ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1952 ฉันยกโทษให้เธอแล้ว + ตอนที่ 1953 คลอดลูกเสร็จก็ไสหัวไป
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1952 ฉันยกโทษให้เธอแล้ว + ตอนที่ 1953 คลอดลูกเสร็จก็ไสหัวไป
ตอนที่ 1952 ฉันยกโทษให้เธอแล้ว
ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวของเหมยเหมยและความกดดันเรื่องการเงินจากเซียวจิ่งหมิงทำให้เซียวเวยไม่กล้าขัดคำสั่ง เธอได้แถลงคำขอโทษบนกระทู้มหาวิทยาลัยภายในวันนั้นซึ่งเป็นบทความยาวหนึ่งโพสต์ เนื้อหาพอใช้ได้ที่ดูแล้วนับว่ามีความจริงใจอยู่
หลังจากลงแถลงคำขอโทษติดต่อกันสามวัน เหล่าครูบาอาจารย์และนักศึกษาต่างก็รู้กันเกือบทั้งมหาวิทยาลัย เดิมเซียวเวยก็เป็นคนดังประจำมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งโด่งดังเป็นเท่าตัวจนมหาวิทยาลัยละแวกนั้นต่างรู้เรื่องนี้ไปด้วย
การแก่งแย่งชิงดีอย่างโจ่งแจ้งของดาวมหาวิทยาลัยสองรุ่น อีกทั้งตัวต้นเหตุเป็นผู้มีชื่อเสียงอยู่แล้ว หนำซ้ำมหาวิทยาลัยเมืองหลวงยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปีและมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยกว่ามหาวิทยาลัยอื่นแต่อย่างใด แต่เพื่อติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้ทำให้มีคนมาใช้บริการห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงกันทุกคืน
ห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีผู้มาใช้บริการคับคั่งตลอดสามวันจนแทบไม่มีพื้นที่ว่างให้ยืน
วันที่สามเหมยเหมยได้ตอบกลับใต้กระทู้แถลงคำขอโทษของเซียวเวย เธอไม่ได้พูดอะไรมากนักเพียงแค่ตอบกลับประโยคสั้น ๆว่า “ฉันยกโทษให้เธอแล้ว วันหลังก็หัดมีสมองหน่อย”
เหยียนซินหย่าเองก็ตามมาเสริมทัพอีกคนโดยเลือกตอบกลับกระทู้หนึ่ง เธอไม่กลัวคนนอกจะหาว่าเธอรังแกเด็กเลยสักนิด เพื่อลูกสาวผู้เป็นที่รักต่อให้ต้องรังแกข่มเหงเด็กแล้วจะทำไม?
ถ้าทำให้เธอโมโหเข้าจริง ๆ เธอยังคิดจะใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงด้วยซ้ำ!
เหยียนซินหย่าตอบกลับกระทู้ด้วยประโยคที่ดูมีนัยยะเหลือเกิน “คราวหลังเวลานักศึกษาเซียวพูดอะไรทำอะไรก็คิดให้มาก ๆหน่อย ในเมื่อไม่ใช่ทุกคนที่จะใจกว้างเหมือนลูกสาวฉัน คิดก่อนค่อยทำ โปรดจำไว้ให้ดี!”
สามวันผ่านพ้นไปเซียวเวยหายตัวไปจากรั้วมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้ออกมาทำตัวเชิดหน้าชูตาอย่างปกติ นี่จึงทำเอาคนทั้งมหาวิทยาลัยนึกอยากรู้กันว่าเธอทำอะไรอยู่ เสี่ยวอวิ๋นบอกเหมยเหมยว่าเพราะอาจารย์เซียวรู้เรื่องนี้เข้าจึงโกรธจนพังทำลายจานชามเกือบหมดบ้าน
อาจารย์เซียวให้เซียวจิ่งหมิงเรียกทนายมาทำเรื่องขอคืนสิทธิ์การเลี้ยงดูในตัวเซียวเวย ทั้งยังมัดตัวไว้ข้างกายเพื่ออบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวดทุกวัน ส่วนทางคุณนายเฉียนหรูแน่นอนว่าค่าเลี้ยงดูก็ต้องเป็นอันจบไปโดยไม่ได้เงินสักหยวนเดียว
นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างเหนือคาดสินะ!
อู่เยวี่ยที่กำลังดูแลครรภ์อยู่บ้านคอยติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด พอรู้ว่าเซียวเวยแผนล่มถูกจ้าวเหมยจับได้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มก็เกือบแท้งเพราะสะเทือนอารมณ์เกินไป
มีแต่พวกโง่ไม่เอาไหน ไม่เห็นมีประโยชน์เลยสักคนเดียว!
อู่เยวี่ยมองท้องของตัวเองอย่างไม่พอใจ เธอท้องได้ห้าเดือนแล้วและหนิงเฉินเซวียนจะให้นักโภชนาการต้มน้ำซุปบำรุงเธอทุกวันโดยลดปริมาณลงไม่ได้เลย ท้องของเธอป่องนูนขึ้นมาราวกับลูกโป่งอัดแก๊ซพร้อมกับเจ้าตัวที่อ้วนขึ้นจากเดิมหลายเท่าทั้งยังตัวบวมไม่เหลือสภาพ
นอกจากนี้ยังมีฝ้ากระเหลืองขึ้นตามใบหน้าเยอะมากและเพราะยังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์จึงใช้เครื่องสำอางไม่ได้ เธอจึงไร้หนทางจะปกปิดรอยด่างพวกนี้ หน้าตาน่าเกลียดแทบไปเจอใครไม่ได้จึงตัดสินใจอยู่ดูแลครรภ์ที่บ้านเสียเลย
สำหรับอู่เยวี่ยผู้ที่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่ได้นั้น ในหนึ่งวันจึงยาวนานเหมือนเป็นปี ได้แต่แค้นใจว่าทำไมเจ้าก้อนเนื้อในท้องยังไม่ออกมาสักทีนะ!
“คุณนาย คุณชายเช่อมาแล้ว” คนรับใช้เข้ามารายงาน
อู่เยวี่ยยิ้มร่าในใจรีบจัดองค์ทรงเครื่องอยู่หน้ากระจกก่อนจะยิ้มโอนอ่อน แม้ไม่พึงพอใจกับใบหน้าบวมฉึ่งของตัวเองนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“คุณชายเช่อ…”
เฮ่อเหลียนเช่อเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเย็นชา อู่เยวี่ยเดินเข้าไปต้อนรับ เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองภรรยาตามกฎหมายของตนอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะได้รับคำสั่งจากหนิงเฉินเซวียนเขายังไม่อยากก้าวเข้ามาในห้องนี้เลยแม้แต่ก้าวเดียว
“ช่วงนี้เด็กเป็นอย่างไรบ้าง?” เฮ่อเหลียนเช่อถามคุณหมอ
“เจริญเติบโตดี ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าเป็นเด็กผู้ชายที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก” คุณหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม
อู่เยวี่ยรู้อยู่แล้วว่าเด็กในท้องเป็นลูกผู้ชายแต่ก็ดีใจมากอยู่ดี แอบรู้สึกโชคดีที่เด็กในท้องเธอไม่ใช่เด็กอ่อนแอ หากท้องลูกผู้หญิงอนาคตก็ต้องตั้งครรภ์ใหม่อีก เช่นนี้เธอคงไม่ต้องคิดจะกลับมาหุ่นดีเหมือนเดิมอีกตลอดชีวิตแล้ว
เฮ่อเหลียนเช่อจุดยิ้มมุมปากหน่อย ๆ นี่กลับเป็นข่าวดีอีกเรื่อง เขาถาม “คุณอารู้หรือยัง?”
“ยังไม่ทันบอกคุณอาเลย ฉันอยากบอกคุณก่อนแล้วค่อยบอกคุณอา ในเมื่อคุณเป็นพ่อของเด็กนี่นา!” อู่เยวี่ยพูดเอาใจแล้วคอยสังเกตสีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อไปด้วย
…………………………………
ตอนที่ 1953 คลอดลูกเสร็จก็ไสหัวไป
ช่วงนี้คอยสู้รบปรบมือกับจ้าวเหมยทั้งในที่ลับและที่โจ่งแจ้งมาหลายคราแต่เธอกลับต้องจบด้วยการพ่ายแพ้ตลอด ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกเสียความมั่นใจไปชั่วขณะแต่เธอก็รับรู้แล้วว่าตนแพ้ที่จุดใด
ไม่ว่าจะเรื่องความฉลาดหรือฝีมือเธอล้วนเก่งกว่าจ้าวเหมยเป็นร้อยเท่าแต่เธอกลับเอาชนะจ้าวเหมยไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเป็นเพราะเธอขาดผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
หากนางแพศยาจ้าวเหมยไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหยียนหมิงซุ่น ลำพังแค่นางแพศยาคนนี้เธอใช้แค่นิ้วก้อยนิ้วเดียวก็ล้มหล่อนได้แล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับแพ้อย่างราบคาบ
ฉะนั้นเธออยากร่วมมือกับเฮ่อเหลียนเช่อ
นิสัยของตาแก่หนิงเฉินเซวียนช่างประหลาดนัก ต่อให้เธอตามประจบประแจงแต่ก็คาดเดานิสัยตาแก่คนนี้ไม่ได้อยู่ดี การสร้างสัมพันธ์กับหนิงเฉินเซวียนทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินเลียบตรงปากเหวด้วยความรู้สึกหวาดผวาทุกวัน
อีกอย่างเพราะเรื่องอัลบั้มรูปโป๊เหล่านั้นทำให้หนิงเฉินเซวียนไม่คิดจะใยดีเธออีกต่อไป อู่เยวี่ยจคงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เฮ่อเหลียนเช่อซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเฮ่อเหลียนเช่อจะรับมือง่ายกว่า
เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินอู่เยวี่ยพูดคำว่าคุณพ่อก็รู้สึกสะอิดสะเอียนใจขึ้นมาแล้วแค่นหัวเราะเผยให้เห็นรอยยิ้มแสนประหลาด เรียกให้อู่เยวี่ยใจหล่นวูบพลางรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ
“วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรก็รายงานคุณอาได้ทันที อย่าให้คนแก่ต้องรอเข้าใจไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงเย็นชา
เด็กคนนี้เป็นเพียงเครื่องมือของเขาเท่านั้น เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ!
บนโลกใบนี้สิ่งมีชีวิตที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือเด็ก!
อู่เยวี่ยมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยความตกใจ จากใบหน้าของเขาเธอไม่รู้สึกถึงความคาดหวังหรือความห่วงใยที่เขามีต่อเด็กในท้องเลยสักนิด นั้นยิ่งทำให้หัวใจของเธอดิ่งลงก้นเหว
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบเด็กคนนี้แล้วทำไมถึงให้เธอคลอดออกมาด้วยล่ะ?
“คุณชายเช่อ ตั้งชื่อลูกของเราไว้หรือยัง?” อู่เยวี่ยถามหยั่งเชิง
เฮ่อเหลียนเช่อเผยสีหน้ารังเกียจขึ้นมาชั่วขณะพลางมองอู่เยวี่ยอย่างเย็นชา “วันหลังห้ามพูดว่าลูกของเรา น่ารำคาญ เด็กคลอดออกมาก็มีคุณอาคอยช่วยเลี้ยงดูฉะนั้นเด็กคนนี้เป็นของคุณอา ชื่อก็ต้องให้คุณอาเป็นคนตั้ง เธอจะมากังวลเรื่องพวกนี้ทำไม? คอยดูแลครรภ์อยู่บ้านให้ดี จำหน้าที่ตัวเองไว้ให้ดี อย่าไปสร้างปัญหาข้างนอกให้ฉันอีก!”
อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หมายความว่าอย่างไร!
“คุณชายเช่อ เด็กคนนี้ไม่ได้ให้ฉันเป็นคนดูแลเหรอ? ฉันต่างหากที่เป็นแม่ของเด็ก!” อู่เยวี่ยพลั้งถามออกไป
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอรักเด็กคนนี้มากนักหรอก เธอแค่อยากใช้เด็กคนนี้เป็นตัวเพิ่มอำนาจต่อรองเท่านั้น ขอแค่เธอผูกพันกับเด็กได้ลึกซึ้งมากแค่ไหนสถานะของเธอก็จะสูงมากเท่านั้นและเข้าใกล้เป้าหมายของเธอมากยิ่งขึ้น!
แต่พอฟังจากน้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อในตอนนี้ดูเหมือนจะผิดไปจากที่เธอคาดการณ์เอาไว้เสียแล้ว!
เฮ่อเหลียนเช่อมองเธอด้วยสายตารังเกียจแล้วเอ่ยเสียงประชด “เธอมีสิทธิ์อะไรมาเลี้ยงดูผู้สืบตระกูลหนิงของเรา เธอจำเอาไว้ว่าเธอเป็นแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งที่ฉันไว้ใช้คลอดลูกเท่านั้น คลอดลูกเสร็จเธอก็ไสหัวไปได้แล้ว นี่ยังคิดจะเลี้ยงลูกอีกเหรอ?”
ผู้หญิงคนนี้ช่างเพ้อฝันเสียจริง!
อู่เยวี่ยหน้าซีดเผือดและซีดไปทั้งริมฝีปาก รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ถ้อยคำที่เหมยเหมยพูดไว้ก่อนหน้านี้ดังก้องอยู่ข้างหูเธออีกครั้ง ‘เธอก็แค่เครื่องมือที่เฮ่อเหลียนเช่อไว้ใช้มีลูกเท่านั้น ทางที่ดีเธอรีบอธิษฐานให้ตัวเองท้องเป็นนาจาซะเถอะ…’
ตอนนี้เธอนึกอยากให้ลูกในท้องตนเป็นนาจาขึ้นมาแล้วจริง ๆ!
เหลือเวลาอีกสี่เดือนกว่าก็จะคลอดลูก ตอนนี้เธอมีเวลาอีกไม่มากแล้ว เธอต้องรีบหาวิธีโดยเร็วที่สุด!
เฮ่อเหลียนเช่อถามอาการเด็กในครรภ์กับคุณหมออีกเล็กน้อยก่อนเตรียมตัวกลับ ก่อนกลับเขาเอ่ยเตือนอีกครั้ง “อยู่บ้านดี ๆ อยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อย ฉันหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างเซียวเวยขึ้นอีก!”
อู่เยวี่ยใจกระตุกวูบและรีบตอบรับกลับไป
เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงทีหนึ่ง ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เป็นผู้หญิงที่เก่งกาจเพียงใดจิตใจก็คับแคบอยู่ดี มักให้เรื่องเล็กน้อยส่งผลกระทบต่อส่วนรวมเสมอ
“คุณชายเช่อ…ความจริงฉันแค่โมโหที่จ้าวเหมยเอาเปรียบฉันไปหนึ่งล้านหยวนจากงานประมูลการกุศล ก็เลย…” อู่เยวี่ยแสร้งทำท่าคุกรุ่นไม่พอใจ
……………………..