ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1956 การตอบโต้ของโจวจื่อหัว + ตอนที่ 1957 ทุ่มหมดหน้าตัก
ตอนที่ 1956 การตอบโต้ของโจวจื่อหัว
ความจริงข่าวของโจวจื่อหัวได้มาจากเหยียนหมิงซุ่น ซึ่งเป็นคดีที่โอหยางซานซานเป็นฆาตกรฆ่าโอหยางสยงนั่นเอง
คดีของโอหยางสยงกลายเป็นคดีรอลงอาญาที่ฝ่ายตำรวจฮ่องกงยังตามจับฆาตกรไม่ได้ ส่วนทางฝั่งแผ่นดินใหญ่เองก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะแม้แต่ศพยังตามหาไม่พบ บวกกับโอหยางสยงเป็นกบฏที่ลักลอบหนีไปอยู่ฮ่องกงแล้ว ฉะนั้นนายใหญ่ก็คร้านจะสิ้นเปลืองทรัพยากรในการตามสืบคดีอีกจึงปล่อยเลยตามเลยไป
คนตระกูลโอหยางทำได้เพียงยอมรับความจริงแม้พวกเขาจะรู้สึกว่าหลานชายตนตายอย่างไม่ยุติธรรม แต่ตระกูลโอหยางในเวลานี้ราวกับธารน้ำแข็งชั้นบางที่ไม่มีใครเป็นผู้หนุนหลังและอิทธิพลลดน้อยลงทุกวัน จึงไม่มีหนทางตามสืบสาเหตุการตายที่แท้จริงของโอหยางสยงได้เลย
โจวจื่อหัวชี้ตัวว่าโอหยางซานซานเป็นฆาตกรลงหนังสือพิมพ์โดยตรงและใช้ชื่อเสียงที่ตนสั่งสมมาตลอดหลายปีเป็นประกัน โดยบอกว่าโอหยางซานซานจิตใจโหดเหี้ยม เนื่องด้วยความไม่พอใจที่โอหยางสยงนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอจึงลงมือฆ่าลูกพี่ลูกน้องแท้ ๆของตนอย่างทารุณ อีกทั้งยังโยนศพของโอหยางสยงให้เป็นอาหารปลาในทะเลไปแล้วด้วย
ต่อให้โจวจื่อหัวจะอธิบายเป็นเหตุเป็นผลลงหนังสือพิมพ์และชาวบ้านก็เชื่อคำพูดของเขา แต่กลับไม่มีผลทางกฎหมายต่ออู่เยวี่ยเพราะไม่มีหลักฐาน
อีกอย่างอู่เยวี่ยไม่ใช่คนฮ่องกง กฎหมายฮ่องกงไม่มีผลต่อพลเมืองต่างประเทศ
แต่โจวจื่อหัวเองไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เพื่อให้ชาวฮ่องกงดูเป็นหลัก เขาไม่มีเวลาว่างมาแต่งเรื่องระบายความในใจให้ชาวฮ่องกงอ่านหรอก
เหยียนหมิงซุ่นสั่งลูกน้องคัดลอกคำแถลงการณ์นี้ลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นให้เหมือนเดิมทุกตัวอักษร
นี่ต่างหากเป้าหมายสุดท้ายของโจวจื่อหัว
ตัวเขาไม่อาจมาแก้แค้นถึงจีนแผ่นดินใหญ่ได้ เช่นนั้นเขาจะใช้วิธีการแผนซ้อนแผน เขาต้องให้คนแพศยาอู่เยวี่ยตายทั้งเป็นไปเป็นทาสภรรยาเขาในนรกภูมิและไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีก
สำนักพิมพ์หนึ่งของเมืองหลวงได้คำแถลงการณ์นี้มาในวันแรกที่ฉลองตรุษจีนพอดี นี่เหมือนดั่งกับทิ้งระเบิดกลางมหาสมุทรทำเอาคนทั้งเมืองตะลึงงัน โดยเฉพาะคนแก่ทั้งสองของตระกูลโอหยาง
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าฆาตกรที่ฆ่าหลานชายสุดรักของพวกเขาจะเป็นหลานสาวที่ตอนนี้ได้สร้างความภาคภูมิใจแก่พวกเขาได้
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?
อู่เยวี่ยเองก็ตั้งรับกับข่าวฉุกละหุกนี้ไม่ทันจนมึนไปพักใหญ่ ตาแก่โจวจื่อหัวทำไมถึงได้เล่นตลบหลังแบบนี้?
หนิงเฉินเซวียนเห็นคำแถลงการณ์นี้ก็โมโหจนพังข้าวของในห้องทั้งหมด เส้นเลือดในสมองเกือบแตก
นับตั้งแต่อู่เยวี่ยแต่งเข้าบ้านมาเขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขสักวัน จำนวนครั้งที่ระเบิดอารมณ์มากกว่าเมื่อสิบปีที่ผ่านมาอยู่มาก ตระกูลหนิงตบแต่งสะใภ้แบบนี้เข้าบ้านนับเป็นความโชคร้ายที่สั่งสมมาแปดชั่วโคตร รอเด็กคลอดออกมาแล้วจะต้องกำจัดนังแพศยานี้ให้ได้ เขาจะปล่อยให้เธออยู่สร้างความอับอายขายหน้าคนทั้งโลกไม่ได้อีกเด็ดขาด!
หนิงเฉินเซวียนเริ่มคิดแผนฆ่าอู่เยวี่ยและตัดสินใจแน่วแน่ว่าวันที่เด็กคลอดก็คือวันตายของอู่เยวี่ย ไม่ต้องออกจากห้องคลอดด้วยซ้ำไป
เฮ่อเหลียนเช่อเองก็คาดไม่ถึงว่าโจวจื่อหัวจะทำแบบนี้ นี่เห็นได้ชัดว่าโจวจื่อหัวร่วมมือกับเหยียนหมิงซุ่นเพราะสำนักพิมพ์แห่งนั้นอยู่ภายใต้ชื่อของเหยียนหมิงซุ่น นอกจากเขาก็ไม่มีใครกล้าทำขนาดนี้แล้ว
แต่การแก้แค้นของโจวจื่อหัวก็เป็นไปตามความคาดหมายของเขา ในเมื่ออู่เยวี่ยทำให้ภรรยาของเขาต้องตาย เรื่องนี้ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็คงทนไม่ได้
ไม่นานเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้ทำการตอบโต้โดยลงแถลงการณ์เช่นกัน เขาเขียนเป็นเชิงว่าคำแถลงของโจวจื่อหัวคือการใส่ร้ายป้ายสีล้วน ๆ อีกทั้งยังเน้นย้ำว่าตอนนี้โอหยางซานซานเป็นคุณนายของตระกูลหนิง
ซึ่งความหมายของประโยคนี้ก็คือโจวจื่อหัวต้องระมัดระวังคำพูดของตัวเอง อย่าไปหาเรื่องคนที่ตนไม่ควรมีเรื่องด้วย
แต่โจวจื่อหัวไม่ได้สนใจก่อนจะลงบทความอีกฉบับที่คราวนี้ไม่ใช่คำแถลงการณ์อีกแต่เป็นบทความที่มีเนื้อหาอนาจาร โดยเขียนเรื่องราวความสัมพันธ์ลับ ๆระหว่างเขากับอู่เยวี่ยนั่นเอง
เหมยเหมยตั้งใจอ่านบทความฉบับนี้โดยเฉพาะ สำนวนการเขียนใช้ได้ซึ่งแน่นอนว่าโจวจื่อหัวได้จ้างวานมือปืนในการเขียนจึงอธิบายได้ละเอียดยิบย่อยจนถือเป็นคู่มือการสอนบทรักครั้งแรกระหว่างชายหญิงได้เลย
“พี่ ตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เหมยเหมยถามอย่างสนใจ
ทางที่ดีก็เอาให้โมโหจนลูกหลุดออกมาเลยแล้วกัน!
…………………..
ตอนที่ 1957 ทุ่มหมดหน้าตัก
“รายละเอียดไม่รู้แน่ชัดหรอกแต่ไม่สงบสุขแน่ละ เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนอารมณ์ร้ายจะตาย”
เหยียนหมิงซุ่นเองก็พึงพอใจต่อการกระทำครั้งนี้ของโจวจื่อหัวอย่างมาก นึกถึงการจ้างมือปืนมาเขียนบทความอนาจารได้…เก่งไม่เบาเลย!
เหมยเหมยหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านบทความอีกครั้ง ในบทความมีแต่เรื่องบนเตียงในวันวานของอู่เยวี่ยกับโจวจื่อหัว เห็นทีโจวจื่อหัวคงทุ่มหมดหน้าตักอย่างไม่อับอายแล้วจริง ๆ
รายละเอียดขอไม่เอ่ยถึงแต่โจวจื่อหัวได้เน้นไปที่เอกลักษณ์เฉพาะบนเรือนร่างของอู่เยวี่ยหรือก็คือรอยสักของเธอในบทความ รอยสักที่เป็นรูปนกฟินิกซ์กระโจนเข้ากองไฟ อีกทั้งจุดเด่นของรอยสักนี้ก็คือดวงตาของนกฟินิกซ์นี้คือไฝสีแดงตรงช่วงอกของอู่เยวี่ย
พออ่านถึงตรงนี้เหมยเหมยก็ลอบแค่นหัวเราะทีหนึ่ง อู่เยวี่ยมีไฝสีแดงอยู่จุดหนึ่ง ทั้งที่ความจริงเป็นเพียงไฝธรรมดาเม็ดหนึ่งเท่านั้น ตอนเด็กเธอเคยเห็นแต่เหอปี้อวิ๋นกลับบอกว่าเป็นไฝเสน่ห์ น่าขำชะมัดเลย!
จากตรงนี้เธอจึงมั่นใจได้ว่าโอหยางซานซานก็คืออู่เยวี่ยไม่ผิดตัวแน่นอน
เมื่อครั้นที่เธอถ่ายรูปโป๊เปลือยของโอหยางซานซาน เธอไม่เห็นว่าบนร่างกายของโอหยางซานซานจะมีไฝอะไร และเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีไฝขึ้นภายหลัง
แต่ก็เพราะบทความนี้ทำให้คนตระกูลโอหยางเกิดความลังเลขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าสอง บนตัวซานซานมีไฝแดงนี้ไหม? ทำไมฉันถึงจำได้ว่าไม่มีล่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าถามลูกชายคนรองโอหยางเซี่ยงหมิงด้วยสีหน้าฉงน
แม้เธอไม่ชอบหลานสาวคนนี้แต่ก็เคยเลี้ยงดูโอหยางซานซานตอนเด็กอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ย่อมรู้ดีว่าบริเวณอกหลานสาวมีไฝแดงหรือไม่ แต่เธอก็กลัวว่าอาจเป็นเพราะอายุมากเลยจำผิดถึงถามลูกชายให้มั่นใจ
โอหยางเซี่ยงหมิงส่ายหน้า “ไม่มีไฝแดงแน่นอน ตอนเด็กผมเป็นคนอาบน้ำให้ซานซานเอง บนตัวไม่มีไฝสักเม็ดเดียว”
เพราะเขาได้ลูกสาวในช่วงวัยกลางคนจึงรักใคร่เอ็นดูโอหยางซานซานเป็นอย่างมาก ตอนเด็กโอหยางซานซานได้รับการดูแลจากเขาอย่างดี ในขณะที่หวงอวี้เหลียนไม่ค่อยสนใจนัก
แต่ใครจะรู้ว่าลูกสาวที่เขารักเป็นแก้วตาดวงใจจะเป็นหลานสาวของตัวเอง หัวใจของโอหยางเซี่ยงหมิงเจ็บแปลบทีหนึ่งแล้วแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ลูกชายตายไปแล้ว หวงอวี้เหลียนก็ตายไปแล้ว…เฮ้อ!
เรื่องอดีตก็ปล่อยให้มันลอยไปตามสายลมเถอะ!
คุณย่าโอหยางถอนใจเฮือกหนึ่ง “งั้นผู้หญิงที่โจวจื่อหัวพูดถึงก็ไม่ใช่ซานซานของเราแน่นอน ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนถึงได้กล้าปลอมตัวเป็นซานซานไปเป็นชู้รักของตาแก่นั่น คนแพศยาหน้าไม่อาย…พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกให้เป็นคนแบบนี้คงได้ขายหน้าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรแล้วมั้ง”
คนอื่น ๆของตระกูลโอหยางก็ถอนใจโล่งอกทีหนึ่ง ไม่ใช่โอหยางซานซานก็พอ พวกเขาไม่อยากอับอายขายหน้าหรอกนะ!
โอหยางเซี่ยงหมิงดูรูปถ่ายของโอหยางซานซานบนหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ทั้งที่คนในรูปคือลูกสาวของเขาแท้ ๆแต่ทำไมถึงมีไฝสีแดงบนตัวได้ล่ะ?
อีกอย่างหลังจากโอหยางซานซานกลับมาจากต่างประเทศ เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ต่อหน้าลูกสาวเขาไม่กล้าพูดเสียงดังด้วยซ้ำ เขามักรู้สึกว่าโอหยางซานซานกลายเป็นคนที่สุขุมร้ายลึกซึ่งไม่คล้ายลูกสาวในความทรงจำของเขาเลยสักนิดเดียว
แต่โอหยางเซี่ยงหมิงไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น บางทีเขาอาจจะรู้สึกถึงความผิดปกติแต่เขาไม่อยากรู้ความจริง เขาคิดว่าสภาวะในตอนนี้ดีที่สุดแล้ว
เฮ่อเหลียนเช่อตามตัวโอหยางเซี่ยงหมิงให้เขาลงแถลงการณ์ตำหนิโจวจื่อหัวที่ใส่ร้ายลูกสาวของเขาอย่างโอหยางซานซาน อีกทั้งให้บอกว่าโอหยางซานซานไม่มีไฝแดงบนตัวแล้วให้โอหยางเซี่ยงหมิงเอารูปเปลือยสมัยเด็กของโอหยางซานซานลงหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย
พอเหมยเหมยเห็นรูปเปลือยของโอหยางซานซาน ซึ่งเป็นเวลาที่เธอกำลังทานข้าวอยู่จึงทำเอาเกือบพ่นข้าวใส่เหยียนหมิงซุ่น
“พี่ ตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” เหมยเหมยชักเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา อยากเหยียบซ้ำอีกสักทีจริง ๆ
………………….