ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1820 นางฟ้าปีกหัก + ตอนที่ 1821 แม่ที่ไร้ประโยชน์
ตอนที่ 1820 นางฟ้าปีกหัก
ตามคำชี้แนะของเหยียนหมิงซุ่นทั้งโจวซิงเอ๋อร์และคุณนายโจวต่างก็ได้รับการช่วยเหลือออกมา ตอนที่โจวจื่อหัวมาถึง คุณนายโจวก็พาหลานสาวหนีออกมาแล้ว โชคดีที่มารับได้ทันเวลา
แต่ที่น่าเสียดายก็คือคุณนายโจวถูกยิงหลายนัด เมื่อถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาลเธอก็เสียชีวิตแล้ว ก่อนตายเธอจ้องโจวซิงเอ๋อร์แล้วพูดกับเธอด้วยเสียงขาด ๆหาย ๆว่า “จงเข้มแข็ง…มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ…”
โจวซิงเอ๋อร์พยักหน้ารับอย่างสะอึกสะอื้น แม้ว่าเธอจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอปรารถนาอยากมอบชีวิตของตัวเองให้คุณย่าเหลือเกิน
เธอสกปรกเสียยิ่งกว่าโคลนตม แม้กระทั่งหายใจยังสร้างมลพิษทางอากาศเลย คนอย่างเธอยังมีคุณสมบัติอะไรให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก?
“คุณย่า…คุณย่าอย่าตายนะ…วันหลังหนูจะเชื่อฟังคุณย่าทุกอย่างเลย ขอร้องนะคะ คุณย่าห้ามตาย…”
แต่ไม่ว่าเธอจะขอร้องอย่างไร ร่างของคุณนายโจวกลับค่อย ๆเย็นขึ้น และดวงตาก็ค่อย ๆปิดลงช้า ๆ…
“คุณย่า…”
โจวซิงเอ๋อร์จับมือคุณนายโจวเอาไว้แน่น ไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าคุณนายโจวได้จากไปแล้ว เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ร้องไห้ให้คุณนายโจวและร้องไห้ให้ตัวเธอเองด้วย
วันก่อนเธอยังเป็นเจ้าหญิงน้อยที่มีแต่ความสุขอยู่เลย ในชีวิตมีแต่แสงสว่างและความสุขสดใส
แต่ตอนนี้เธอกลับปีกหักไม่สามารถบินได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้ในชีวิตของเธอจะเหลือเพียงความมืดมนและความเศร้าโศก
เธอไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้อีก!
แม้กระทั่งจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเธอยังไม่กล้าเลย!
เหมยเหมยไปร่วมงานศพของคุณนายโจว อันที่จริงมันกะทันหันเกินไป เธอยังไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้ คุณนายโจวที่เพิ่งคุยกับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้กลับแยกกันอยู่คนละภพเสียแล้ว
เฮ้อ!
โจวซิงเอ๋อร์สวมชุดไว้ทุกข์ ท่าทีเหม่อลอยไร้วิญญาณ นัยน์ตาสูญสิ้นซึ่งความร่าเริงสดใสเหมือนกับบึงน้ำที่เงียบสงัด ริมฝีปากแห้งแตก ใบหน้าซีดขาว รู้แค่ว่าต้องแสดงความเคารพให้แขกที่มาร่วมงานราวกับหุ่นยนต์ไปเรื่อย ๆโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
เรื่องที่หลานสาวของโจวจื่อหัวถูกข่มขื่นและถูกถ่ายเป็นหนังใต้ดิน คนทั่วไปรู้กันไม่เยอะนักแต่ก็ไม่ใช่ความลับในแวดวงสังคม คนที่มาร่วมงานต่างก็เป็นคนในแวดวงสังคม สายตาที่มองไปที่โจวซิงเอ๋อร์จึงเต็มไปด้วยความเห็นใจ แต่มันก็ยิ่งทิ่มแทงเด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้มากขึ้นเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รับรู้ เธอปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะขังตัวเองเอาไว้แล้วตัดขาดจากโลกใบนี้
แต่เธอไม่สามารถทำได้!
เธออยากจะมาส่งคุณย่าเป็นครั้งสุดท้าย!
“ซิงเอ๋อร์ ต้องเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้นะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่” เหมยเหมยปวดใจที่โจวซิงเอ๋อร์เป็นแบบนี้จึงกอดเธอแน่น อดไม่ได้ที่จะพูดโน้มน้าวใจ
โจวซิงเอ๋อร์ชะงักไป คำพูดนี้เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะคุณย่าก็ชอบพูดแบบนี้ แต่ตอนนี้คุณย่าไม่อยู่แล้ว เธอเองก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เหมือนกัน!
“พี่เหมย…ฉัน…ฉัน…”
โจวซิงเอ๋อร์น้ำตาไหลพราก อารมณ์ที่ตึงเครียดมาตลอดก็ผ่อนคลายลงทันที เธอฝืนต่อไปไม่ไหวจึงเป็นลมล้มหมดสติไป สะใภ้ใหญ่ของตระกูลโจวที่จับตามองเธออยู่ตลอดนั่นก็คือแม่ของโจวซิงเอ๋อร์รีบถลาเข้ามา กล่าวขอบคุณเหมยเหมยอย่างซาบซึ้งใจก่อนจะประคองโจวซิงเอ๋อร์ไปพักผ่อน
เหมยเหมยถอนหายใจยาว ดูท่าทางโจวซิงเอ๋อร์แล้ว การเดินออกมาจากเรื่องเลวร้ายเกรงว่าคงเป็นเรื่องยาก!
หลังเสร็จสิ้นงานศพของคุณนายโจว เหมยเหมยก็ไปเยี่ยมโจวซิงเอ๋อร์อีกครั้ง นี่เป็นคำขอร้องของคุณนายโจวก่อนเสียชีวิต ถึงแม้โจวซิงเอ๋อร์จะเหม่อลอยไร้ชีวิตชีวาแต่ก็ยังหลงเหลือความโกรธให้เห็นอยู่ ตอนเห็นหน้าเหมยเหมยก็ยังยิ้มได้บ้าง แต่กลับเป็นเพียงยกยิ้มที่มุมปากเบาบางเท่านั้น ไม่เหมือนเสียงหัวเราะอันสดใสดั่งในวันวาน
ช่างเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนปวดใจเหลือเกิน…
แต่ยิ้มออกมาได้บ้างก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี เวลาจะช่วยเยียวยาความเจ็บปวดเอง แสงตะวันจะค่อย ๆส่องแสงจนเต็มห้องหัวใจ เหมยเหมยมีความเชื่อมั่นในตัวโจวซิงเอ๋อร์
แต่ว่า——
เพิ่งจะกลับมาถึงบ้านได้ไม่นานเหมยเหมยก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของโจวซิงเอ๋อร์ น้ำเสียงดูกังวลเป็นอย่างมาก “คุณหนูจ้าว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆแต่ซิงเอ๋อร์ไม่ยอมพบหน้าใครทั้งนั้น เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ฉันเป็นห่วงมาก คุณหนูจ้าวพอจะช่วยพูดเกลี้ยกล่อมหน่อยได้ไหม? ฉันกลัวเธอจะทำเรื่องโง่ ๆ…”
…………………………………………..
ตอนที่ 1821 แม่ที่ไร้ประโยชน์
สายในโทรศัพท์พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง แม่ของโจวซิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่มีความคิดเห็นใด ๆเป็นของตัวเอง พอเจอปัญหาก็เอาแต่ร้องไห้ ในโทรศัพท์ก็เหมือนกันพูดจาจับใจความไม่ค่อยได้ เหมยเหมยเป็นห่วงโจวซิงเอ๋อร์จึงให้เสี่ยวอวิ๋นเตรียมรถ และกลับไปที่คฤหาสน์โจวอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนที่หนูจะกลับซิงเอ๋อร์ยังดี ๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์ทำหน้าเศร้ารอเธออยู่หน้าประตูใหญ่ พอเห็นเหมยเหมยก็ทำหน้าเหมือนเจอผู้ช่วยชีวิต “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ หลังจากที่คุณหนูจ้าวกลับไป คนรับใช้ก็เอาพัสดุมาให้โจวซิงเอ๋อร์ หลังจากที่เห็นมันเธอก็ล็อกประตู ทั้งร้องไห้ทั้งกรีดร้องโวยวาย…” แม่ของโจวซิงเอ๋อร์ร้องไห้ฟูมฟายพลางพูดเสียงขาด ๆหาย ๆ
เหมยเหมยมุ่นคิ้วแล้วถามว่า “ในพัสดุมีอะไรเหรอคะ?”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่เห็นของเลย” แม่ของโจวซิงเอ๋อร์ส่ายหน้าด้วยความกลัว เหมยเหมยเห็นดังนั้นก็แทบระเบิดอารมณ์ออกมา
ภรรยาคุณชายใหญ่ของตระกูลโจวผู้นี้เทียบกับคุณนายโจวไม่ติดเลยแม้แต่ปลายนิ้วก้อย ซิงเอ๋อร์มีแม่แบบนี้ ช่างเป็นการทำร้ายเธอจริง ๆ!
“ซิงเอ๋อร์ขังตัวเองไว้นานเท่าไรแล้วคะ?” เหมยเหมยเบื่อที่จะถามถึงคนส่งพัสดุ ถามไปก็คาดว่าคงไม่รู้อะไรเช่นกัน
“เกือบสองชั่วโมงแล้ว ก่อนหน้านี้ซิงเอ๋อร์ยังพอมีการเคลื่อนไหวอยู่บ้างแต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงด้วยซ้ำ ฉันกลัวว่าซิงเอ๋อร์จะทำเรื่องโง่ ๆก็เลยโทรไปรบกวนคุณหนูจ้าว…”
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์รู้สึกกระดากใจเล็กน้อย เธอไม่เคยทักทายพูดคุยกับเหมยเหมยเลย เธอรู้เพียงว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ที่แม้แต่ขันทีก็มิกล้าล่วงเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเกิดเรื่องกับซิงเอ๋อร์ เธอคงไม่แม้แต่จะกล้าพูดกับเหมยเหมย
เหมยเหมยถอนหายใจ โจวซิงเอ๋อร์ไม่เปิดประตู เธอก็ไม่คิดจะเรียกคนมาทุบประตูเลยหรือไง?
ถ้าโจวซิงเอ๋อร์ทำเรื่องโง่ ๆขึ้นมาจริง ๆ รอเธอมาถึงแล้วจะยังทันการเหรอ?
“ฉันไปดูเองค่ะ” เหมยเหมยไม่อยากคุยกับคุณนายโจวผู้เป็นภรรยาของคุณชายใหญ่อีกแล้ว ช่างเหนื่อยใจเหลือเกิน
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์เดินตามหลังเธอด้วยท่าทีกระวนกระวายและหวาดกลัว เธอมีซิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เนื่องด้วยปัญหาของร่างกายจึงไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะโจวจื่อหัวกับคุณนายโจวกดดันละก็เธอคงถูกสามีขอหย่าไปนานแล้ว
แต่เธอมีเพียงศักดิ์อันว่างเปล่าในฐานะของคุณนายใหญ่ของตระกูลโจวเท่านั้น ความหวังเดียวของเธอล้วนตกอยู่ที่ซิงเอ๋อร์ เพราะโจวซิงเอ๋อร์เป็นหลานสาวคนโปรดของทั้งสองเฒ่า ชีวิตของเธอในตระกูลโจวจึงดีขึ้นมามาก
แต่ตอนนี้…
โชคชะตาอันเลวร้ายของซิ่งเอ๋อร์…ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?
พอนึกถึงเรื่องเจ็บปวดขึ้นมาความเศร้าโศกก็ถาโถมใส่คุณนายใหญ่โจว เธอเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เธอไม่กล้าร้องไห้เสียงดังนักแต่นั่นกลับทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อย
“คุณนายโจวคะ ตอนนี้สิ่งที่ซิงเอ๋อร์ต้องการที่สุดคือแม่ที่เข้มแข็งแต่ไม่ใช่แม่ที่ร้องไห้จนน่าเวทนายิ่งกว่าเธอ สภาพคุณในตอนนี้จะทำให้ซิงเอ๋อร์เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม”
เธออดแขวะไม่ได้ คุณนายใหญ่โจวจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาพลางโทษตัวเองว่า “ฉันก็ไม่ได้อยากจะร้องหรอกค่ะ…แต่พอนึกถึงซิงเอ๋อร์ขึ้นมา…ฉันก็อดไม่ได้ จากนี้ซิงเอ๋อร์จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร?”
“ควรจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้นแหละค่ะ ซิงเอ๋อร์ไม่ใช่แค่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขแต่เธอจะต้องมีชีวิตที่สดใสมากกว่าเมื่อก่อน ต่อไปคุณนายโจวอย่าได้พูดคำพวกนี้ต่อหน้าซิงเอ๋อร์อีกนะคะ สิ่งที่คุณต้องทำคือการให้กำลังใจซิงเอ๋อร์ ถ้าให้กำลังใจไม่ได้ก็ต้องยิ้มอย่างมีความสุขในทุก ๆวัน อย่าเอาแต่ทำหน้าเศร้าร้องไห้ไปวัน ๆแบบนี้!”
วัน ๆเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย และแววตาที่บอกว่า ‘จากนี้ไปเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร’ ทำนองนั้น ต่อให้เป็นคนปกติก็คงถูกบีบให้กลายเป็นคนบ้าได้
คุณนายใหญ่โจวปิดปากเงียบด้วยอารมณ์ครุกรุ่น แต่ในใจกลับไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเหมยเหมย
คนยืนพูดไม่ปวดเอว[1] ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเองจะรอดูสิว่าจะยังหัวเราะออกอีกไหม?
เธอเสียใจแทนลูกสาวมันผิดหรือไง?
ห้องของโจวซิงเอ๋อร์ปิดสนิท ภายในห้องเสียงเงียบกริบ เงียบจนทำให้รู้สึกเป็นกังวล
“ซิงเอ๋อร์ เปิดประตูหน่อยสิ พี่คือพี่เหมยของเธอเองนะ มีเรื่องจะขอให้เธอช่วยหน่อย!” เหมยเหมยเคาะประตูแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนทุกครั้งที่คุยกัน ผ่อนคลายเอามาก ๆ
…………………………………………………………………………………………..
[1] เปรียบเปรยได้ว่า หากไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ไม่เข้าใจ