ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1766 น่าสงสารยิ่งกว่าแม่ชี + ตอนที่ 1767 ที่บ้านเข้มงวด
ตอนที่ 1766 น่าสงสารยิ่งกว่าแม่ชี
โจวซิงเอ๋อร์หดคอเอานิ้วชี้ปิดปากแล้วส่งเสียงชู่วก่อนพูดเสียงแผ่ว “พี่เหมยอย่าบอกเรื่องนี้ให้ปู่ฉันรู้นะ ถ้าปู่ฉันรู้เข้าละก็ต้องไม่ให้ฉันไปดูการแข่งขันแน่ ๆ”
“ทำไมล่ะ?” เหมยเหมยนึกแปลกใจอย่างมาก แค่ไปดูการแข่งขันเท่านั้นเองไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง!
“ใครจะไปรู้ละ…ปู่ฉันเข้มงวดมากเลย ห้ามนู่นห้ามนี่ ฉันเกือบจะเหมือนแม่ชีที่บวชอยู่บนเขาอยู่แล้ว…”
โจวซิงเอ๋อร์ทำหน้าเศร้าสลด ใครเล่าจะดวงซวยอย่างเธอ อายุสิบหกปีแล้วแต่ยังถูกกำหนดเวลาเข้าบ้านโดยห้ามออกจากบ้านหลังเวลาสองทุ่มเป็นต้นไป ไม่อย่างนั้นก็จะโดนตัดเงินค่าขนมสามเดือน
แล้วก็ไม่อนุญาตให้ใส่กระโปรงเหนือเข่าอีกด้วย…
ทั้งยังไม่อนุญาตให้มีความรักก่อนวัย ไม่อนุญาตให้ดื่มเหล้า ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ ไม่อนุญาตให้อยู่กับผู้ชายสองต่อสอง(ที่นอกจากพ่อและพี่ชาย)…
สงสัยโจวซิงเอ๋อร์คงอึดอัดมาก พอได้ระบายหน่อยก็พล่ามบ่นยาวเหยียดเสียงเจื้อยแจ้ว “พี่ว่านี่ยุคสมัยไหนแล้วยังห้ามไม่ให้ออกจากบ้านอีก เพื่อนฉันอายุสิบหกปีมีแฟนตั้งหลายคนแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยมีแม้แต่จูบแรกด้วยซ้ำ…
แล้วเวลาคบเพื่อนห้ามคบเพื่อนผู้ชายเด็ดขาด เพื่อนผู้หญิงก็ต้องถามตามสืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตามสืบยันต้นตระกูลรากเหง้ายันสิบแปดโคตรของเขามาจนหมด แล้วใครจะยังกล้าเป็นเพื่อนกับฉันอีก…”
สาวน้อยยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจ ฮ่องกงมีใครที่มีชีวิตน่าเศร้าไปกว่าเธออีกไหม?
ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกยามจับมือกับผู้ชายด้วยซ้ำ ความรู้สึกใจเต้นเหมือนรัวกลอง…ความรู้สึกหวั่นไหวเหมือนไฟฟ้าสถิต…ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยสักครั้ง
แม่ชีที่บวชตามวัดยังมีความสุขมากกว่าเธออีก!
เหมยเหมยฟังแล้วก็อ้าปากค้างราวกับได้ย้อนกลับไปใช้ชีวิตสมัยโบราณ
ที่เขาต่างบอกกันว่าโจวจื่อหัวเป็นคนเข้มงวดแต่ไม่คิดว่าจะเข้มงวดถึงเพียงนี้ จุ๊ ๆ!
เธอมองโจวซิงเอ๋อร์ที่ยังไม่หายโกรธด้วยความเห็นใจ น่าสงสารจริง ๆเลย ภายใต้สภาพแวดล้อมอันเข้มงวดนี้แต่ยังมีนิสัยร่าเริงสดใสได้อีก ไม่ง่ายเลยจริง ๆนะ!
จู่ๆ เหมยเหมยก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าใคร จ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่านับว่าเป็นพ่อแม่ที่หัวทันสมัยที่สุดในโลกแล้ว พวกเขาไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ อย่างมากแค่ถามเรื่องสำคัญสักหน่อยขอแค่ไม่นอกลู่นอกทางก็พอ
“เธอน่าจะลองคุยกับคุณปู่เธอดี ๆนะ ลองบอกให้เขารู้ความคิดเธอบ้าง” เหมยเหมยเกลี้ยกล่อม
“ไม่ได้ผลหรอก ปู่ฉันอยู่บ้านก็คือไท่ซ่างหวงที่สั่งคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น พ่อฉันยังไม่กล้าค้านคำสั่งท่านเลย ฉันบอกไปก็ไม่ฟังหรอก” โจวซิงเอ๋อร์ทำท่าระอาอย่างมาก
ก่อนหน้านี้พ่อของเธอไปมีลูกนอกสมรสมา ทั้ง ๆที่ยังอยู่ในท้องแม่แท้ ๆแต่พอคุณปู่รู้เข้าก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบส่งคนไปกำจัดลูกนอกสมรสนั้นทิ้ง พ่อของเธอคุกเข่าอ้อนวอนก็เปล่าประโยชน์
อย่าเห็นว่าปกติคุณปู่ดีกับเธอขนาดไหนแต่เงื่อนไขคือห้ามทำผิดกฎท่าน หากทำผิดกฎที่ท่านกำหนดไว้จะถูกส่งไปตำหนักเย็นทันที
อย่างเช่นพ่อของเธอ
ตอนนี้ยังหางจุกตูดทำท่ายำเกรงอยู่เลย!
เหมยเหมยเองก็พอจะดูออกว่าโจวจื่อหัวเป็นผู้ปกครองประเภทเข้มงวดเอาแต่ใจ ไม่อนุญาตให้คนใต้อาณัติฝืนคำสั่งเขา
“งั้นถ้าเธอแอบไปดูการแข่งขันของเฉินเจีย ถ้าปู่เธอรู้เข้าจะไม่โกรธเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“ฉันระวังตัวหน่อยปู่ฉันก็ไม่มีทางรู้หรอก พี่เหมยวางใจได้ ต่อให้ปู่ฉันรู้ฉันก็จะไม่ทรยศพี่ ฉันก็จะบอกไปว่าฉันซื้อตั๋วจากหวงหนิว[1]มา”
โจวซิงเอ๋อร์ทั้งให้คำมั่นสัญญาทั้งสาบานเพื่อรับประกันว่าเธอจะยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกขำ ช่างเป็นสาวใสซื่อเสียจริง ถึงขนาดหลงคิดว่าจะปิดบังความจริงได้!
จากอำนาจการควบคุมของโจวจื่อหัวเขาจะไม่ส่งคนตามปกป้องหลานสาวสุดที่รักได้หรือ เขารู้ความเคลื่อนไหวของโจวซิงเอ๋อร์ทุกฝีก้าวอยู่แล้ว
“ไม่จำเป็นต้องแอบหรอก เธอคอยดูนะ” เหมยเหมยขยิบตาให้โจวซิงเอ๋อร์ ไม่รอให้เธอตอบกลับเหมยเหมยก็ตะโกนบอกโจวจื่อหัวไปว่า “ลุงหัวคะ หนูกับซิงเอ๋อร์เพิ่งเจอกันครั้งแรกแต่เหมือนคนที่รู้จักกันมานาน หนูขอพาเธอไปให้กำลังใจการแข่งขันเพื่อนหนูด้วยกันได้ไหมคะ?”
[1] หวงหนิว ใช้เรียกกลุ่มคนที่ชอบขายตั๋วราคาเกินจริงเอากำไรสูง
………………………..
ตอนที่ 1767 ที่บ้านเข้มงวด
โจวซิงเอ๋อร์มองเหมยเหมยอย่างตกใจ อย่างไรเสียก็นึกไม่ถึงว่าเธอยังไม่ทันหันก้นหนีเลยเหมยเหมยก็หักหลังเธอแล้ว!
พี่…ไม่เอามีดแทงข้างหลังกันแบบนี้สิ!
โจวซิงเอ๋อร์อยากร้องไห้แต่กลับไร้น้ำตา!
โจวจื่อหัวขมวดคิ้วน้อย ๆ ยังไม่ทันปริเสียงคุณนายโจวก็ชิงถามก่อนว่า “เพื่อนของเหมยเหมยเป็นนักกีฬาเหรอ? เล่นกีฬาอะไรเหรอ?”
“น้าโจวอาจจะไม่รู้จัก ชื่อเฉินเจียเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติฮ่องกง สามวันหลังจากนี้คือการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ หนูกะจะพาซิงเอ๋อร์ไปร่วมให้กำลังใจพร้อมพวกมู่มู่ด้วยค่ะ”
เหมยเหมยยิ้มอธิบาย เทียบกับการต้องหลบ ๆซ่อน ๆ สู้ถามอย่างเปิดเผยเลยดีกว่าเพราะอย่างไรเสียก็ปิดไม่มิด
โจวจื่อหัวแค่นเสียงเบา ๆ “เกรงว่าจะไปดูคนมากกว่ามั้ง!”
คิดว่าเขาไม่รู้ว่าหลานสาวแอบรักนักกีฬาสกุลเฉินคนนั้นฝ่ายเดียวหรือไง เจ้าหมอนั่นคุณสมบัติไม่เลวแต่หน้าตาสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก เขาก็ต้องมีหญิงติดตรึมอยู่แล้ว ผู้ชายแบบนี้เหมาะกับหลานสาวเขาเสียที่ไหนกัน?
แต่โจวจื่อหัวก็ให้หน้าเหมยเหมยเต็มที่ไม่ได้ปฏิเสธทันควันแต่สีหน้ากำลังบ่งบอกว่าไม่ยินยอมอย่างชัดเจน
คุณนายโจวกระทุ้งศอกใส่เขาเบา ๆทีหนึ่งแล้วพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ช่วยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเราก็ต้องสนับสนุนอยู่แล้ว อีกอย่างไปกับเหมยเหมยคุณมีอะไรไม่ไว้วางใจอีกเหรอ?”
โจวซิงเอ๋อร์ตาวาว คุณย่ารู้ใจเธอเสียด้วย!
เหมยเหมยเองก็ยิ้มกล่าว “ลุงโจวกังวลเกินไปแล้ว ฮ่องกงจะมีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับคุณบ้าง? อีกอย่างมีฉันคอยตามดูอยู่จะเกิดเรื่องอะไรกับซิงเอ๋อร์ได้ละคะ!”
เธอว่าแล้วก็เตะขาเจ้าหนูที่ยังคงตกตะลึงไปทีหนึ่ง โจวซิงเอ๋อร์เข้าใจความหมายดีเลยถูมือออดอ้อนเว้าวอนไม่หยุดหย่อน “คุณปู่คะ ขอร้องละ…หนูแค่ไปดูการแข่งขัน จะอยู่ห่างจากผู้ชายทุกคนสามเมตรเลย…ได้ไหมคะ…”
โจวจื่อหัวปวดศีรษะเพราะเสียงกวนใจของเธออีกทั้งยังมีคนคอยช่วยพูดตั้งมากขนาดนี้ เขาเองก็จะหักหน้าทุกคนไม่ได้เลยเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบตึง “ดูการแข่งขันเสร็จก็กลับบ้าน อย่าออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูงจิ้งจอกพวกนั้นของเธอล่ะ”
อย่าคิดว่าเขารู้ไม่ทันว่านี่เป็นแผนของหลานสาวที่จงใจให้จ้าวเหมยออกหน้าแทน ถ้าเป็นจ้าวเหมยเขาไม่กังวลอยู่แล้วแต่เขากลับไม่ไว้ใจกลุ่มเพื่อนของโจวซิงเอ๋อร์เลยสักนิด
ตอนนี้ฮ่องกงกำลังอยู่ในความวุ่นวาย กลุ่มมีอิทธิพลน้อยใหญ่เริ่มผุดออกมาเป็นดอกเห็ดซึ่งแต่ละคนต่างก็เพ่งเล็งมาที่ถิ่นของเขา โดยเฉพาะสวะอย่างเฉินกั๋วเปียวที่ไร้คุณธรรมสิ้นดี ช่วงก่อนหน้าลักพาตัวเศรษฐีเกาะไต้หวันไปคนหนึ่งแต่พอได้เงินค่าไถแล้วยังฆ่าปิดปากอีกฝ่ายไปด้วย
ไร้ความเป็นคนเลยจริง ๆ!
โจวซิงเอ๋อร์อ้าปากหวอราวกับไม่คิดว่าจะราบรื่นขนาดนี้ เหมยเหมยเตะอีกทีเธอถึงได้สติกลับมาแล้ววิ่งไปตรงหน้าโจวจื่อหัวจุ๊บแก้มเขาหนัก ๆหนึ่งทีอย่างดีใจ
แล้วก็หันไปจุ๊บแก้มคุณนายโจวอีกด้วย ท่าทางดีอกดีใจเหมือนเด็กไม่มีผิด
คุณนายโจวแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มแต่ระหว่างคิ้วกลับดูตึงเครียดเล็กน้อย ยิ่งหนักแน่นในความคิดเมื่อครู่กว่าเดิม สถานการณ์ไม่สู้ดีจะต้องรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุด
ในเมื่อโจวจื่อหัวอนุญาตแล้วย่อมไม่ต้องให้เหมยเหมยไปขอตั๋วจากเฉินเจียอีก เช้าวันรุ่งขึ้นคนขับรถประจำตระกูลโจวก็เอาตั๋วที่นั่งแขกกิตติมาศักดิ์มาส่งถึงที่แล้วบอกอีกว่าวันแข่งขันตระกูลโจวจะส่งรถมารับ บริการครบครันสุดแสนจะประทับใจ
เหมยเหมยคิดในใจว่าโจวจื่อหัวช่างทุ่มเทให้กับครอบครัวเหลือเกิน!
เพียงแต่ความกลัดกลุ้มใจของเขาพวกโจวซิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจน่ะสิ!
แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา ลำพังเธอแค่คนนอกไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ อีกอย่างเธอกับโจวจื่อหัวก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น
เหลืออีกตั้งสองวันถึงจะเป็นวันแข่ง เหมยเหมยกับพวกเซียวเซ่อเลยถือโอกาสเอาสองวันนี้ออกเที่ยวให้หนำใจ มีสองที่ที่ต้องไปให้ได้นั่นก็คือหม่องก็อกกับโอเชี่ยนพาร์ค พวกเหมยเหมยเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานแต่กลับชอบมีคนเป็นมารขัดความสุขพวกเขาเสมอ
“หร่วนหวาไฉ่มาฮ่องกงได้ไงกัน? แล้วยังอ้างชื่อเสียงของปู่ฉันกุเรื่องหลอกลวงอีก?” เหมยเหมยเผลอไปเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเข้าก็โมโหแทบตาย
……………………….