ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1796 โอหยางซานซานที่แปลกไป + ตอนที่ 1797 ผีเข้าหรือเปล่า
ตอนที่ 1796 โอหยางซานซานที่แปลกไป
ในเมื่อหลับไปอย่างสะลืมสะลือตลอดช่วงบ่ายพอตกดึกเหมยเหมยก็นอนไม่หลับ เธอจึงหยิบกระดาษมาเริ่มขีดเขียน “หร่วนหวาไฉ่…โอหยางซานซาน…โอหยางสยง…อืม แล้วก็เซี่ยทิงเทากับลี่ลี่อัน…”
เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเองแล้วเขียนรายชื่อคนที่ได้เจอหลังมาฮ่องกง อีกทั้งยังไล่เรียงลำดับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาให้ชัดเจน แต่กลับทำให้เธอเห็นจุดบอดที่ตัวเองมองข้ามไปเลยส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เป็นอะไรไป? ปวดหัวอีกแล้วเหรอ?” เซียวเซ่อถามขึ้น
เหมยเหมยส่ายหน้าชี้ไปที่กระดาษแล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าโอหยางซานซานเป็นลูกศิษย์ของหร่วนหวาไฉ่ แต่หร่วนหวาไฉ่มาฮ่องกงอาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้คงไม่ได้เจอกันหรอกใช่ไหม?”
เสี่ยวอวิ๋นพูดเสียงแน่วแน่ “ไม่มีทางแน่นอน หลังจากหร่วนหวาไฉ่มาถึงฮ่องกงเราก็คอยติดตามทุกฝีก้าว เหมือนเขาไม่รู้ว่าโอหยางซานซานอยู่ฮ่องกง”
“เป็นไปได้ว่าโอหยางซานซานเองก็ไม่รู้ว่าหร่วนหวาไฉ่อยู่ฮ่องกงด้วย!” สยงมู่มู่เอ่ย
เหมยเหมยส่ายศีรษะ “เธอรู้แน่นอน”
เธอเล่าเรื่องที่คุณนายโจวตามสืบให้ฟัง “ต่อให้เมื่อก่อนเธอไม่รู้แต่คืนนั้นที่โจวจื่อหัวโทรหาฉัน โอหยางซานซานก็อยู่ด้วย อีกอย่างเทปอัดเสียงอันนั้นต้องเป็นเธอที่ส่งมันให้กับทางตำรวจแน่ เธอไม่มีทางที่จะไม่รู้”
“โอ้โห ทำไมโอหยางซานซานถึงดักฟังโจวจื่อหัวคุยโทรศัพท์ล่ะ? หรือว่าเธอเข้าร่วมทำงานในสำนักข่าวกรอง?” สยงมู่มู่ทำท่าตกใจอย่างมาก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เขาวิเคราะห์ฟังดูมีเหตุผลอย่างมาก
จู่ ๆก็ต่อสู้เก่งขนาดนั้นไหนจะมีรสนิยมการแต่งตัวที่ดีขึ้นทั้งยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีก ถ้าเป็นหน่วยพิเศษของสำนักข่าวกรองก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเป็นเพียงตัวปิดบังสถานะของเธอซึ่งไม่จำเป็นต้องสอบเข้าเลย
เซียวเซ่อถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “นายคิดว่าสำนักข่าวกรองเป็นตลาดสดที่ใครก็เข้าได้เหรอ?”
เธอไม่เคยเห็นโอหยางซานซานในสายตาด้วยซ้ำ ต่อให้สอบติดมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแล้วอย่างไร? ยังคงขี้แพ้เหมือนเดิมอยู่ดี!
“แล้วจะอธิบายเรื่องโอหยางซานซานดักฟังอย่างไรล่ะ? ต้องมีสาเหตุหรือเปล่า?” สยงมู่มู่ตอกกลับอย่างไม่พอใจ
“เป็นไปได้ว่าเธออาจจะถูกคนบงการ แม้แต่การที่เธอเป็นชู้รักของโจวจื่อหัวก็อาจจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งมา ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่ขาดแคลนเงินและผู้ชายอย่างเธอทำไมต้องมาอยู่กับตาแก่คนหนึ่งแบบนี้ด้วย? ฮ่องกงมีผู้ชายหล่อ ๆตั้งเยอะ ลำพังแค่ตัวเธอในตอนนี้คิดจะหาใครสักคนมันเป็นเรื่อง่ายมากอยู่แล้ว” เซียวเซ่อกล่าว
“งั้นถูกใครสั่งมาเหรอ?” สยงมู่มู่ถามต่อ
“ไม่รู้”
เซียวเซ่อตอบกลับทันควัน หากเธอรู้ก็คงเป็นหนึ่งในสำนักข่าวกรองอีกคนแล้วสิ!
เธอหยิบกระดาษในมือของเหมยเหมยมาดูคร่าว ๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็บอก “ลี่ลี่อันกับเซี่ยทิงเทาตัดออกไปได้ พวกเขาเป็นแค่คนผ่านมา ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้แน่นอน”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยเพราะมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ได้ข่าวว่าลี่ลี่อันกับเซี่ยทิงเทากลับอเมริกาไปแล้วและรอดอย่างหวุดหวิด หากไม่มีอะไรผิดพลาดคงไม่มาฮ่องกงอีกหลายปี
เซียวเซ่อพูดต่อ “ที่เหลือก็คือพวกเขาสามคน สองคนตายไปแล้ว สองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโอหยางซานซานกันทั้งคู่แล้วไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบผิวเผินด้วย”
“เธอคิดจะพูดอะไรกันแน่? ช่วยพูดให้จบทีเดียวเลยได้ไหม?” อู่เชาฟังแล้วจับใจความไม่ได้ สติปัญญาด้านศิลปะของเขาฟังโจทย์ประเภททดสอบสติปัญญาแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ
เซียวเซ่อมองไปทางเหมยเหมยแล้วถาม “ช่วงที่เธอเจอโอหยางซานซาน หล่อนได้ทำหน้าเสียใจหรือเศร้าใจบ้างไหม?”
“ไม่เลย ปกติมาก แต่ฉันไม่มั่นใจว่าหล่อนรู้เรื่องของโอหยางสยงหรือเปล่านะ” เหมยเหมยส่ายศีรษะ
คราวนี้อู่เชาเข้าใจแล้ว “ต่อให้หล่อนไม่รู้เรื่องโอหยางสยงแต่หร่วนหวาไฉ่เป็นอาจารย์ของหล่อนนะ หากเกิดเรื่องกับอาจารย์แล้วเธอยังทำตัวปกติได้ก็ผิดปกติเกินไปแล้ว”
ต่อให้เป็นเพื่อนธรรมดาที่จู่ ๆเกิดเป็นอะไรไป อารมณ์ความรู้สึกต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อยสิ?
แต่นอกจากโอหยางซานซานจะไม่เสียใจแล้วยังเอาเรื่องการตายของหร่วนหวาไฉ่มาใส่ร้ายคนอื่น มันช่างเลือดเย็นเสียจริง
………………………..
ตอนที่ 1797 ผีเข้าหรือเปล่า
เซียวเซ่อเอ่ยต่อ “เรื่องผิดปกติก็ต้องมีเงื่อนงำอะไรบ้างสิ พฤติกรรมผิดสังเกตต่าง ๆนา ๆของโอหยางซานซานบ่งบอกว่าเธอคนนี้แปลกไปมาก ฉันคิดว่าเราควรเพ่งเล็งความสนใจไปที่ตัวโอหยางซานซาน”
สยงมู่มู่เองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ฉันก็คิดว่าโอหยางซานซานมีปัญหา ต่อให้หล่อนไม่ใช่ฆาตกรแต่หล่อนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ ๆ”
เหมยเหมยรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “งั้นตอนนี้เราก็ต้องมาวิเคราะห์โอหยางซานซานอย่างละเอียด รอเดี๋ยว ฉันไปเอาสมุดมาจดก่อน”
เสี่ยวอวิ๋นทำอะไรฉับไวมากรีบโยนสมุดจดหนึ่งเล่มมาให้ก่อนที่เหมยเหมยจะยกนิ้วโป้งให้เธอ จากนั้นทำท่าเหมือนเสมียนก่อนพูดขึ้นว่า “เราจดพฤติกรรมผิดปกติของโอหยางซานซานก่อน สิ่งที่น่าแปลกมากที่สุดคือสติปัญญาที่สูงขึ้นของหล่อน ฉันไม่เข้าใจเลย”
เหมยเหมยนึกโกรธเพราะเมื่อก่อนโอหยางซานซานฉลาดสู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะเก่งขึ้นขนาดนี้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แถมยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับโลกได้ง่าย ๆ ต่อให้ตอนนี้เธอจะจับทางสไตล์การเรียนของตัวเองได้แต่ก็สอบไม่ติดหรอก
เพราะช่วงก่อนสยงมู่มู่ได้เอาโจทย์มาให้ลองทำหลายข้อ และได้ยินมาว่าเป็นโจทย์ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พอเธอว่างเลยลองเอามาทำเล่น ๆถึงพบเรื่องน่าเศร้าว่าเธอทำมันไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว
ศูนย์คะแนน…
ชาไปทั้งตัวเลยทีเดียว!
โอหยางซานซานมีสิทธิ์อะไรที่จะเติบโตทางสติปัญญาเป็นครั้งที่สองกันล่ะ?
ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง!
เหมยเหมยจดข้อนี้ลงไปในกระดาษหน้าแรกอย่างขุ่นเคือง ดวงตาของเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ฉายแววยิ้มแวบหนึ่ง สติปัญญาเป็นเรื่องแทงใจดำตลอดเลยนะ!
“จากอาหารการกินที่อเมริกา โอหยางซานซานไม่มีทางที่จะไม่สูงสักนิดตลอดช่วงสี่ปีที่ผ่านมา มันผิดปกติ!” เซียวเซ่อเสนอข้อที่สอง
สยงมู่มู่เองก็พูดเสริมว่า “แล้วก็รูปร่างขนาดตัวกับบุคลิก เมื่อก่อนโอหยางซานซานเป็นคนโครงใหญ่ บุคลิกก็ไปทางสายอ่อนหวาน อีกทั้งฉันรู้สึกว่าหน้าตาของเธอมีมิติมากขึ้น…”
เซียวเซ่อพูดแทรก “อันนี้ไม่แปลก ตอนนี้ต่างประเทศนิยมศัลยกรรมบางทีโอหยางซานซานอาจจะไปทำศัลยกรรมก็ได้ ส่วนบุคลิกก็ยิ่งไม่น่าแปลก บุคลิกย่อมแปรผันไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น อีกอย่างเกิดเรื่องที่บ้านของโอหยางซานซานกะทันหันแบบนั้นอาจจะส่งผลต่อบุคลิกของเธอก็ได้”
เหมยเหมยพยักหน้าเห็นด้วยและจู่ ๆบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวแต่ไม่นานก็หายไปไล่จับมันไว้ไม่ทัน
เธอตบศีรษะอย่างหงุดหงิดพลางรู้สึกว่าเริ่มปวดขมับอีกแล้ว เธอรีบใช้ปลายปากกาเคาะขมับเบา ๆเลยพอจะช่วยให้อาการทุเลาลงบ้าง
จากนั้นพวกเซียวเซ่อก็ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกมากมายเช่นทักษะการต่อสู้ของโอหยางซานซาน ตั้งแต่เรื่องที่ลดตัวมาอยู่กับตาแก่อย่างโจวจื่อหัว ความเย็นชาที่มีต่อหร่วนหวาไฉ่กับโอหยางสยงรวมถึงเทปอัดเสียงโจวจื่อหัว…เป็นต้น
เหมยเหมยเขียนจดยาวเป็นหน้ากระดาษ เธอขมวดคิ้วแน่น หากไม่เขียนออกมาคงไม่รู้เลยจริง ๆว่าโอหยางซานซานมีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปมากขนาดนี้!
คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ในระยะสี่ปีได้อย่างไร?
“แล้วก็ปฏิกิริยาที่มีต่อถั่วลิสงของโอหยางซานซาน ฉันรู้สึกว่ามีความจำเป็นที่ต้องส่งคนไปสืบประวัติการใช้ชีวิตตลอดสี่ปีที่อเมริกาของโอหยางซานซานหน่อยแล้ว!” เหมยเหมยทำหน้าจริงจังและเกิดรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ
อู่เชาที่เงียบมาโดยตลอดทำหน้าลังเลใจคล้ายอยากพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูด
สยงมู่มู่เห็นเข้าก็นึกรำคาญเลยฟาดหลังเขาไปแรง ๆทีหนึ่ง “มีอะไรก็รีบพูดมา อ้ำอึ้งเหมือนผู้หญิงอยู่ได้!”
อู่เชาเบะปากอย่างน่าสงสาร หากพูดไปต้องโดนฟาดแน่ ๆแต่ถ้าไม่พูดก็โดนฟาดอยู่ดี เฮ้อ…
แน่นอนว่าเขาก็พูดออกมาในท้ายที่สุดพลางพูดเสียงตะกุกตะกัก “ฉัน…ฉันคิดว่านะ โอหยางซานซานโดนผีเข้าหรือเปล่า?”
“ป๊าบ”
สยงมู่มู่ตบเข้าที่หลังศีรษะเขาอย่างจัง อู่เชาตวัดตามองด้วยความโกรธแล้วทำท่าทางน่าสงสาร
เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้!
…………………….