ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1786 โอหยางสยงก็ตายแล้วเหมือนกัน + ตอนที่ 1787 ใครอยู่บนใครอยู่ล่าง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1786 โอหยางสยงก็ตายแล้วเหมือนกัน + ตอนที่ 1787 ใครอยู่บนใครอยู่ล่าง
ตอนที่ 1786 โอหยางสยงก็ตายแล้วเหมือนกัน
เหมยเหมยเพิ่งนั่งลงทานข้าวเช้า เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทจึงปวดศีรษะไม่หาย เธอนวดคลึงขมับไปมานึกเหนื่อยใจเหลือเกิน ทำไมถึงไม่จบไม่สิ้นสักทีนะ
“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?”
เสี่ยวอวิ๋นตอบเสียงนิ่ง “โอหยางสยงตายแล้ว คนของเราตามสืบไปถึงบ้านหลังสุดท้ายที่เขาเคยปรากฏตัวแต่พบว่าบ้านหลังนั้นว่างเปล่า บนพื้นมีรอยเลือดที่ยังล้างไม่สะอาด ถึงจะไม่เจอศพแต่คิดว่าสถานการณ์น่าจะไม่สู้ดีนัก”
เหมยเหมยรู้สึกจุกอกและหมดความอยากอาหารอย่างสิ้นเชิง วางซาลาเปาไส้เนื้อที่เพิ่งหยิบขึ้นมาลง
“เธอหมายถึงว่าโอหยางสยงถูกฆ่าแล้วกำจัดศพทิ้งงั้นเหรอ?” เหมยเหมยถาม
เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้า “เราเคยตรวจดูรอยเลือดในบ้านหลังนั้นแล้วพบว่ามีร่องรอยขนาดใหญ่และไม่ใช่แค่จุดเดียว ภายใต้สถานการณ์อย่างนั้นความเป็นไปได้ที่โอหยางสยงจะมีชีวิตรอดน้อยมาก”
“ใครฆ่าเขา?” เหมยเหมยพึมพำเอง คนแรกคือหร่วนหวาไฉ่ต่อมาคือโอหยางสยง เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
คล้ายกำลังมีแหขนาดใหญ่กำลังเข้ามาใกล้เธอช้า ๆ
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าใครคือคนหว่านแห!
เสี่ยวอวิ๋นส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครคือฆาตกร ฉันให้พวกเขาไปตามสืบแล้ว”
เธอเองก็แปลกใจไม่ต่างกันเพราะเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้นแถมยังเป็นคนที่พวกเขารู้จักดี จะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญคงไม่ได้หรอกมั้ง?
เหมยเหมยตาเป็นประกายแล้วเอ่ยว่า “หร่วนหวาไฉ่กับโอหยางสยงโดนฆ่าด้วยฆาตกรคนเดียวกันหรือเปล่า?”
เสี่ยวอวิ๋นปฏิเสธทันควัน “เป็นไปไม่ได้ คนที่ฆ่าหร่วนหวาไฉ่น่าจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพเพราะใช้วิธีการคล่องแคล่วสะอาด คนที่ฆ่าโอหยางสยงกลับลนลานกว่ามากอีกอย่างไม่ใช่คนแรงเยอะ ก่อนตายโอหยางสยงน่าจะเคยขัดขืนอย่างแรงก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเขากำลังบาดเจ็บอยู่ไม่แน่อาจจะไม่ตาย”
เหมยเหมยดึงหน้าตึงรู้สึกกลัดกลุ้มใจอย่างมาก หรือว่าจะมีแหสองผืนอย่างนั้นเหรอ?
มันเป็นคนเลวที่ไหนกันแน่นะ?
เสี่ยวอวิ๋นพูดต่อ “คุณชายหมิงรู้เรื่องนี้แล้วพรุ่งนี้เขาจะเดินทางมาเลย โอหยางสยงเป็นพนักงานข้าราชการของฮวาเซี่ยแล้วยังมาตายโดยไม่รู้สาเหตุ ถึงอย่างไรรัฐบาลทางนี้ก็ต้องมีข้อสรุปให้ทางเราด้วย”
ในที่สุดก็ได้ฟังข่าวดีสักที เหมยเหมยอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็นและเกิดเจริญอาหารขึ้นมา
หร่วนหวาไฉ่โอหยางสยงบ้าบออะไร ตายก็ตายไปเถอะในเมื่อต่างไม่ใช่คนดีอะไรทั้งคู่ ตรงกันข้ามแถมยังเสียสละให้เธอกับเหยียนหมิงซุ่นได้ฮันนีมูนกันที่ฮ่องกงอีกต่างหาก
ฮิฮิ!
“ทางสถานีตำรวจรู้เรื่องโอหยางสยงหรือยัง?” เหมยเหมยถามอีก
“โทรไปแล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว”
เหมยเหมยผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาเพราะนึกบางอย่างขึ้นได้เลยถามไปว่า “โอหยางสยงกับโอหยางซานซานเคยเจอกันไหม? เธอรู้เรื่องโอหยางสยงหรือเปล่า?”
“ฉันถามชาวบ้านละแวกนั้นดูแล้วโอหยางซานซานเคยไปหาโอหยางสยงสองวันก่อนเกิดเหตุ แต่ฟังจากแผงเจ้าของร้านลูกชิ้นปลาร้านหนึ่งบอกว่าเมื่อก่อนโอหยางสยงจะต้องไปทานลูกชิ้นที่ร้านเขาทุกคืน แต่หลังจากโอหยางซานซานไปก็ไม่เคยเห็นไปทานอีกเลย…”
เสี่ยวอวิ๋นเล่าข้อสรุปที่เขาได้ตามสืบตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาให้ฟัง เธอบอกอีกว่าโอหยางซานซานได้ซ้อมอันธพาลกลุ่มหนึ่งไปด้วยซึ่งเหมยเหมยได้ฟังแล้วก็สงสัย “ทักษะการต่อสู้ของโอหยางซานซานดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ยัยนี่โง่จะตาย แขนขาก็ไม่ว่องไว ขนาดเต้นรำยังทำได้ไม่ดีเลย แต่กลับฝึกทักษะการต่อสู้ได้ดีขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้น ๆเพียงสองปีงั้นเหรอ?
ไหนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้อีก แม้จะเป็นคณะการละครแต่แค่สอบเข้าได้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว!
ไหนจะเรื่องบุคลิกของเธออีก ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีใบหน้าเดิมเธอคงคิดว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว!
“เซ่อเซ่อ เธอเองก็คิดว่าโอหยางซานซานเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันใช่ไหม เหมือนเกิดใหม่เลย” เหมยเหมยอดถามเซียวเซ่อที่กำลังกินซาลาเปาไส้เนื้อคำโตอยู่ข้างกายไม่ได้ อยากหาคนระบายความในใจมากเหลือเกิน
เซียวเซ่อเอียงศีรษะครุ่นคิดแล้วตอบอย่างจริงจัง “ฉันแค่คิดว่าเธอโตช้าไปหน่อย ตอนอายุสิบเจ็ดก็สูงแค่นั้นแล้ว แต่ผ่านไปสี่ปีกลับไม่สูงขึ้นเลยสักนิด กินขนมปังไส้เนื้อที่อเมริกาสูญเปล่าจริง ๆ”
…………………….
ตอนที่ 1787 ใครอยู่บนใครอยู่ล่าง
สยงมู่มู่เองก็พูดเออออตามไปด้วย “ฉันก็คิดงั้นเหมือนกัน ยายหมีสีน้ำตาลสูงเท่านี้ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ตอนนี้ก็ยังสูงเท่าเดิม ฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตในร่างกายไม่เพียงพออย่างรุนแรง”
อู่เชาเอ่ยแทรกขึ้นมา “นี่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะพอหลังอายุสิบหกไปจะมีผู้หญิงบางส่วนที่ไม่สูงแล้ว ไม่แน่โอหยางซานซานอาจจะอยู่ในประเภทนี้ก็ได้”
“แหงสิ ไม่เห็นหล่อนสูงขึ้นสักนิด เมื่อก่อนสูงเท่าคางฉัน ตอนนี้ใส่รองเท้าส้นสูงก็ยังสูงเท่าตรงนี้ของฉันเหมือนเดิม” สยงมู่มู่พูดอย่างได้ใจ ต่อให้เขาจะอายุยี่สิบปีแล้วก็ยังสูงขึ้นอีกตั้งหนึ่งเซนติเมตรแหนะ!
เหมยเหมยผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจเพราะเพิ่งสังเกตว่าหลายครั้งที่ได้เจอโอหยางซานซานเธอก็ใส่แต่รองเท้าส้นสูง ไม่เคยเห็นสวมรองเท้าพื้นเรียบเลยสักครั้งฉะนั้นเธอถึงไม่เคยสังเกตถึงเรื่องส่วนสูงของอีกฝ่าย
“พวกเธอไม่พูดฉันก็ยังไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำ หล่อนไม่สูงขึ้นจริง ๆด้วย”
“เธอมันโง่ไง!” เซียวเซ่อโพล่งออกมาคำหนึ่งแล้วก้มหน้ากินซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่ต่อไป แม่ครัวที่เสี่ยวอวิ๋นจ้างมาทำอาหารประเภทแป้งได้เยี่ยมมาก ซาลาเปาไส้เนื้อหอมกรุ่นอร่อยจนเซียวเซ่ออยากทานทุกมื้อเลย
สยงมู่มู่กับอู่เชาเองก็หัวเราะเสียงดังพลางเล่นหูเล่นตาจนเหมยเหมยได้แต่กัดฟันอย่างนึกโมโห สุดท้ายเธอก็หลุดขำเองเช่นกัน
พอถูกเบี่ยงออกนอกประเด็นเธอก็รู้สึกเจริญอาหารขึ้นมากพลางหยิบซาลาเปามาทานคำเล็ก ๆ และไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องส่วนสูงของโอหยางซานซานอีก ผู้หญิงที่ไม่สูงขึ้นหลังอายุสิบหกปีมีมากมายซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
สิ่งที่เธอแปลกใจกว่าคือหน้าตาและสติปัญญาของโอหยางซานซานเพราะมันเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน
เหมยเหมยไม่ได้สนใจการตายของโอหยางสยงนักหรอกแต่สัญชาตญาณของเธอกำลังบอกว่าต้องตามสืบหาสาเหตุการตายของโอหยางสยงให้พบ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องมีปัญหาในภายหลังแน่ ๆ
“เสี่ยวอวิ๋น ฉันขอไปดูสถานที่เกิดเหตุหน่อยได้ไหม?” เธอคิดว่าสมควรไปสักหน่อยบางทีอาจจะได้เบาะแสเพิ่ม
“ที่นั่นบรรยากาศไม่ดี คุณหนูอย่าไปเลยดีกว่า” เสี่ยวอวิ๋นพูดโน้มน้าว
“ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าน่าจะมีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม” เหมยเหมยดึงดันจะไปให้ได้ หากไม่ไปเธอยากจะทำใจให้สบายได้
เซียวเซ่อเองก็เริ่มสนใจขึ้นมาเช่นกัน “ฉันก็จะไปดูด้วย”
ดังนั้นสุดท้ายแล้วทุกคนก็ไปด้วยกันหมดในเมื่ออยู่บ้านไปก็ไม่มีอะไรให้ทำ อู่เชากลับไม่ค่อยอยากไปนักเพราะเขาขี้กลัวที่สุดแต่ก็ระงับความสงสัยไม่ได้
“โอหยางสยงพักที่นี่เหรอ? เขาเลือกได้ถูกที่จริง ๆนะ!” เหมยเหมยเห็นบ้านทรงเตี้ยหลังเก่าก็แค่นเสียงหัวเราะ
อดีตโอหยางสยงเคยรุ่งโรจน์มากแค่ไหนตอนนี้กลับต้องมาเบียดเสียดในบ้านหลังเก่ากับคนจรจัดเร่ร่อนแล้วยังตายอย่างอนาถอีก สมน้ำหน้า!
“บ้านหลังนี้โอหยางซานซานเป็นคนหา อีกอย่างฉันสืบได้ว่าช่วงนี้โอหยางซานซานก็ติดต่อพวกเสอโถว น่าจะคิดลอบส่งตัวโอหยางสยงไปต่างประเทศ” เสี่ยวอวิ๋นเดินนำอยู่ข้างหน้าเพราะทางเดินมืดสลัวขับให้ดูวังเวงแปลก ๆ
อู่เชาถูแขนไปมาเพราะรู้สึกเหงื่อออกแปลก ๆเขาพูดด้วยความระแวงว่า “หรือว่าเราอย่าเข้าไปดี พวกพี่เสี่ยวอวิ๋นเคยตรวจสอบดูแล้วจะมีอะไรน่าดูอีก ดูที่นี่สิโทรมขนาดไหน!”
สยงมู่มู่แค่นหัวเราะทีหนึ่ง “เจ้าอ้วนนายกลัวสินะ? กลางวันแสก ๆมีอะไรน่ากลัวกัน? ฉันว่าความกล้าของนายนี่ตรงกันข้ามกับเนื้อไขมันของนายเลยนะ!”
“ใครกลัวกัน? ฉันแค่รังเกียจความสกปรกที่นี่ต่างหาก นายดูสิบนพื้นมีแต่ขยะ จิ๊ แม้แต่ที่จะวางเท้ายังไม่มีเลย”
อู่เชาปากแข็งพลางจ้องพื้นดำสนิทอย่างขุ่นเคืองและไม่ยอมรับความขี้กลัวของตัวเอง
สยงมู่มู่หลุดขำอีกที “แน่จริงคืนนี้นายอย่าแอบย่องเข้าห้องฉันแล้วกัน!”
เขาจะไม่รู้ได้ไงว่าเจ้าอ้วนขี้กลัวอย่างกับอะไรดี เมื่อก่อนแค่ดูหนังผีเรื่องเดียวยังกลัวไม่เหลือสภาพดึงดันจะมาปูฟูกนอนพื้นห้องเขาให้ได้ ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าจะหายกลัว
เซียวเซ่อกวาดตามองพวกเขาอยู่นานจนพวกเขาขนลุกซู่ สยงมู่มู่อ้าปากอยากจะด่า เซียวเซ่อถึงได้ค่อย ๆเอ่ยปากถาม“พวกนายใครอยู่บนใครอยู่ล่างเหรอ?”
สยงมู่มู่ชะงักหลงคิดว่าเซียวเซ่อถามตำแหน่งที่นอนของเขากับอู่เชาเลยตอบกลับอย่างใสซื่อ “ก็ต้องฉันอยู่บนเขาอยู่ล่างสิ!”
“อ๋อ…” เซียวเซ่อมองเขาด้วยความตกใจแวบหนึ่งคล้ายจะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคำตอบนี้ เธอเลยกล่าวอีกประโยค “ดูไม่ออกเลยนะ!”
สยงมู่มู่รู้สึกว่ามันแปลกพิกล แต่พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้สติขึ้นมาเลยโมโหตวาดใส่ว่า “ไอ้ทอมรนหาที่ตาย…ฉันหมายถึงฉันนอนบนเตียง เจ้าอ้วนนอนพื้น”
สายตาของเซียวเซ่อฉายแววยิ้มหยันแล้วตอบกลับไปว่า “ฉันไม่ได้พูดถึงอย่างอื่นสักหน่อย นายร้อนตัวเองนะ!”
“อ้าว…ยัยทอมบ้าระวังฉันจะซัดเอานะ…”
“เอาสิ…ฉันจะเตะนายให้ตายทีเดียวเลย!”
…………………