ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1902 เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม + ตอนที่ 1903 ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงิน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1902 เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม + ตอนที่ 1903 ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงิน
ตอนที่ 1902 เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม
วันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นส่งนักบัญชีไปดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทางด้านอู่เยวี่ยยังคงรักษาลูกในครรภ์อยู่ ยังมีอาการมึนงงไม่ได้สติอยู่เลย
รออู่เยวี่ยฟื้นตัวดีขึ้นนักบัญชีชั้นนำกลุ่มนี้คงตรวจสอบการเงินของมูลนิธิเสร็จไปแล้วหนึ่งรอบ จะว่าไปหนิงเฉินเซวียนก็วางใจมูลนิธิแห่งนี้มากเกินไป สมุดบัญชีทำเหมือนเด็กประถม ความรู้พื้นฐานด้านการเงินไม่มีเลยสักนิด การตรวจสอบบัญชีจึงเป็นเรื่องง่ายเสียเหลือเกิน
การทำงานของสำนักงานเทียนอิงมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง เพียงไม่กี่วันหลักฐานการฟอกเงินของมูลนิธิก็ส่งมาถึงมือเหยียนหมิงซุ่นซึ่งเป็นกระทำการอย่างลับ ๆโดยไม่ให้ใครรู้ ถึงแม้หนิงเฉินเซวียนจะเก่งกาจแต่ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยสักนิด ซ้ำยังทำแบบนี้มาเป็นสิบ ๆปีโดยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย
และเป็นเพราะหนิงเฉินเซวียนชะล่าใจคิดว่าไม่มีทางเกิดปัญหาขึ้นแน่ จึงทำให้เหยียนหมิงซุ่นหาจังหวะจับช่องโหว่นั้นได้ และในตอนนี้หนิงเฉินเซวียนก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซึ่งตรงกับความตั้งใจของเหยียนหมิงซุ่นพอดี เขายังไม่อยากจะฉีกหน้าของหนิงเฉินเซวียนตอนนี้เพราะยังไม่ถึงเวลา
แต่เหตุการณ์นี้ใช้เป็นผลประโยชน์ให้ภรรยาของเขาได้
อู่เยวี่ยตกที่นั่งลำบาก ภาวะครรภ์ของเธอค่อนข้างย่ำแย่ หมอเตือนเธอแล้วว่าหากยังไม่ยอมพักผ่อนร่างกายก็คงไม่อาจรักษาทารกในครรภ์ไว้ได้อีก
เด็กในท้องของอู่เยวี่ยเป็นดั่งไพ่สุดท้ายในมือ เธอจึงไม่ขัดขืนจำใจยอมดูแลครรภ์อยู่ที่บ้าน แต่ทางด้านคุณนายเฮ่อก็เอาแต่โทรมาร้องไห้คร่ำครวญถึงเงินสองแสนของเธอวันละหลายสิบสาย ร้องไห้จนเธอนึกรำคาญใจ
สองแสนแล้วยังไง?
เธอเสียไปตั้งหนึ่งล้าน!
สิ่งสำคัญก็คือมูลนิธิแห่งนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอ หนิงเฉินเซวียนจึงยอมให้เธอจัดการดูแลได้อย่างง่ายดาย หากตอนนี้เกิดช่องโหว่ขึ้นเธอคงสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากหนิงเฉินเซวียน อีกหน่อยถ้าคลอดลูกออกมาแล้วเธอคงกระดิกตัวยากแน่!
“จะร้องไห้ทำไม ใครใช้ให้เธอปล่อยให้คนของเทียนอิงเข้าไปล่ะ? มาร้องไห้ตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร!”
อู่เยวี่ยปวดหัวมาก เมื่อก่อนยังเคยมองว่าคุณนายเฮ่อเป็นคนมีความสามารถ ตอนนี้ดูท่าจะสวยแต่โง่เป็นแค่ตัวถ่วงในชีวิตเธอ!
“คุณชายหมิงเป็นคนพูด ฉัน…ฉันเลยไม่กล้า…” คุณนายเฮ่ออัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก เธอจะเอาความกล้าจากไหนมาขัดคนอย่างเขาล่ะ!
อู่เยวี่ยโมโหจนปวดท้องอีกครั้งว่าด้วยเสียงเย็นชา “คุณชายหมิง คุณชายหมิง เธออย่าลืมนะว่าเธอเป็นคนของฝ่ายไหน?”
คุณนายเฮ่อร่างกายสั่นเทิ้มเสียวสันหลังวาบ สำนึกขึ้นได้ว่าตนเองพูดผิดไปจึงรีบแสดงความซื่อสัตย์ออกมาโดยการพูดประจบประแจงไปหลายคำ พอวางใจถึงค่อยวางสายและไม่กล้าโทรหาอีก
เหมยเหมยรู้เรื่องการตรวจสอบบัญชีของมูลนิธิจากเหยียนหมิงซุ่น คงไม่ต้องเอ่ยว่าเธอดีใจแค่ไหน ทางด้านจ้าวเสวียเอ๋อร์ร้อนใจจนแทบบ้า โทรเข้ามาอยู่หลายสาย “กองถ่ายเตรียมพร้อมหมดแล้ว หานจื่อจวินก็จะมาถึงพรุ่งนี้แล้ว ใบอนุญาตถ่ายทำจะได้เมื่อไร? คงไม่ต้องยืดเวลาไปถ่ายปีหน้าหรอกใช่ไหม?”
“รีบอะไรเล่า ฉันบอกแล้วไงว่าให้ถ่ายทำตามกำหนดการเดิมเลย พวกพี่ก็แค่ทำตามแผนการเดิมที่วางไว้ พิธีเปิดกล้องก็จัดการได้เลยเอายิ่งใหญ่หน่อยนะ!”
เหมยเหมยมั่นใจเป็นอย่างมาก แค่ปล่อยให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ทำตามกำหนดการเดิม เธอไม่ยอมปล่อยให้เวลายืดเยื้อแน่
จ้าวเสวียเอ๋อร์ไปทำงานต่ออย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ช่วยไม่ได้นี่ เขาทำได้แค่เชื่อใจน้องสาวผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องเขา ไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้?
เหมยเหมยร่าเริงอยู่ในบ้าน นั่งรอให้อู่เยวี่ยเป็นฝ่ายมาพบเธอก่อน เธอไม่เชื่อหรอกว่าอู่เยวี่ยจะทนไหว!
เป็นไปตามคาดหนึ่งวันก่อนตรวจสอบบัญชีก็มีสายโทรเข้าจากอู่เยวี่ย โดยพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม เธอให้เหยียนหมิงซุ่นคืนสมุดบัญชีมาให้ฉัน ส่วนฉันจะให้สำนักงาน GD[1] ปล่อยละครของเธอ”
เหมยเหมยหัวเราะร่า ถือโทรศัพท์ไว้พลางขยิบตาให้เหยียนหมิงซุ่นที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างกายพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้เขาด้วย สามีของเธอคือจูกัดเหลียงมาจุติชัด ๆ เดาสถานการณ์ได้ถูกเป๊ะไม่มีผิดเพี้ยนเลย!
[1] ชื่อย่อของ国家广播电视总局 ซึ่งหมายถึง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์แห่งชาติ
……………………………………………………..
ตอนที่ 1903 ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงิน
เหยียนหมิงซุ่นขยิบตาให้เหมยเหมยแล้วยื่นมือคว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอด เมื่อร่างกายนุ่มนิ่มหอมหวานอยู่ในอ้อมกอดของเขามันช่างทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน แถมยังได้เล่นมือน้อย ๆของภรรยาตัวเองด้วย ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว
เหมยเหมยบิดตัวไม่กี่ทีแล้วก็ไม่ได้ขัดขืนอีก จากนั้นก็นอนลงบนตักเขาวางเครื่องโทรศัพท์ลง มือหนึ่งจับหูฟังไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ซุกไซร้หน้าท้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างซุกซนคล้ายกับเด็กน้อย
“อุ้ย แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เข้าไปยุ่งเรื่องงานของผู้ชายเลยนะ เรื่องนี้ฉันคงเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ โอหยางซานซานเธอไปหาพี่หมิงซุ่นของฉันด้วยตัวเองเถอะ!” เหมยเหมยยิ้มตาหยี
อู่เยวี่ยนึกแค้นใจ ถ้าฉันหาตัวเหยียนหมิงซุ่นได้แล้วจะโทรมาหาแกให้ตัวเองหงุดหงิดแบบนี้ทำไมเล่า?
“คุณชายหมิงยุ่งจะตายฉันไม่รบกวนเขาจะดีกว่า และนี่ก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆเท่านั้นคงไม่ถึงกับต้องรบกวนคุณชายหมิงหรอกมั้ง แค่คุณหนูจ้าวจัดการก็เอาอยู่แล้ว!”
“โอหยางซานซานความเข้าใจของเธอมันช่างต่ำจริง ๆเลยนะ เรื่องทางการไม่มีเรื่องเล็ก ๆหรอกนะ เธอไม่รู้หรือไง? พี่หมิงซุ่นของฉันเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจ สำหรับเขาแล้วเรื่องทางการเล็กแค่ไหนก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องส่วนตัวใหญ่แค่ไหนก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ สองอย่างนี้แทบจะเทียบกันไม่ได้เลยนะ…”
เหมยเหมยมีสีหน้าดุดัน สั่งสอนด้วยวาทะที่เต็มไปด้วยความถูกต้อง เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างกายยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาขำขัน
ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เลยว่ายัยปีศาจน้อยของเขามีความเข้าใจลึกซึ้งขนาดนี้?
อีกเดี๋ยวจะต้องคุยกับยัยปีศาจน้อยให้ลึกซึ้งเสียหน่อยแล้ว!
อู่เยวี่ยทนฟังเหมยเหมยสาธยายบทความยาวเหยียดจนจบก็พลันจุกอยู่ในอก โมโหจนนึกอยากจะตัดสายทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ ขี้เกียจที่จะต้องมาฟังยัยชั่วจ้าวเหมยพูดพล่ามไร้สาระ!
ถ้าเหยียนหมิงซุ่นเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจจริง ๆละก็ เขาจะเอาเงินมาจากไหนมากมาย?
เงินสามแสนคืนนั้นเขาไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ!
เธอไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ทุจริต!
“คุณชายหมิงเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจจริง ๆนั่นแหละ เรื่องนี้จ้าวเหมยไม่ต้องพูดให้มากความ ประชาชนทั้งประเทศต่างก็รู้ดี” อู่เยวี่ยทนไม่ไหวจึงพูดตัดบทเหมยเหมยไป ถ้าปล่อยให้ยัยชั่วนี่พูดต่อไปคงไม่ทันการกันพอดี
เธอเองก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อเอ่ยออกไปตรง ๆว่า “จ้าวเหมย เจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอเตรียมการพร้อมหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ใบอนุญาตถ่ายทำ ถ้าต้องยืดออกไปอีกปีครึ่ง เกรงว่าความเสียหายที่จะเกิดคงไม่น้อยมั้ง!”
“ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงินสักหน่อย จะยืดเวลาก็ยืดไปสิ!” เหมยเหมยพูดอย่างไม่แยแส
อู่เยวี่ยกัดฟันกรอดอย่างโมโหจนฟันแทบแตก ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายถูกกระทำและเหมยเหมยมีอำนาจในการบงการทุกอย่าง ซึ่งจากเดิมเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายนำ แต่เป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นเข้ามายุ่งเธอเลยกลายเป็นผู้ถูกกระทำอยู่แบบนี้!
ผู้หญิงที่มีผู้ชายคอยปกป้องเป็นสิ่งที่น่าอิจฉาจนแทบบ้าคลั่ง!
อย่างเช่นยัยชั่วจ้าวเหมยนี่ไง!
พอนึกถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่ไม่เคยให้ความสนใจเธอหลังจากเธอตั้งครรภ์ ซ้ำยังไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเธอเลย อู่เยวี่ยก็รู้สึกขมที่ปลายลิ้น แม้ว่าเธอจะไม่คาดหวังสิ่งใดจากเฮ่อเหลียนเช่อ แต่สิ่งที่คนเรามักกลัวที่สุดก็คือการเปรียบเทียบ มีไข่มุกเม็ดงามอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่ตรงหน้า เธอก็อดไม่ได้ที่จะยกสองคนนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบกัน
หากว่าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นเหมือนเหยียนหมิงซุ่น คอยหนุนหลังเธอ เธอจะลำบากเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร?
อู่เยวี่ยบ่นพลางถอดถอนหายใจกับตัวเอง โกรธแค้นทั้งเฮ่อเหลียนเช่อและเหมยซูหาน ทุกคนล้วนทอดทิ้งเธอ!
สมควรตายให้หมด!
“จ้าวเหมย ขอพูดตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อมนะ เธอต้องการอะไรกันแน่?” อู่เยวี่ยตวาดเสียงดัง
เหมยเหมยหัวเราะเบา ๆ “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรนี่ คนใจดีอย่างฉันจะคิดทำร้ายคนอื่นได้อย่างไร? เพียงแต่คนอย่างฉันจะเคารพใคร คน ๆนั้นก็ต้องเคารพฉันก่อนเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ถ้ามีใครที่ไม่เกรงใจฉัน ฉันก็จะเอาคืนเป็นร้อยเท่า!”
ประโยคสุดท้ายเหมยเหมยกัดฟันพูดออกมา ความเย็นยะเยือกที่ถูกกั้นไว้ด้วยหูฟังค่อย ๆแผ่ซ่านส่งไป อู่เยวี่ยตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่
ทำไมเธอถึงสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตจากคำพูดของจ้าวเหมยนะ?
หรือว่าโอหยางซานซานจะมีความแค้นกับจ้าวเหมยด้วย?
…………………………………………………………