล่ทำได้แค่ร้องขอข้าวกิน ถุย มันล้วนเป็นแค่คำโกหกทั้งนั้น…
ทั้งหมดเป็นแค่คำโกหก!
ยัยชั่วจ้าวเหมยสอบได้ที่โหล่ แต่เธอกลับมีชื่อเสียงตีพิมพ์หนังสือออกรายการทีวี มีชีวิตที่สุขสบาย เธอจะต้องไปได้ไกลกว่าจ้าวเหมยและจะต้องมีชื่อเสียงมากกว่าจ้าวเหมย!
วิธีที่จะก้าวผ่านมันไปให้เร็วที่สุดก็คือการเป็นดารา!
“ผมได้ยินมาว่าคุณมีเงื่อนไขกับบทนางเอกในหนังสือเล่มนี้สูงมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังเลือกไม่ได้?” ในที่สุดโจวจื่อหัวก็พูดเข้าประเด็น โอหยางซานซานพลันนึกโล่งใจ
เหมยเหมยใจเต้นระรัว เหลือบมองโอหยางซานซานครั้งหนึ่ง มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
หรือว่า…
“ถูกต้องค่ะ ความจริงยังเลือกไม่ได้…ลุงหัวคะ อาคงไม่รู้หรอกว่าการเลือกนักแสดงมันยากแค่ไหน หนูดูวกไปวนมาเป็นหลายร้อยคนแต่ไม่มีเลยสักคนที่เข้าตา เฮ้อ…”
เหมยเหมยถอนหายใจลากยาวบ่นพึมพำกับโจวจื่อหัว ไม่นึกเลยว่าโจวจื่อหัวจะถูกเธอกระตุ้นความสนใจได้ “เธอนี่ยากยิ่งกว่าฮ่องเต้เลือกนางสนมอีกนะ หรือว่าเธอตั้งมาตรฐานไว้สูงเกินไปหรือเปล่า? อันที่จริงถ้าเธอต้องการเลือกผู้หญิงที่สวยเหมือนเธอ มันก็ยากจริง ๆนั่นแหละ เธอต้องลดมาตรฐานลงถึงจะได้”
โอหยางซานซานร่างกายชะงักพลางรีบก้มหน้าลงจิบชาเพื่อช่วยกลบความอิจฉาที่แฝงในแววตา
เหมยเหมยยิ้มและพูดว่า “คุณลุงหัวก็ชมเกินไปค่ะ อันที่จริงฉันไม่ได้มีเงื่อนไขสูงกับรูปลักษณ์หน้าตาเลย ผู้หญิงหลายคนก็ผ่านเกณฑ์เงื่อนไขของฉันนะคะแต่สุดท้ายก็ติดอยู่แค่เรื่องแววตา”
[1] จะคล้ายกับการดื่มชายามเช้า ที่จะเสิร์ฟขนมพร้อมน้ำชา แต่จะต่างตรงที่เพิ่มอาหารจำพวกนึ่ง และข้าวต้มขึ้นมาด้วย
[2] ชาหลงจิ่ง เป็นชาเขียวที่ถือกำเนิดในทะเลสาบซีหู เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง หลงจิ่งเป็นชาจีนที่โด่งดังที่สุด หายากที่สุด และราคาแพงที่สุด โดยถือว่าเป็นชาจักรพรรดิ
…………………………………………………………………
ตอนที่ 1761 ปฏิเสธทางอ้อม
โจวจื่อหัวสนใจมากกว่าเดิมเลยถามไปว่า “แล้วเหมยเหมยอยากได้แววตาแบบไหนล่ะ?”
เหมยเหมยคิด ๆแล้วก็ตอบกลับไปว่า “จะอธิบายอย่างไรดีนะ ความจริงเป็นแค่ความรู้สึกแบบหนึ่งขอแค่หนูได้เห็นแล้วถึงจะรู้ มันยากไปสักหน่อยถ้าจะให้หนูอธิบายออกมา อืม…น่าจะเป็นแววตาที่ไร้มลทิน ใสบริสุทธิ์เหมือนน้ำในคลอง แต่กลับมีชีวิตชีวา สดใส ต่อให้ไม่พูดคุณก็ดูออกว่าเธออยากพูดอะไรผ่านสายตา…”
เธอคิดพลางหาคำอธิบายสื่อลักษณะของนางเอกที่เธอต้องการไปพร้อมกัน ดีที่โจวจื่อหัวฟังเข้าใจเลยโพล่งขึ้น “ฉันเข้าใจความหมายของเธอแล้ว เธออยากได้คนที่มีแววตาบริสุทธิ์เหมือนแม่ชีในวัดตามเขาสินะ!”
เหมยเหมย ‘…คำอธิบายนี้…เข้าใจง่ายเสียจริง’
“ประมาณนี้แหละค่ะ ลุงหัวเก่งจริง ๆเลยนะคะ ฉันคิดตั้งนานก็คิดไม่ออก แต่ลุงสามารถสรุปเป็นประโยคเดียวได้”
เธอยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่ายเป็นการประจบประแจงอย่างชัดเจน โจวจื่อหัวได้ใจอย่างมากและยิ้มกว้างกว่าเดิม
เขาชอบฟังคนอื่นชมเขาว่าเป็นคนที่มีความรู้มากที่สุดเลยล่ะ!
เหมยเหมยโอดครวญต่อ “แต่ฉันจะไปหาแม่ชีมาถ่ายละครจริง ๆไม่ได้นี่นา แต่ผู้หญิงสมัยนี้โตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ถึงจะสวยกันมากแต่กลับไม่มีบุคลิกใสสะอาดที่ฉันกับผู้กำกับฟางต้องการ เมื่อวานผู้กำกับฟางยังโทรมาบ่นให้ฉันเลยว่าถ้ายังหาไม่เจอเธอพร้อมจะไปตามหาคนบนเขาแล้ว”
คำพูดเหล่านี้เป็นความจริงครึ่งโกหกครึ่ง นักแสดงบทนางเอกตามหายากก็จริงแต่ไม่ได้สาหัสถึงขนาดที่เหมยเหมยว่า ในเมื่อประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ในยุคนี้เศรษฐกิจยังไม่ก้าวหน้าเหมือนสมัยสิบกว่าปีหลังจากนี้และไม่ได้เจริญเท่าฮ่องกง ฉะนั้นบนตัวของหญิงงามมากมายมีบุคลิกใสซื่อบริสุทธิ์อย่างที่ต้องการ
เหตุผลที่จนถึงตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เป็นเพราะโรคตัดสินใจยากของผู้กำกับฟางชิงผิงเกิดกำเริบขึ้นมา ไม่อาจตัดสินใจได้ยามเผชิญหน้าสาวงามนับสิบคนเท่านั้นเอง
และเหตุผลที่พูดไปเช่นนั้นก็เพื่ออุดปากโจวจื่อหัวไว้ไม่ให้เขาพูดออกมาเท่านั้น
เป็นไปตามคาด–
โจวจื่อหัวเริ่มลังเล หญิงข้างกายไม่มีบุคลิกตามที่เหมยเหมยต้องการอย่างชัดเจนนี่นา!
ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ตั้งแต่ก่อนจะคบหากับเขาแล้ว และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยไปนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้วด้วย!
ถ้าสะอาดบริสุทธิ์สิถึงแปลก
แต่เขาก็ถามหยั่งเชิงไปอยู่ดี “ถ้าหานางเอกที่ถูกตาต้องใจไม่ได้ จะลดมาตรฐานลงใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะ ถ้าหาไม่ได้หนูยอมไม่ถ่ายดีกว่า นิยายเล่มนี้เป็นผลงานชิ้นแรกของหนู สำหรับหนูแล้วมันมีความสำคัญเทียบเท่ากับลูกคนหนึ่ง ถ้าถ่ายก็ต้องทำออกมาให้สมบูรณ์แบบห้ามมีข้อตำหนิแม้แต่น้อยหรือไม่ก็ไม่ต้องถ่าย”
เหมยเหมยปฏิเสธเสียงเด็ดขาดแน่วแน่
อีกประโยคหนึ่งที่เธอไม่ได้พูดออกมา ความจริงนิยายเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวประสบการณ์จริงของเธอซึ่งเล่าเกี่ยวกับชีวิตในชาติที่แล้วรวมถึงชาตินี้ในฉบับย่อ แล้วจะให้คนน่ารังเกียจอย่างโอหยางซานซานมาย่ำยีผลงานของเธอได้อย่างไร?
คนเจ้าเล่ห์อย่างโจวจื่อหัวแค่ฟังก็รู้ทันทีว่าเหมยเหมยรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว เขาพึงพอใจมากที่เหมยเหมยไม่ได้หักหน้าเขา ในเมื่อคนที่มีสถานะอย่างเขาหากขอร้องใครแล้วถูกปฏิเสธเข้ามันเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ามากทีเดียว
เหมยเหมยทำเช่นนี้ดีกว่า โจวจื่อหัวพึงพอใจมาก
“จะว่าไปหลานสาวของฉันยังเป็นแฟนคลับตัวยงนิยายของเหมยเหมยเชียวนะ วัน ๆเอาแต่พูดให้ฉันฟังจนหูชาไปหมด” โจวจื่อหัวเปลี่ยนเรื่องไม่เอ่ยถึงเรื่องนักแสดงอีก
เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนยิ้มกล่าว “งั้นก็เป็นเกียรติของหนูจริง ๆค่ะ หลานสาวของลุงหัวต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยและน่ารักคนหนึ่งแน่ ๆเลย”
โจวจื่อหัวยิ้มบ่น “ก็เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว”
แม้ปากจะว่าไปอย่างนั้นแต่แววตากลับฉายแววเอ็นดูจนปิดไม่มิด บ่งบอกถึงความสำคัญของหลานสาวคนนี้ที่มีต่อโจวจื่อหัวเลยทำให้เหมยเหมยรู้สึกปลาบปลื้มใจไปด้วย
โจวจื่อหัวฆ่าใครไม่เคยให้ความปรานี เป็นพี่ใหญ่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเส้นทางนี้แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคุณพ่อที่ดีและคุณปู่ที่ดี ความรักความเอาใจใส่ต่อครอบครัวเป็นสิ่งที่มาจากใจจริง
………………………………