ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1806 โดนคนลอบทำร้ายแล้ว + ตอนที่ 1807 สถานการณ์ท่าจะไม่ดี
ตอนที่ 1806 โดนคนลอบทำร้ายแล้ว
เหมือนหมอกู้จะไม่สามารถยืนยันได้จึงเปลี่ยนมืออีกข้างเพื่อตรวจชีพจร ทั้งยังบอกให้เหมยเหมยแลบลิ้นออกมาและตรวจดูสีหน้า แล้วยังสอบถามเธอเกี่ยวกับอาการปวดหัวที่กำเริบขึ้นมาในช่วงระยะนี้ รวมไปเริ่มมีอาการปวดหัวตั้งแต่เมื่อไร
เหมยเหมย—พูดออกมาหมด เดิมทีเธอไม่ได้เอาเก็บมาคิดมากนักแต่พอเห็นท่าทางของหมอกู้ ดูท่าอาการปวดหัวของเธอจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว หัวใจก็พลันตกลงไปที่ตาตุ่ม
หรือว่าเธอจะเป็นโรคที่รักษาไม่ได้?
เธอไม่อยากตายนะ!
“คุณปู่กู้ ตกลงหนูเป็นโรคอะไรกันแน่คะ?” เหมยเหมยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ตอนนี้พูดยาก เอามือของนายมาให้ฉันตรวจหน่อย” หมอกู้เลี่ยงที่จะไม่ตอบและบอกให้เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือออกมา
เหยียนหมิงซุ่นแปลกใจอย่างมาก แต่พอเห็นหมอกู้ไม่มีท่าทีเหมือนคนพูดเล่นจึงยื่นมือมือซ้ายออกไป ความรู้สึกที่เป็นลางไม่ดีในใจมีมากขึ้น
หมอกู้วัดชีพจรให้เหยียนหมิงซุ่นอยู่นาน สีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น “นายตามฉันไปที่ห้อง”
หลังจากเข้าห้องไปเขาก็ให้เหยียนหมิงซุ่นถอดเสื้อผ้า ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยังทำตาม หมอกู้เห็นรอยแดงจาง ๆเหมือนเส้นไหมสีแดงตรงเอวด้านหลัง หากไม่ตั้งใจสังเกตดี ๆคงไม่เห็น
หมอกู้ถอนหายใจ ในใจพอจะรู้คร่าว ๆแล้วจึงบอกให้เหยียนหมิงซุ่นสวมเสื้อผ้า
“คุณหมอกู้ช่วยบอกหน่อยเถอะครับ เกิดอะไรขึ้นกับผมและเหมยเหมยกันแน่?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น
หมอกู้มองเขาอย่างเห็นใจแล้วพูดว่า “นายโดนคนลอบทำร้ายโดนพิษกู่หักสวาทของเหมียวเจียงเข้าให้แล้ว กู่ชนิดนี้ฉันเคยเห็นเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ว่ากันว่าหายสาบสูญไปแล้วแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง”
เหยียนหมิงซุ่นใจเต้น พิษกู่หักสวาท?
แค่ฟังดูก็รู้ว่าชื่อนี้ไม่ใช่ของดีเลย!
“หากโดนพิษกู่หักสวาทแล้วจะเป็นอย่างไร? มีความเกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวของเหมยเหมยเหรอ?”
หมอกู้ไม่ได้ตอบตรง ๆแต่ถามกลับไปว่า “คุณกับเหมยเหมยได้ร่วมหอลงโรงกันแล้วใช่ไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นหน้าแดงแล้วพยักหน้ายอมรับ
“นี่แหละ พิษกู่หักสวาทจะใช้ความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิงส่งต่อพิษกู่ไปให้คนรัก แต่ว่าความแรงของพิษกู่จะลดลงครึ่งหนึ่ง อาการปวดหัวของเด็กน้อยเหมยเหมยเกิดจากพิษกู่นี้แหละ”
เหยียนหมิงซุ่นแอบโกรธแค้นอยู่ในใจ ตกลงแล้วใครเป็นคนที่ทำกู่ใส่เขากันนะ?
กระทั่งทำเอาเหมยเหมยติดร่างแหไปด้วย!
“แต่ทำไมร่างกายของผมถึงไม่มีอะไรผิดปกติแต่เหมยเหมยกลับปวดหัวล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นยังไม่เข้าใจ เขาไม่สังเกตเห็นถึงความรู้สึกไม่สบายใด ๆในร่างกายของเขาเลย ไม่อย่างนั้นเขาคงสงสัยถึงความผิดปกติของร่างกายไปนานแล้ว
“พิษกู่นี้มีผลต่อผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกัน จริง ๆแล้วมันเป็นอันตรายต่อผู้ชายมากกว่าเพราะจะค่อย ๆทำให้หมดสมรรถภาพทางเพศลงไปเรื่อย ๆจนผู้ชายสืบพันธุ์ไม่ได้” หมอกู้ชะงักไปและรู้สึกเห็นใจเหยียนหมิงซุ่นมาก
อายุยังน้อยแท้ ๆแต่กลับสืบพันสืบทอดสกุลเสียแล้ว น่าสงสารจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นไปถึงตาตุ่ม ถึงแม้เขาจะไม่ชอบการมีลูกแต่การที่มีไม่ได้กับไม่อยากมีนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับทารกอ้วนในความฝันก่อนหน้านี้
เดิมทีร่างกายได้เตือนเขาแล้วแต่เขากลับไม่รู้ตัวสักนิด
“งั้นสำหรับผู้หญิงแล้วจะมีผลอย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นกังวลเกี่ยวกับร่างกายของเหมยเหมยมากกว่า
“สำหรับผู้หญิงจะไม่ส่งผลต่อการสืบพันธุ์แต่จะไม่สามารถร่วมรักได้ เพียงแค่คิดถึงโหยหากันก็ปวดจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆแล้ว นี่คือที่มาของชื่อกู่หักสวาท เพื่อให้คนไร้จิตใจไร้ความรัก ไร้ลูกหลานสืบทอดสกุล” หมอกู้อธิบาย
ตอนนี้เองเหยียนหมิงซุ่นถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเหมยเหมยถึงเริ่มปวดหัวหลังจากมาถึงฮ่องกง ยัยซื่อบื้อคงคิดถึงเขาทุกวัน พอยิ่งนานวันเข้าความคิดถึงก็ยิ่งลึกซึ้ง
พอยัยปีศาจน้อยเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจเข้าไปถึงกระดูก
“พิษกู่หักสวาทมียารักษาไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น เขาจะต้องพยายามคิดหาวิธีรักษาตัวเองและเหมยเหมยให้ได้ และต้องตามจับตัวคนที่ทำกู่ใส่เขามาให้ได้ด้วย
หมอกู้ส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินว่ามียาแก้พิษนะ เพราะกู่ชนิดนี้ทำมาเพื่อทรมานคนจึงไม่มียาแก้พิษ ตาแก่อย่างฉันก็ไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือได้ด้วยสิ”
…………………………………………..
ตอนที่ 1807 สถานการณ์ท่าจะไม่ดี
เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ยอมแพ้ถามต่ออีกว่า “งั้นมีวิธีที่จะบรรเทาอาการปวดหัวของเหมยเหมยไหม?”
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนที่เจ็บปวดจะเป็นตัวเขาเอง
แต่ทำไมกลับเป็นเหมยเหมย คนที่ทำร้ายเขาลับหลังคิดวางแผนมาดีจริง ๆ คน ๆนั้นรู้ว่าหากทำให้เหมยเหมยเจ็บ แบบนี้เขาถึงจะยิ่งปวดใจ!
หมอกู้มีสีหน้าลังเล “ฉันจะลองแล้วกัน ฉันไม่เคยรักษาพิษกู่หักสวาทมาก่อนนะ”
เขาเองก็ตื่นเต้น ร้อนใจอยากจะลองแทบแย่อยู่แล้ว สำหรับเขาแล้วการเผชิญกับโรคที่รักษายากถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากเช่นกัน หากเขารักษาให้หายได้ เช่นนั้นเขาก็จะสามารถหลงเหลือข้อมูลสำคัญไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปได้
“งั้นรบกวนคุณหมอกู้ด้วย หากคุณหมอกู้ขาดเหลืออะไรก็บอกผมได้เลย” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างซาบซึ้งใจ
“ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่แต่ว่าคุณก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยนะ เพราะฉันไม่มีความมั่นใจเลยด้วยซ้ำ” หมอกู้พูดจาไม่น่าฟังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
“ต้องรบกวนคุณหมอกู้แล้ว หากมีใครในโลกนี้ที่จะสามารถรักษาเหมยเหมยได้ นอกจากหมอกู้ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว”
แม้กระทั่งเครื่องมือหมอที่ดีที่สุดยังตรวจหาไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยหมอกู้ก็รู้ว่าป่วยเป็นอะไรงั้นก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง
“หมอกู้ ตกลงแล้วพิษกู่หักสวาทนี่คืออะไร? เป็นยาพิษชนิดหนึ่งเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นอดถามไม่ได้
“เป็นยาพิษแต่ก็ไม่ใช่ยาพิษซะทีเดียวหรอก เพราะยาพิษจะทำให้ตายแต่พิษกู่หักสวาทกลับทำให้มีชีวิตต่อไปได้ เหมียวเจียงขึ้นชื่อเรื่องกู่คุณน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง อันที่จริงกู่ก็เป็นแมลงที่มีชีวิตชนิดหนึ่ง แต่เพราะมีเพียงหมอผีฝีมือขั้นสูงของเหมียวเจียงเท่านั้นที่จะสามารถสร้างกู่ได้จึงมีน้อยคนนักที่จะรู้จักกู่นี้
อีกทั้งเพราะกู่มาจากการใช้เลือดของหมอผีฝีมือขั้นสูงมาหล่อเลี้ยงพวกมันจึงหาได้ยากมาก และมันสูญพันธุ์ไปแล้วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อาจจะมีพวกชาวเหมียวเจียงชนเผ่าโบราณที่หลงเหลืออยู่ในภูเขาลึกที่จะมีศาสตร์ลับนี้ ชาวเหมียวเจียงทั่วไปไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อกู่ด้วยซ้ำ”
หมอกู้อธิบายที่มาของกู่คร่าว ๆอย่างง่าย ๆ กู่เป็นแมลงพิษที่แปลกประหลาดมากชนิดหนึ่ง มันเป็นกาฝากและมีความสามารถในการสืบพันธ์ที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากมีขนาดเล็กมันจึงไหลเวียนไปตามเส้นเลือด หากใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์คงยากมากที่จะหาเจอได้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเหมยเหมยไปหาคุณหมอแมคเฟอร์สันก็หาสาเหตุของอาการปวดไม่เจอ
“งั้นแค่เพียงเอากู่ออกมาจากร่างกาย เหมยเหมยก็จะไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น
“ถ้าเอาตามทฤษฎีก็เป็นแบบนี้ แต่ปัญหาก็คือพอใครได้ยินว่าเป็นกู่ของชาวเหมียวเจียงก็พากันหน้าถอดสีแล้ว มันต้องมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา หากว่าเอาออกได้ง่าย ๆกู่ก็คงไม่น่ากลัวขนาดนั้นแล้วสิ”
หมอกู้ส่ายหน้าพลันสาดน้ำเย็นทำลายความหวังของเหยียนหมิงซุ่น
“แต่ว่ายังมีอีกหนึ่งวิธี เขาว่ากันว่ากู่ได้รับอาหารเป็นเลือดสด ๆจากเจ้าของมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นสำหรับกู่แล้วเลือดของเจ้าของจึงเป็นรสชาติหอมหวานที่ยากจะต้านทานได้ ถ้าหากคุณสามารถหาร่างของเจ้าของกู่ตัดสวาทที่อยู่ในตัวของนายได้ก็ยังพอมีวิธี”
หมอกู้เปลี่ยนประเด็น ทำให้เหยียนหมิงซุ่นมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“คนที่ทำกู่ใส่ผมเป็นเจ้าของมันใช่ไหม?”
“ก็ไม่แน่เสมอไป ไม่สิ ความน่าจะเป็นส่วนมากจะไม่ใช่ เจ้าของจะต้องเป็นชาวเหมียวเจียงและต้องเป็นคนชนเผ่าโบราณของเหมียวเจียงด้วย คนเหล่านี้มักอาศัยอยู่ในหุบเขาลึกปลีกวิเวกจากโลกภายนอกและไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็น เขาจะวางแผนลอบทำร้ายนายได้อย่างไร?” หมอกู้กล่าวปฏิเสธ
เขาพูดเสริมอีกว่า “แต่คนที่วางแผนทำร้ายนาย แน่นอนว่าจะต้องมีความสัมพันธ์กับเหมียวเจียง นายสามารถหาเบาะแสของเจ้าของกู่ได้จากเขา”
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ขอแค่ยังพอมีหนทางต่อให้เขาต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องตามจับตัวไอ้ชาติชั่วที่วางแผนลอบทำร้ายเขามาให้ได้
หมอกู้อ้าปากอยากจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ช่างเถอะ ไม่พูดอะไรที่ทำเด็กสองคนนี้หมดกำลังใจจะดีกว่า!
อันที่จริงหมอกู้ไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น เขาคิดว่าเจ้าของกู่ไม่น่ามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แล้ว เมื่อสังคมเจริญก้าวหน้า โดยพื้นฐานชาวเหมียวเจียงส่วนใหญ่ก็กลายเป็นคนฮวาเซี่ยไปแล้ว ชาวเหมียวเจียงที่อยู่ในหุบเขาลึกส่วนใหญ่ต่างก็ออกมาเช่นกัน อีกทั้งไม่ยินดีที่จะกลับไปใช้ชีวิตยากลำบากในหุบเขาลึกอีก
หลายปีก่อนเขาไปเหมียวเจียงมาครั้งหนึ่ง เขาได้ยินมาว่าชนเผ่าโบราณที่นั่นสูญพันธุ์ไปแล้ว แน่นอนว่าศาสตร์กู่ก็หายสาบสูญไปด้วยเช่นกัน
เหยียนหมิงซุ่นจะไปตามเจ้าของกู่จากที่ไหนล่ะ!
…………………………………………..