ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1966 ภรรยาของฉันฉันอยากจูบก็จูบ + ตอนที่ 1967 ลูกเขยจะทานไม่ทานก็ช่าง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1966 ภรรยาของฉันฉันอยากจูบก็จูบ + ตอนที่ 1967 ลูกเขยจะทานไม่ทานก็ช่าง
ตอนที่ 1966 ภรรยาของฉันฉันอยากจูบก็จูบ
จ้าวอิงหัวมองลูกชายที่โดนภรรยาด่าเยี่ยงหมาอย่างสมน้ำหน้าแวบหนึ่ง ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจถูกบรรเทาลงไปบ้าง จ้าวเสวียหลินขยับเข้ามาถามรายละเอียดซึ่งจ้าวอิงหัวก็เล่าเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นจดทะเบียนสมรสกับเหมยเหมยให้เขาฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง
เฮ้ย!
จ้าวเสวียหลินตกใจจนกระเด้งตัวพลางมองพ่อตัวเองอย่างละเหี่ยใจ “พ่ออยู่บ้านทำอะไรไปบ้างเนี่ย? แม้แต่ลูกสาวตัวเองยังคุมไม่อยู่!”
“ฉันจะคุมอย่างไร? น้องสาวแกใจลอยไปอยู่บ้านตระกูลเหยียนโน้นแล้ว วัน ๆคิดแต่เรื่องจะแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่น ต่อให้ระแวดระวังเช้าเย็นแต่โจรในบ้านป้องกันยาก หรือว่าจะให้ฉันเอาโซ่ล่ามน้องสาวแกไว้หรือไง?” จ้าวอิงหัวโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์ เขาน่าสงสารจะตายอยู่แล้ว
ลูกสาวบ้านอื่นมีแต่ถูกผู้ชายหว่านล้อมจนเสียตัวถึงจำเป็นต้องแต่งงาน แต่ลูกสาวเขานี่เก่งจริง ๆเป็นฝ่ายรุกเข้าหาผู้ชายก่อน…
เฮ้อ!
สองพ่อลูกถอนหายใจพร้อมกัน ลูกสาว(น้องสาว) โตไม่อยู่ติดบ้านแล้ว!
เหมยเหมยยิ้มตาหยีเข้ามาหาแล้วเปิดฝาแก้วน้ำชาของจ้าวอิงหัวจิบชาร้อน ๆอึกหนึ่งพลางถาม “พวกพ่อจะถอนหายใจกันทำไมล่ะ? วันนี้เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าเชียวนะต้องยิ้มกว้าง ๆสิ!”
ทั้งคู่กลอกตาใส่อย่างพร้อมเพรียง นั่นก็เพราะยายคนไร้หัวใจอย่างเธอไม่ใช่หรือไงกัน!
พอเห็นลูกสาวยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้จ้าวอิงหัวก็รู้สึกปริ่มใจขึ้นมาอยู่นิด ๆ แต่ก็ยังรู้สึกน้อยใจมากกว่าอยู่ดี ชาติหน้าหากเขากลับชาติมาเกิดเป็นผู้ชายอีกเขาจะไม่ขอลูกสาวอีกแล้ว เสียใจเหลือเกิน
เหมยเหมยแทรกตัวเข้าไปนั่งคั่นกลางระหว่างจ้าวอิงหัวกับจ้าวเสวียหลินก่อนที่ทั้งสามคนจะนั่งเบียดเป็นก้อน จ้าวอิงหัวที่ตอนแรกดึงหน้าตึงอยู่พลันก็ใจอ่อนยวบแล้วจะปั้นหน้าต่อได้อย่างไรไหว ตำหนิขำ ๆไปไม่กี่คำก็ขยับตัวออกไปข้าง ๆเพื่อขยายที่ให้ลูกสาวเขานั่ง
“ลูกอย่ามายิ้มต่อหน้าพ่อนะ พ่อถามลูกหน่อยว่ารูปก่อนหน้านี้มันเรื่องอะไรกัน?” จ้าวอิงหัวเริ่มคิดบัญชีเก่าแล้ว
วันที่สามที่เซียวเวยแปะรูปไว้ในกระทู้จ้าวอิงหัวก็รู้เรื่องแล้ว แต่ตอนนั้นเขายังสัมมนางานอยู่ต่างแดนและเลขาผู้เอาใจใส่ได้ส่งรูปนี้ให้เขาดู ถ้าไม่ใช่เพราะตัวอยู่ต่างประเทศจ้าวอิงหัวคงถือดาบยาวสามเมตรไปบั่นคอไอ้ลามกเหยียนหมิงซุ่นแล้ว
แน่นอนว่าจ้าวอิงหัวไม่ใช่พ่อที่หัวโบราณ หากหญิงสาวในรูปเป็นลูกสาวของเพื่อนร่วมงานเขาคงเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายให้เป็นคุณพ่อที่เปิดกว้างทางความคิด นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้วต้องเปิดกว้างทางความคิดให้มีความเป็นนานาชาติก้าวทันโลกสิ
แต่ตอนนี้ดันเป็นลูกสาวของเขาเอง หากใครหน้าไหนกล้ามาเกลี้ยกล่อมเขา ดาบสามเมตรนั่นต้องถูกบั่นลงคอทันที!
สิ่งที่จ้าวอิงหัวโมโหคือคิดจะพลอดรักกันก็ช่วยหาที่ลับตาคนหน่อย แบบนี้เขายังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องได้ แต่นี่กลับถูกเก็บภาพเอาไว้แถมยังเป็นการจูบอย่างดูดดื่มอีก…
ทิ่มแทงตาเขาขนาดนี้ เขาไม่โมโหสิแปลก!
เหมยเหมยใจกระตุกวูบแล้วพูดออดอ้อน “พ่อ วันนี้คืนส่งท้ายปีเก่าเชียวนะ เราคุยหัวข้อน่าสนุกกว่านี้ไม่ได้เหรอ?”
จ้าวอิงหัวแค่นเสียงที “พ่อว่าลูกดูมีความสุขกับการจูบดีนี่ โดนแอบถ่ายแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”
จ้าวเสวียหลินไม่เข้าใจเลยถามว่ารูปอะไร เหมยเหมยรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้จ้าวอิงหัวเป็นเชิงอย่าบอก จ้าวอิงหัวจะฟังเสียที่ไหนรีบบอกว่าเป็นรูปถ่ายในคืนคริสต์มาสอีฟอย่างหมดเปลือก เรียกให้จ้าวเสวียหลินโกรธจนกระเด้งตัวลุกกระทืบเท้าพุ่งตัวไปหน้าเหยียนหมิงซุ่นแล้วหลุนหมัดใส่หน้า
“ไอ้ลามกเหยียนหมิงซุ่น นี่แกกล้าจูบเหมยเหมยของฉันเหรอ ฉันจะต่อยให้ตายซะ!”
เพียงแต่–
กำปั้นถูกเหยียนหมิงซุ่นต้านเอาไว้อย่างง่ายดาย จ้าวเสวียหลินอายจนหน้าแดงก่ำแต่กลับขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย ทำเอาจ้าวอิงหัวปิดหน้าอย่างนึกรังเกียจ ไอ้ลูกไม่เอาไหน!
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา “ตอนนี้เหมยเหมยเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของฉัน ฉันอยากจูบก็จูบ นายมีปัญหาอะไรไหม?”
………………………
ตอนที่ 1967 ลูกเขยจะทานไม่ทานก็ช่าง
จ้าวเสวียหลินเถียงคอเป็นเอ็น “พวกแกแค่จดทะเบียนสมรสยังไม่ได้จัดงานแต่งงานกันสักหน่อย ไม่นับ!”
เหยียนหมิงซุ่นเสมองเขาแวบหนึ่งคล้ายกำลังสื่อว่า ‘แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร!’
เขาผละมือออกกะทันหันจนจ้าวเสวียหลินที่ตั้งตัวไม่ทันเซไปด้านหลังเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า ดีที่เขามีพื้นฐานการต่อสู้อยู่บ้างเลยเกาะกำแพงทรงตัวไว้ได้ ก่อนจะถลึงตามองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความขุ่นเคือง
“ทักษะแย่เกินไปกลับไปฝึกใหม่นะ เห็นทีต้องเพิ่มมาตรฐานการแข่งคัดเลือกผู้เข้าทีมเซวี่ยอิงแล้ว ไม่ใช่ว่าหมาแมวที่ไหนก็รับเข้ามาให้อับอายขายหน้าได้” เหยียนหมิงซุ่นปัดมืออย่างรังเกียจ เสียงเอ่ยพึมพำกับตัวเองที่ดังพอจะให้จ้าวเสวียหลินได้ยิน
จ้าวเสวียหลินหน้าแดงอมม่วงในฉับพลัน เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไอ้ลามกตรงหน้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของทีมเซวี่ยอิงหรือหัวหน้าเบื้องบนของเขานั่นเอง!
ความโกรธหายไปในพริบตา!
แต่เขาก็ยืดหลังตรงทันที ตอนนี้อยู่ในบ้านนะ ในเมื่อเขาเป็นถึงพี่ชายภรรยาและยังอาวุโสกว่าเหยียนหมิงซุ่นด้วย แล้วจะกลัวไปทำไมกัน?
เหมยเหมยถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “พี่ฉันเก่งมากนะ พี่พูดบ้าอะไรน่ะ!”
เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกแล้วฉีกยิ้มให้พี่ชายภรรยาอย่างกล้ำกลืน เอ่ยชมอย่างฝืนใจ “ไม่เลวจริง ๆ พยายามต่อไป!”
จ้าวเสวียหลินแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งแล้วเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่งวางท่าพี่ชายภรรยา แต่ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจในเวลาเดียวกัน
แม้น้องสาวจะแต่งงานไปแล้วแต่ภายในใจก็ยังเข้าข้างพี่ชายอย่างเขาอยู่นี่นา!
อีกอย่างเขาเองก็รู้ตัวดีว่าเหยียนหมิงซุ่นมันวิปริต เมื่อก่อนเคยมีเรื่องเล่าลือกันมาว่าสิบสมาชิกทีมเซวี่ยอิงที่ฝีมือเก่งกาจมากที่สุดได้ทำการใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดจู่โจมเหยียนหมิงซุ่นพร้อมกัน แต่ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีเหยียนหมิงซุ่นก็ล้มสมาชิกทีมทั้งสิบคนนั้นได้จนไม่เหลือสภาพ
เขาต้องโง่มากถึงจะประลองฝีมือกับเหยียนหมิงซุ่น เขาเป็นคนปกตินะ ไม่ใช่คนวิปริต!
จ้าวอิงหัวยังคงค้างคาใจกับรูปไม่หายพลางฉุดตัวเหมยเหมยมาอบรมสั่งสอน “ลูกรัก ลูกต้องระวังตัวบ้างนะ อยากจูบก็กลับไปทำที่ห้องอย่าตามใจเขาทุกอย่าง พ่อจะบอกให้ว่าผู้ชายนิสัยเสีย ลูกอย่าทำดีกับเขาเกินไป เราต้องรู้จักเก็บอารมณ์ เข้าใจไหม?”
เหมยเหมยมุมปากกระตุกอดถามไม่ได้ว่า “พ่อ เมื่อก่อนแม่เล่นตัวกับพ่อแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“จะเป็นงั้นไปได้ไง? ตอนนั้นแม่ของลูกอย่าให้ต้องเล่าเลยว่าเชื่องขนาดไหน เหมือนลูกแพะตัวน้อย ๆ พ่อสั่งให้ไปตะวันออกแม้แต่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือแม่ของลูกก็ยังไม่กล้าไปเลย…” จ้าวอิงหัวพูดอย่างภูมิใจด้วยสีหน้ามีความสุข
พอหวนนึกถึงเหยียนซินหย่าที่เพิ่งจะอายุสิบแปดปีในตอนนั้น สาวน้อยวัยแรกแย้มที่ทำตัวเป็นเด็กดีน่าเอ็นดูต่อหน้าเขา จ้าวอิงหัวก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจแต่ก็รู้สึกเสียดายในเวลาเดียวกัน
ตอนนี้ท่านภรรยา เฮ้อ ไม่ใช่แพะน้อยอย่างตอนนั้นอีกแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นมองพ่อตาตัวเองด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ทีภรรยาตัวเองยังหาคนที่เชื่องราวกับแพะตัวน้อย วัน ๆ เอาแต่สั่งสอนให้ภรรยาของเขาเป็นแกะภูเขา โชคดีที่ยายตัวแสบของเขาเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองถึงไม่หูเบาไปเชื่อฟังคำยุยงคนอื่นได้ง่าย ๆ
เหมยเหมยเหลือบมองเหยียนซินหย่าที่ยืนแสยะยิ้มอยู่หลังจ้าวอิงหัว จงใจกล่าว “หนูไม่เชื่อหรอก พ่อต่างหากที่ทำตัวเหมือนแพะตัวน้อยต่อหน้าแม่หรือเปล่า?”
จ้าวอิงหัวไม่พอใจเลยถลึงตาใส่ “พ่อของลูกเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกเชียวนะ ที่บ้านพ่อใหญ่ที่สุด ไม่ว่าอย่างไรแม่ของลูกก็ต้องเชื่อฟังพ่อ พ่อสั่งให้ไปล้างจานแม่เขาไม่กล้าไปถูพื้นหรอก…”
“เก่งนักใช่ไหม? รีบไปต้มเกี๊ยวเลย!” เหยียนซินหย่าแค่ดุขึ้นมาเบา ๆประโยคเดียวจ้าวอิงหัวก็สะดุ้งจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง หันกลับมาเห็นท่านภรรยาของตนถึงเข้าใจว่าหลงกลลูกสาวเสียแล้ว
“ครับ…จะไปต้มเกี๊ยวเดี๋ยวนี้แหละ ที่รักชอบทานแบบนึ่งหรือต้มเหรอ?” จ้าวอิงหัวถลึงตาใส่ลูกสาวที่แอบหัวเราะทีหนึ่งแล้วมองเหยียนซินหย่าด้วยท่าทางเอาอกเอาใจและกระตือรือร้น
“พ่อ หนูจะทานเกี๊ยวทอด!” เหมยเหมยชูแขนตะโกนเสียงดัง
“ให้สามีของลูกไปทอดให้สิ!” จ้าวอิงหัวคร้านจะสนใจยายตัวแสบที่เก่งเรื่องเล่นงานพ่อตัวเองนัก
แม้ปากจะว่าไปอย่างนั้นแต่ไม่นานจ้าวอิงหัวก็ยกเกี๊ยวร้อน ๆออกมาสามจาน เกี๊ยวนึ่งให้ภรรยา เกี๊ยวทอดให้ลูกสาวส่วนเกี๊ยวต้มไว้สำหรับเขากับลูกชาย
ส่วนลูกเขย จะทานไม่ทานก็แล้วแต่!
…………………….