ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1892 ฉันและเธอเป็นคนรู้จักเก่าแก่กัน + ตอนที่ 1893 อู่เยวี่ยที่เสียดายในภายหลัง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1892 ฉันและเธอเป็นคนรู้จักเก่าแก่กัน + ตอนที่ 1893 อู่เยวี่ยที่เสียดายในภายหลัง
ตอนที่ 1892 ฉันและเธอเป็นคนรู้จักเก่าแก่กัน
อู่เยวี่ยระงับความโกรธไว้เพราะชื่อเสียงของเธอถูกจ้าวเหมยทำลายจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ตอนนี้เธอต้องพยายามกู้มันคืนกลับมาถึงจะได้ อย่าตกหลุมพรางของนังแพศยาจ้าวเหมยเด็ดขาด
“จ้าวเหมยทำไมเธอถึงต้องพุ่งเป้ามาที่ฉันล่ะ? ฉันกับเธอไม่มีความแค้นบาดหมางต่อกัน แม้กระทั่งไปมาหาสู่กันยังไม่เคยเลยแต่เธอกลับให้ร้ายฉันแบบนี้ ต่อให้ฉันจะมีความผิดจริงแต่ลูกในท้องฉันไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เธอกลับด่าทอเขาอย่างร้ายกาจ…”
อู่เยวี่ยลูบท้องเบา ๆ น้ำตาไหลพราก
ผู้หญิงรอบกายส่วนมากมีลูกกันแล้ว เรื่องที่ได้ยินมาทำให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจอู่เยวี่ยอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเด็กก็ไร้เดียงสา มีคุณนายคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณหนูจ้าว เกรงว่าคุณและคุณนายเฮ่อเหลียนจะมีอะไรเข้าใจผิดกันนะคะ คุยให้ชัดเจนกันเองจะดีกว่า อย่าเอาเรื่องเด็กมาพูดเลยนะคะ”
คุณนายคุณหญิงคนอื่น ๆต่างก็พยักหน้า พูดคล้อยตามด้วยเสียงเบา
“ฉันและเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันหรอกค่ะ” เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยพลางยิ้มอย่างเย็นชาพูดต่อไปว่า “ฉันและคุณนายเฮ่อเหลียนจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันได้อย่างไร ไม่รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเราลึกซึ้งมากขนาดไหนเชียว อาเมย์…เธอว่าไหมล่ะ?”
เธอจงใจเน้นน้ำเสียงภาษาอังกฤษ ดวงตาเย็นชาดุดันขึ้น ท่าทางเช่นนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าจะต้องมีเรื่องบาดหมางใจระหว่างเธอกับอู่เยวี่ยแน่นอน แล้วจะเป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้งได้อย่างไร?
คุณนายหลายคนต่างก็เป็นคนที่ผ่านโลกมาเยอะ แค่มองสถานการณ์ก็รู้แล้วว่าไม่ปกติจึงหาคำแก้ต่างขอตัวกันไปหมดเพราะไม่อยากจะเข้าไปผสมโรงด้วย
เหมยเหมยต้องการแบบนี้พอดี ไม่มีคนอยู่รอบ ๆก็ดี มีคำพูดบางอย่างที่เธอไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน
อู่เยวี่ยใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม จ้าวเหมยตั้งใจเรียกชื่อภาษาอังกฤษของเธอแบบนี้หมายความว่าไง?
หรือว่าเธอเจออะไรเข้าแล้ว?
ไม่…เป็นไปไม่ได้ อู่เยวี่ยปฏิเสธเสียงแข็ง เธอมีความมั่นใจในทักษะการแสดงของเธอเป็นอย่างมาก และเมื่อสามปีก่อนจ้าวเหมยก็เห็นเธอตายกับตาของเธอเอง แล้วจะสงสัยเพราะชื่อภาษาอังกฤษได้อย่างไรกัน?
อีกอย่างสาว ๆที่ไปเรียนต่อต่างประเทศชื่ออาเมย์ก็มีมากราวกับขนวัว เพราะเหตุนี้เธอจึงกล้าใช้ชื่อนี้อย่างอาจหาญ และเป็นเพราะเธอต้องการย้ำเตือนตัวเองว่าเธอไม่ใช่โอหยางซานชาน เธอคืออู่เยวี่ย
“จ้าวเหมยเธอกำลังพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย? ฉันและเธอเคยมีมิตรภาพต่อกันตั้งแต่เมื่อไร ช่างตลกเสียจริง” อู่เยวี่ยยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ
เหมยเหมยทำหน้าเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ฉันกับอาเมย์สนิทสนมกันมานานกว่าสิบปี เธอจะไม่ยอมรับได้ไง!”
เดือนห้า…อู่เยวี่ย…
อู่เยวี่ยคนนี้ก็ช่างใจกล้าจริง ๆ ใช้ชื่อจริงเป็นชื่อภาษาอังกฤษอย่างโจ่งแจ้ง นี่คิดว่าทุกคนโง่มากหรือไง?
ก็ใช่ หากไม่ใช่เพราะว่าเหยียนหมิงซุ่นค้นพบมันเข้า จนถึงตอนนี้เธอก็คงจะไม่ตระหนักถึงความลับของชื่อภาษาอังกฤษนี้แน่ โง่จริง ๆนั่นแหละ!
และนี่จึงทำให้เหมยเหมยเดือดดาลมาก นี่อู่เยวี่ยกำลังทำเหมือนเธอเป็นคนโง่!
คำพูดที่เหมือนว่าจะใช่ มันทำลายเกราะป้องกันทางจิตใจของอู่เยวี่ยได้อย่างง่ายดาย เธอมองพิจารณาเหมยเหมยอย่างระแวดระวังเพื่อต้องการตรวจสอบว่าตัวตนของตัวเองถูกเปิดเผยแล้วจริง ๆหรือไม่
เหมยเหมยอมยิ้มพูดว่า “โอหยางซานซานเธอช่างเป็นคนขี้ลืมเสียจริง ฉันกับเธอรู้จักกันมาสิบกว่าปี เมื่อก่อนเธอยังเคยมากินข้าวที่บ้านคุณปู่ของฉันอยู่เลย ไม่รู้ว่าตอนนั้นย่าของฉันชอบเธอมากแค่ไหน รักเธอเหมือนหลานในไส้ด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ล่ะ?”
อู่เยวี่ยถึงได้ถอนหายใจโล่งอก เธอจึงนึกถึงข้อมูลที่เคยอ่านก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าโอหยางซานซานจะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวจริง ๆ และด้วยเหตุผลนี้ความสัมพันธ์ของจ้าวเหมยกับย่าของเธอจึงแย่ลง
“แน่นอนว่าฉันจำได้ แต่ฉันแค่กลัวว่าจิตใจอันคับแคบของเธอจะกำเริบอีกครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่กล้าพูดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา พูดถึงก็คิดถึงคุณย่าเหมือนกันนะ ย่าของเธอใจดีกับฉันมากเลย” อู่เยวี่ยยิ้มและจู่โจมกลับ
“พูดได้น่าฟังดีนี่ เธอกลับเมืองหลวงมาตั้งหลายเดือนแล้วก็ไม่เห็นเธอไปเคารพหลุมศพของคุณย่าฉันเลย ฉันว่าย่าของฉันคงรักนังอกตัญญูอย่างเธอเก้อแล้วล่ะ”
เหมยเหมยตอกกลับไปอย่างไม่เกรงใจแล้วหมุนตัวกลับไปหาเหยียนหมิงซุ่น เมื่อครู่เธอเกือบจะทนไม่ไหวเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของอู่เยวี่ยแล้ว หากอยู่ต่อกลัวว่าเธอจะทนต่อไม่ไหวจริง ๆ เธอจะทำลายแผนการของเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้
ต้องอดทนไว้!
………………………………………………………..
ตอนที่ 1893 อู่เยวี่ยที่เสียดายในภายหลัง
เหยียนหมิงซุ่นทักทายพวกตระกูลเศรษฐีและนักการเมืองที่มีชื่อเสียง คนเหล่านี้ต่างตื่นตะลึงที่ได้รับความเมตตา นึกแอบดีใจที่พวกเขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับพวกเมียน้อยแต่ตามภรรยามาด้วย มิฉะนั้นจะมีโอกาสใกล้ชิดกับคุณชายหมิงได้อย่างไร?
ภรรยาหลวงนี่พึ่งพาได้มากจริง ๆ!
เหมยเหมยเดินเข้ามา เหยียนหมิงซุ่นจึงหยุดทักทายแล้วจูงมือเธอไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังต่างอาลัยอาวรณ์แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะรั้งคุณชายหมิงไว้ สามารถพูดคุยเล็กน้อยสองสามนาทีอย่างเมื่อครู่ได้ นี่ก็มากพอสำหรับเอาไปคุยโวข้างนอกแล้ว
“อีกเดี๋ยวถูกใจอันไหนก็ซื้อเลยนะ” เหยียนหมิงซุ่นก้มศีรษะพูด ในเมื่อมาร่วมงานการกุศลก็ต้องเสียเงินบ้างไม่อย่างนั้นคนข้างนอกจะเอาไปพูดลับหลังไม่ดีได้
เหมยเหมยอมยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันไม่ประหยัดเงินพี่อย่างแน่นอน จะซื้อแต่ของแพง ๆเลย”
“ร้ายไม่เบา”
เหยียนหมิงซุ่นบีบหน้าเธอเบา ๆ สายตาที่รักใคร่เอ็นดูทำเอาหัวใจของผู้หญิงนับไม่ถ้วนหลอมละลาย ทั้งอิจฉาและเกลียด…
จ้าวเหมยทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้นะ สามารถหาคุณชายหมิงที่เป็นทั้งสุภาพบุรุษและมีความสามารถมากเจอได้ และยังเป็นผู้ชายที่รักทะนุถนอมเธอมากด้วย?
มีผู้หญิงบางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองสามีที่อยู่ข้าง ๆ จะมองอย่างไรก็รู้สึกรังเกียจ ทั้งหัวล้าน อ้วน พุงพลุ้ย…เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายขี้เล็บของคุณชายหมิงด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถที่เทียบคุณชายหมิงไม่ติดเลย!
สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณชายหมิงรักคุณหนูจ้าวคนเดียว นี่เป็นสิ่งที่มีชีวิตอย่างผู้หญิงเราต่างใฝ่หา คุณชายหมิงรักคุณหนูจ้าวมากเป็นสิ่งที่รู้กันทั่วทั้งเมืองหลวง วันนี้ได้เห็นกับตาของตัวเองแล้ว พวกคุณนายที่หน้าตาสดใสสวยสง่าเหล่านี้กลับอิจฉาในใจไม่หยุด
ผู้ชายของพวกเธอหน้าตาไม่ดีเท่าคุณชายหมิง ไม่มีความสามารถเท่าคุณชายหมิง แถมยังไม่รักเดียวใจเดียวอย่างคุณชายหมิง นังจิ้งจอกด้านนอกมีมากหยั่งกับขนวัว ไม่มีลูกนอกสมรสมาเป็นโขยงพวกเธอก็แอบยิ้มแล้ว
แต่ก็ปวดใจไม่น้อยเลย!
อู่เยวี่ยก็แอบอิจฉาเช่นกัน เธอเองก็นั่งอยู่โต๊ะวีไอพีและอยู่ไม่ไกลจากพวกเหมยเหมย เพียงแต่ว่าเธออยู่คนเดียว เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้มากับเธอด้วย
เดิมทีเธอไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนแรกอู่เยวี่ยอธิบายไปว่าคุณชายเช่อมีงานที่ต้องจัดการมากมายทุกวัน ไม่มีแม้กระทั่งเวลาก้มเก็บเงินด้วยซ้ำ ไหนเลยจะมีเวลานั่งเครื่องบินมาร่วมงานการกุศลได้ แน่นอนว่าคนอื่น ๆก็คิดเช่นนั้นด้วยเป็นธรรมดา คนอย่างคุณชายเช่อต้องยุ่งมากแน่ ๆ ไหนเลยจะเกียจคร้านเหมือนผู้ชายของพวกเธอกันล่ะ?
แต่ตอนนี้——
คนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับคุณชายเช่ออย่างคุณชายหมิงกลับมาเป็นเพื่อนคู่หมั้น ดูการเอาใจใส่นี้สิช่างทำให้คนพากันอิจฉาตาร้อนเสียจริง!
อู่เยวี่ยรู้สึกแค่ว่าใบหน้าร้อนผ่าว จ้าวเหมยนังแพศยาจะต้องจงใจแน่นอน จงใจทำให้เธอขายขี้หน้า!
พวกคุณหญิงคุณนายตระกูลผู้ดีต่างรู้ดีแก่ใจ ทุกคนส่งสายตากันอย่างรู้ใจรู้ไส้รู้พุงเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
มองออกแต่ไม่พูด!
แต่ว่าพวกหล่อนกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เมื่อก่อนมักได้ยินเสมอว่าตอนอยู่บ้านอู่เยวี่ยจะได้รับความรักความเอาใจใส่จากคุณชายเช่อมากจนทำให้พวกเธออิจฉากันแทบตาย แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว!
ที่แท้คนเราพอขาดสิ่งไหนก็จะโอ้อวดสิ่งนั้น ความรักที่แท้จริงจำเป็นต้องพูดทุกวันหรือไง?
ต้องเหมือนคุณหนูจ้าวเหมย เธอไม่เห็นต้องพูดอะไรเลย แต่ใครจะกล้าพูดว่าคุณชายหมิงไม่รักเธอ?
อู่เยวี่ยรู้สึกถึงสายตาเย้ยหยันของผู้หญิงรอบกายก็ยิ่งกำหมัดแน่นจนเล็บฝังเข้าฝ่ามือ ทั้งแค้นใจและอิจฉา
เมื่อก่อนเธอไม่เห็นเหยียนหมิงซุ่นอยู่ในสายตามากแค่ไหน ตอนนี้ก็ยิ่งเสียดายมากแค่นั้น!
ใครจะไปรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นที่พ่อไม่รักแม่เลี้ยงไม่สนใจในตอนนั้นจะมีตำแหน่งใหญ่โตเหมือนในตอนนี้ได้ล่ะ?
และเหยียนหมิงต๋าที่เธอดู ๆไว้ว่าน่าจะไปได้ดี ตอนนี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย เธอได้ยินมาว่าไปอยู่ในกองทัพแล้ว เชอะ หัวสมองหมูอย่างเหยียนหมิงต๋าจะสามารถสร้างชื่อเสียงความสำเร็จอะไรในกองทัพได้?
เมื่อก่อนเธอช่างตาบอดเสียจริง ๆ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มสานสัมพันธ์กับเหยียนหมิงซุ่นก่อนเลย ตอนนี้ผู้หญิงที่จะได้นั่งข้างเหยียนหมิงซุ่นให้คนอื่น ๆอิจฉาตาร้อนคงเป็นเธอไปแล้ว!
ในตอนนั้นเธอดีเลิศกว่าจ้าวเหมยร้อยเท่า น่าเสียดายที่ตอนนั้นเธอไม่ได้ทำดีต่อเหยียนหมิงซุ่นจนทิ้งโอกาสดี ๆให้นังแพศยาจ้าวเหมยนั่นไป!
ช่างแค้นใจจริง ๆ!
……………………………………………………………