ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1762 จงใจนั่นแหละ + ตอนที่ 1763 ไปเป็นแขก
ตอนที่ 1762 จงใจนั่นแหละ
เหมยเหมยคิด ๆแล้วก็เอ่ยขึ้น “ถ้าลุงหัวไม่รังเกียจ ฉันอยากมอบชุดนิยายเจ้าหญิงอัปลักษณ์พร้อมลายเซ็นให้หลานสาวของคุณลุง ลุงหัวจะให้คนไปเอาหรือให้ฉันส่งไปถึงบ้านของคุณลุงเลยดีคะ?”
ลุงหัวชะงักไปกึกหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างปลื้มใจ “งั้นก็ดีเลย ยายตัวแสบของฉันมีนิยายเรื่องใหม่พร้อมลายเซ็นของเธอก็จริงแต่เรื่องเก่ายังไม่มี เอางี้แล้วกัน เหมยเหมยสะดวกเมื่อไรขอเชิญไปเป็นแขกที่บ้านฉันนะ”
ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมยเหมยที่ชะงักแทน ต้องรู้ก่อนว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาโจวจื่อหัวใช้ชีวิตเยี่ยงคนปลดเกษียณน้อยครั้งที่จะเชิญใครไปเป็นแขกที่บ้าน ถึงต่อให้เป็นยุครุ่งเรืองในอดีตโจวจื่อหัวก็ไม่ใช่คนง้อแขก
ไม่คิดว่าเขาจะเชิญตัวเองเลยสักนิด
ไม่นานเธอก็ตั้งสติทันเลยตอบกลับอย่างยินดี “ไปเป็นแขกที่บ้านลุงหัวได้นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ฉันว่างเสมอ ลุงหัวเป็นคนจัดการก็พอค่ะ”
“ในเมื่อไม่รู้วันไหนงั้นก็วันนี้เลยแล้วกัน คืนนี้ฉันจะให้คนขับรถมารับเธอ แม่ครัวบ้านฉันทำอาหารเซี่ยงไฮ้อร่อยมาก เธอต้องชอบทานแน่ ๆ”
โจวจื่อหัวได้ใจอย่างมาก ทุกครั้งที่เอ่ยถึงแม่ครัวเขาจะมีสีหน้าท่าทางเช่นนี้เสมอ
เพราะแม่ครัวประจำบ้านของเขาคอยรับใช้ติดตามเขามานานถึงสิบห้าปี เป็นผู้หญิงที่ติดตามเขาได้นานที่สุดนอกจากภรรยาเขาแล้ว
แน่นอนว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์คนรักใด ๆแต่เพราะโจวจื่อหัวชื่นชอบอาหารฝีมือแม่ครัวนี้ คนอื่นไม่ว่าจะเป็นอาหารระดับมิชลินหรือพ่อครัวโรงแรมห้าดาวล้วนทำไม่ถูกปากโจวจื่อหัวเลยสักคน
กับเรื่องอาหารโจวจื่อหัวถือว่าเป็นคนรักเดียวใจเดียว ตลอดชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแม่ครัวเลย
แม่ครัวคนนี้เองก็มีชื่อเสียงในพื้นที่มากเช่นเดียวกัน มีคนใหญ่คนโตในฮ่องกงมากมายต่างเคยทานอาหารฝีมือของเธอแล้วทั้งสิ้น แน่นอนว่าฝีมือสู้พ่อครัวระดับโรงแรมใหญ่ ๆไม่ได้แต่อาหารพื้นบ้านกลับทำได้ดีเป็นพิเศษ ไม่ได้หรูหราแต่กลับทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกได้ถึงรสชาติของ ‘บ้าน’
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในพื้นที่นามว่าคุณไช่หลันเคยชิมอาหารฝีมือแม่ครัวคนนี้ตามคำเล่าลือมาก่อน แถมยังได้เขียนบทความอธิบายถึงเมนูอาหารฝีมือแม่ครัวลงหนังสือพิมพ์และให้การประเมินไว้สูงมาก
“เคยได้ยินมานานแล้วว่าฝีมือการทำอาหารของคุณป้าบ้านลุงหัวดีมาก คืนนี้หนูลาภปากแล้วสิคะ” เหมยเหมยยิ้มกล่าว
โอหยางซานซานจิกฝ่ามือจนเลือดซิบ ตาแก่ทำไมไม่พูดถึงเรื่องของเธอเลยล่ะ?
อีกอย่างตาแก่กลับเชิญจ้าวเหมยไปทานข้าวที่บ้าน หรือว่าตาแก่จะถูกใจจ้าวเหมยเข้าให้แล้ว?
“พ่อบุญธรรม เกี๊ยวกุ้งอันนี้รสชาติไม่เลวเลย พ่อจะทานสักชิ้นไหมคะ?” โอหยางซานซานคีบเกี๊ยวกุ้งแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงออดอ้อนที่คนฟังขนลุกซู่ เธออยากเตือนโจวจือหัวว่าอย่าลืมเรื่องที่เขารับปากไว้
โจวจือหัวรู้อยู่แก่ใจดีและไม่ได้โกรธ ขอแค่ไม่ยุ่มย่ามเรื่องสำคัญก้พอเขามักใจกว้างต่อผู้หญิงอยู่แล้ว
เขารับเกี๊ยวกุ้งมาแล้วค่อย ๆทานซึ่งไม่ได้พูดตอบรับอะไรเธอ หนำซ้ำยังตวัดตามองโอหยางซานซานเป็นการเตือนแวบหนึ่งให้เธอสงบเสงี่ยมลงบ้าง
เหมยเหมยดื่มน้ำชาหมดหนึ่งแก้วก็พูดตามมารยาทไปอีกไม่กี่ประโยคก่อนขอตัวลากลับ “ลุงหัวคะ หนูกับเพื่อนนัดกันไว้จะไปชอปปิ้ง ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ได้เลย คืนนี้ฉันให้คนไปรับเธอกับเพื่อนของเธอมาแล้วกัน หลานสาวฉันก็เป็นแฟนคลับของเพื่อนเธอเหมือนกัน” โจวจื่อหัวยิ้มตาหยีพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยนอย่างมาก
เหมยเหมยชะงักไปทีแล้วยิ้มตอบ “ค่ะ คืนนี้เจอกัน”
ก็แค่ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ไปสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอก
โจวจื่อหัวเป็นผู้ที่มีความคิดการณ์ไกล เขารู้ว่าต้องผูกมิตรกับคนแผ่นดินใหญ่ไว้ถึงจะเป็นผลดีในระยะยาว หนำซ้ำเขาอยากชะล้างมลทิน เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการไปลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ฉะนั้นจะผูกมิตรกับเขาไว้จึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
โอหยางซานซานคอยมองเหมยเหมยจากไปด้วยความผิดหวังและรู้สึกวาบหวิวในใจ อดบ่นเสียงกระเง้ากระงอดไม่ได้ “คุณพ่อ ไม่ช่วยพูดให้หนูเลย!”
โจวจื่อหัวเอ่ยเสียงเรียบ “เธอไม่ได้ยินเงื่อนไขของจ้าวเหมยเหรอ? เธอคิดว่าตัวเองมีจุดไหนที่เหมาะสมบ้าง?”
โอหยางซานซานที่ถูกพูดแทงใจดำก็มองเขาอย่างไม่พอใจ เธอไม่เหมาะสมตรงไหน?
มีครบทั้งเรื่องหน้าตาและความสามารถ อายุไม่มากแต่เพียงแค่ขาดโอกาส นางแพศยาจ้าวเหมยต้องจงใจแน่ ๆ!
จ้าวเหมยแค่นหัวเราะ ‘…เหอเหอ ก็จงใจนั่นแหละ!’
……………………
ตอนที่ 1763 ไปเป็นแขก
เวลาเย็นฟ้ายังไม่ทันมืดคนของโจวจื่อหัวก็มารับถึงที่แล้ว เหมยเหมยได้เตรียมชาหลงจิ่งชั้นดีไว้หนึ่งกระปุกโดยเฉพาะซึ่งก่อนหน้านั้นได้เก็บไว้ที่ฉิวฉิว ได้ยินมาว่าภรรยาของโจวจื่อหัวชื่นชอบการดื่มชามาก โจวจื่อหัวกับภรรยาของเขาผ่านความยากลำบากมาร่วมกันจึงรักกันมาก ปกติไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนผ่านการถามความคิดเห็นของภรรยามาทั้งสิ้น
อีกทั้งทรัพย์สมบัติของโจวจื่อหัวก็ได้ภรรยาเป็นคนจัดการเสียส่วนมาก บ่งบอกได้ว่าเขาเชื่อใจภรรยา
เพียงแต่ต่อให้โจวจื่อหัวจะให้เกียรติภรรยาอย่างไรก็แก้นิสัยเจ้าชู้ของเขาไม่ได้ เรื่องผู้หญิงนอกบ้านมีไม่ขาดสายแต่คุณนายโจวเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง
เธอไม่เคยโวยวายกับโจวจื่อหัวเลย และไม่เคยถามไถ่เรื่องนอกบ้านกับเขาแค่ตั้งใจอบรมสั่งสอนลูก ๆ ดูแลทรัพย์สมบัติ เพราะเธอเข้าใจ–
เงินพึ่งพาได้กว่าผู้ชายเสมอ!
เมื่อเทียบกับการต้องทุ่มแรงกายแรงใจแย่งหัวใจของผู้ชายมา งั้นสู้หาวิธีสร้างเงินให้ตัวเองดีกว่า
ระหว่างโจวจื่อหัวและภรรยาหากจะบอกว่าเป็นสามีภรรยากันกลับใช้คำว่าครอบครัวคงเหมาะสมกว่า อีกทั้งคุณนายโจวเองก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร เธอไม่สนว่าโจวจื่อหัวมีผู้หญิงนอกบ้านกี่คน เธอมีข้อแม้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือโจวจื่อหัวห้ามมีลูกนอกสมรสเด็ดขาด
ดีที่โจวจื่อหัวเป็นคนรักษาคำพูด แม้จะมีผู้หญิงมากเท่าขนแต่ไม่เคยมีเรื่องถึงขั้นท้อง ต่อให้มีผู้หญิงบางส่วนคิดแผนแอบตั้งท้องเอง พอโจวจื่อหัวรู้เข้าก็จะชิงลงมือก่อนอย่างโหดเหี้ยม
อดีตใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน ผู้หญิงคนนั้นมีจุดจบอย่างอนาถ เสียลูกเสียสุขภาพ ยิ่งกว่านั้นคือโจวจื่อหัวไม่ให้เงินเธอสักแดงเดียว
สูญเสียทั้งคนและเงินทอง!
หลังจากนั้นเป็นเหตุให้ผู้หญิงรอบกายโจวจื่อหัวไม่เคยผุดความคิดนี้ขึ้นอีกต่างสงบเสงี่ยมเงียบกันมาก เพียงแค่รอเวลาผ่านไปครึ่งปีก็จะได้เงินก้อนโตมาใช้
คฤหาสน์ตระกูลโจวอยู่ไม่ห่างจากที่พักอาศัยของเหมยเหมยเท่าไรนักขับรถไปไม่กี่นาทีก็ถึง แต่คฤหาสน์กลับดูโอ่อ่ากว่ามากทีเดียว ซึ่งนับว่าเป็นคฤหาสน์หรูอย่างแท้จริง ฮ่องกงไม่ได้มีคฤหาสน์ขนาดใหญ่เช่นนี้ให้เห็นมากเท่าไรหรอก
คุณนายโจวเป็นคนที่ดูแลตัวเองอย่างดีแต่ผู้หญิงก็มักแก่ไวกว่าผู้ชายอยู่แล้วเลยดูอายุมากกว่าโจวจื่อหัวไปสิบกว่าปี ทั้งที่ความจริงสองสามีภรรยาคู่นี้อายุเท่ากัน
“เหมยเหมยสินะ เป็นผู้หญิงที่สวยจริง ๆ รีบเข้ามานั่งสิ” คุณนายโจวรูปร่างอวบอิ่ม ใบหน้ากลมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“นี่เป็นชาตัวใหม่จากต้นชารุ่นที่สองของต้นชาหลงจิ่งแท้ ๆที่ซีหู น้ำใจเล็ก ๆน้อย ๆ หวังว่าคุณป้าโจวจะไม่รังเกียจนะคะ”
เหมยเหมยส่งมอบกระปุกชาเล็ก ๆไปให้ แน่นอนว่าเธอแค่พูดถ่อมตัวไปเท่านั้น ต้นชาเขียวหลงจิ่งที่ซีหูมีค่าเทียบเท่าต้นชาต้าหงเผาที่มีไว้เป็นของบรรณาการซึ่งจะไม่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป
ซึ่งต้นชารุ่นที่สองจากต้นชาแท้ ๆนี้ก็มีคุณค่ามากจนยากจะหาซื้อของแท้ได้ตามท้องตลาดเพราะส่วนมากล้วนถูกนำไปเป็นของบรรณาการหมดแล้ว กระปุกนี้ของเหมยเหมยก็เป็นของเฮ่อเหลียนชิงที่เอามาจากนายใหญ่นั่นเอง
ซึ่งเหมยเหมยก็ขอมันมาจากเฮ่อเหลียนชิงด้วยเช่นกัน อย่างไรเสียเจ้าหมอนี่ก็มีของดี ๆมากพอแล้ว เอามาดีกว่าไม่เอา
คุณนายโจวเป็นคนดูของออก พอได้ยินเช่นนั้นพลันสีหน้าก็เปลี่ยนไปก่อนจะยิ้มเอ่ยอย่างปลื้มปิติ “นี่เป็นของดีที่ต่อให้มีเงินก็หาซื้อได้ยากเชียว ขอบคุณมากจริง ๆ”
เหมยเหมยเองก็พอใจมาก รู้คุณค่าก็ดี
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดยามให้ของใครก็คือการต้องเจอคนที่ไม่รู้คุณค่า อย่างเช่นตอนให้หยกขอบทองอีกฝ่ายอาจจะรังเกียจหาว่าทองไม่บริสุทธิ์พอก็ได้!
โจวจื่อหัวเองก็อยู่บ้านรวมถึงลูกชายและลูกสะใภ้ทั้งสามของเขา นอกจากนี้ยังมีบรรดาหลานชายหลานสาวที่รวม ๆ แล้วกว่าสิบคน ครอบครัวขนาดใหญ่ไม่ขาดใครไปซึ่งก็สื่อถึงความสำคัญที่มีต่อแขก
เหมยเหมยเองก็ตกใจแต่เธอกลับรอบคอบยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรล้วนระมัดระวังเป็นอย่างดีเพราะกลัวจะพลาดท่าเข้า
“พี่เหมย นิยายของพี่ฉันชอบมาก ๆเลย วันแจกลายเซ็นวันนั้นฉันไปด้วยนะ ฉันได้จับมือพี่ด้วยล่ะ พี่จำฉันได้ไหม?”
เสียงใสร่าเริงแว่วมาก่อนที่เจ้าตัวจะปรากฏตัวให้เห็นเสียอีก สาวน้อยผู้มีสีผิวน้ำผึ้งรูปร่างสูงเพรียวคิ้วเข้มตากลมโตวิ่งมาพร้อมเสียงดังเจื้อยแจ้ว อายุราว ๆสิบห้าสิบหกปีที่ตัดผมสั้นประบ่า ถือว่าเป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่งเลย
……………………..