ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1992 พี่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง + ตอนที่ 1933 พี่เปลี่ยนชนเผ่าเป็นชาวแมนจู
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1992 พี่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง + ตอนที่ 1933 พี่เปลี่ยนชนเผ่าเป็นชาวแมนจู
ตอนที่ 1992 พี่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง
เรื่องที่เหมยเหมยกับเฮ่อเหลียนชิงป่วนงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียนแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน นายใหญ่เรียกเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนชิงไปแสร้งด่าต่อหน้าสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนยกหนึ่ง
เฮ่อเหลียนชิงกับเหยียนหมิงซุ่นไม่แม้แต่จะปริเสียงสักคำปล่อยให้นายใหญ่ด่าอยู่อย่างนั้น ท่าทางสำนึกผิดที่ทำเอาสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนเกลียดจนคันฟันยุบยิบแต่ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้
แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?
“ตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นอย่างไรบ้าง? ป่วยตายไปหรือยัง?” เหมยเหมยถามเหยียนหมิงซุ่นด้วยความสนอกสนใจนึกอยากให้ตระกูลหนิงส่งบัตรเชิญมาอีก แต่เป็นบัตรเชิญงานศพของอู่เยวี่ย
“ตายคงไม่ตายหรอก เธอดวงแข็งจะตายไป แต่โดนหนักขนาดนั้นคงทรมานมากแน่ ๆ” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยตอบ
อู่เยวี่ยที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวเป็นเวลานาน ทั้งยังไม่ได้รับความอบอุ่นร่างกายอย่างดีเลยเป็นไข้หวัดรุนแรง ไข้ขึ้นสูงไม่ลดนำมาซึ่งอาการปอดอักเสบและโรคปวดตามหัวไหล่เพราะโดนความชื้น บวกกับใช้ยารักษาไม่ได้ทำให้อาการป่วยหนักขึ้นเรื่อย ๆ
“สมน้ำหน้า ฉันว่าเธอไม่สนใจเด็กในท้องด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงยอมทำตามวิธีโง่ ๆของเฮ่อเหลียนเช่อล่ะ!” เหมยเหมยด่า
เด็กที่เกิดมาอยู่ในท้องของอู่เยวี่ยช่างอับโชคยิ่งนัก!
เหยียนหมิงซุ่นเห็นด้วย ไม่เพียงแค่อู่เยวี่ยที่ไม่สนใจแต่เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนก็ไม่มีใครสนใจเด็กคนนี้สักคน ในสายตาพวกเขาเด็กก็คือเครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่อย่างใด
คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับการมีลูก!
“ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เกิดมาจะเป็นอย่างไรบ้าง เฮ้อ!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงสลด
“คนปกติมีโอกาสหายดีไม่ถึงสามในสิบด้วยซ้ำ” เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจ เขาเคยถามจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว พวกเขาล้วนแต่กล่าวเช่นนี้กันทั้งนั้น นอกจากนี้ยังแนะนำไม่ให้คลอดเด็กคนนี้ออกมาเพราะไม่เพียงแค่พ่อแม่ที่เจ็บปวดแต่เด็กจะเจ็บปวดยิ่งกว่า
เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ยช่างสร้างเวรสร้างกรรมจริง ๆ!
“หวังว่าอู่เยวี่ยจะป่วยหนักกว่านี้ ให้พระเจ้าเป็นคนตัดสินใจแล้วกัน!”
อู่เยวี่ยตอนนี้ท้องได้หกเดือนครึ่งซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณสามเดือนจะถึงเวลาคลอด ไม่นานคงได้เห็นผลแล้ว
“พี่ พี่ชอบลูกชายหรือลูกสาว?” เหมยเหมยนึกถึงคำพูดของคุณย่าหยางกับเหยียนซินหย่าตอนช่วงปีใหม่พลันก็รู้สึกสนใจขึ้นมา อีกสองปีจะเรียนจบคงถึงเวลาคิดเรื่องนี้แล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นตุบ เฉินซานยังอยู่อเมริกา อีกอย่างต่อให้เขากลับมาก็ไม่รู้ว่าท่านพ่อมดยอดฝีมือจะช่วยขับพิษได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เขากับเหมยเหมยคงไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้อีกตลอดชีวิต!
หากเหมยเหมยรู้เรื่องนี้เข้าจะเสียใจหรือเปล่านะ?
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้วว่าเหมยเหมยชอบเด็กมากเพียงใด เอาแต่พูดถึงเด็กอยู่วันเว้นวัน บางครั้งไปห้างสรรพสินค้าเห็นของใช้สำหรับเด็กทารกเธอก็จะยืนมองอยู่พักใหญ่ ถึงขั้นซื้อตุ๊กตาน่ารักกลับบ้านบอกว่าเตรียมเผื่อไว้วันข้างหน้า
“ไม่รีบ พี่ถามคุณหมอแล้วว่าช่วงอายุที่ผู้หญิงเหมาะมีลูกมากที่สุดคือยี่สิบหกปี แบบนี้จะดีต่อทั้งผู้ใหญ่และเด็ก”
เหยียนหมิงซุ่นอยากเบี่ยงประเด็นออกจากเรื่องนี้ ยื้อได้กี่ปีก็ยื้อตามนั้น
เหมยเหมยไม่พอใจพร้อมมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความสงสัย ทุกครั้งที่พูดถึงเด็กทีไรหมอนี่มักพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้เสมอ หรือว่า–
“เหยียนหมิงซุ่น พี่ไม่ชอบเด็กใช่ไหม?” เหมยเหมยถามเสียงขรึมสองแขนเท้าสะเอว
ถ้ากล้าพยักหน้ายอมรับละก็เธอจะทุบเข้าให้!
เหยียนหมิงซุ่นรีบกลืนคำว่า ‘ใช่’ ลงคอไป “จะใช่ได้อย่างไรล่ะ?”
เหมยเหมยเองก็ไม่ได้คิดมาก สำหรับเธอแล้วเด็กก็เหมือนนางฟ้าตัวน้อย แล้วเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ชอบได้อย่างไรกัน เมื่อครู่ต้องเป็นเพราะเธอคิดมากไปแน่ ๆ
“งั้นพี่ชอบลูกสาวหรือลูกชายเหรอ? เสียดายจังที่มีได้แค่คนเดียว ถ้าได้ชายคนหญิงคนคงดีที่สุดเลย” เหมยเหมยเท้าคางมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความรู้สึกเสียดาย เธออยากคลอดนางฟ้าตัวน้อยสักคอกหนึ่งจัง!
……………………….
ตอนที่ 1933 พี่เปลี่ยนชนเผ่าเป็นชาวแมนจู
เหยียนหมิงซุ่นชาวาบที่หนังศีรษะ แค่คนเดียวก็มากพอสำหรับเขาแล้วยังคิดจะมีสองคนเลยเหรอ?
ชีวิตจะยังสงบสุขอยู่อีกไหม?
แน่นอนว่าจะพูดไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาอย่าคิดจะมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลย
“ขอแค่เป็นลูกของเหมยเหมย จะลูกชายหรือลูกสาวพี่ก็ชอบหมดแหละ” เหยียนหมิงซุ่นพูดพร้อมกับบ่นในใจไปด้วย เลี้ยงลูกสู้เลี้ยงฉิวฉิวฉาฉาดีกว่า เจ้าตัวเล็กสองตัวนี้เป็นเด็กดีจะตาย ขอแค่มีของกินมีน้ำให้ดื่มก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ
ส่วนเด็กน้อยทั้งต้องคอยดูแลเรื่องปัสสาวะอุจจาระทั้งป้อนนมแล้วยังต้องเล่นเป็นเพื่อน ที่สำคัญคือปัญหาทางด้านการศึกษา หากโตมาฉลาดก็แล้วไปแต่หากโตมาเป็นคนไร้สมองอย่างเหยียนหมิงต๋าคงทำให้เขากระอักเลือดได้
ในเมื่อไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะยอดเยี่ยมอย่างเขา!
เหมยเหมยยิ้มหน้าบานมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งแล้วยู่ปากเอ่ย “คุณย่าบอกว่าชอบเหลนสาว แม่ฉันบอกว่าทางที่ดีก็ให้มีลูกหลังเรียนจบเลย แบบนี้จะได้ฟื้นตัวไว พี่ ถ้าตอนนี้เรามีลูกกัน แล้วรอจัดงานแต่งงานหลังเรียนจบให้ลูกของเราเป็นเด็กถือดอกไม้ดีไหม?”
“พรวด”
เหยียนหมิงซุ่นที่ทานซุปอยู่พ่นน้ำซุปเลอะโต๊ะอาหารเพราะความตกใจเป็นครั้งแรก เหมยเหมยขยับตัวหนีอย่างรังเกียจแล้วถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ทานข้าวทานดี ๆไม่ได้หรือไงกัน
เหยียนหมิงซุ่นดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดด้วยใจที่เต้นตุ่ม ๆต่อม ๆ ตอนนี้จะให้เขามีลูกได้อย่างไร?
ความคิดฉบับศิลปินของแม่ยายของเขานี่มันจริง ๆเลย…
“เด็กดี ตอนนี้เอาเรื่องการเรียนเป็นหลักก่อน ท้องป่องจะไปเรียนอย่างไรล่ะ? รอหลังเรียนจบเราค่อยคิดเรื่องลูกนะดีไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น ทั้งตัดสินใจเร่งเสี่ยวกัวให้เขารีบอีกสักหน่อย
เหมยเหมยก็แค่พูดไปงั้น ๆ ก่อนเรียนจบจะมีลูกไม่ได้อยู่แล้ว เธอไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาหรอกนะ
เพียงแต่ปฏิกิริยาของเหยียนหมิงซุ่นรุนแรงเกินไปหรือเปล่า!
“วันนี้พี่เป็นอะไรกันแน่ ดูท่าทางลนลานแปลก ๆ พี่ไม่ชอบเด็กจริง ๆใช่ไหม?” เหมยเหมยซักถาม เธอไม่รู้สึกถึงความคาดหวังกับความชื่นชอบในตัวเด็กจากเหยียนหมิงซุ่นเลยสักนิดเดียวเลยรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“ที่รักคิดมากไปแล้ว พี่ไม่ชอบเด็กก็จริง แต่ถ้าเป็นลูกของเราต้องชอบอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีลูกจริง ๆ” เหยียนหมิงซุ่นตักน้ำซุปให้เหมยเหมยหนึ่งถ้วยแล้วพูดโอ๋อีกพักใหญ่ถึงเบี่ยงประเด็นเรื่องลูกไปได้
แต่ว่า–
เหมยเหมยที่ยังไม่ลืมเรื่องลูก หลังทานซุปหมดพลันก็ฉุกคิดถึงเรื่องที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคยพูดเอาไว้เลยเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “พี่ หรือว่าพี่ทำทะเบียนบ้านของชนกลุ่มน้อยให้ฉันสักเล่มสิ จะชนกลุ่มไหนก็ได้ขอแค่ไม่ใช่ชาวฮั่นก็พอ”
เหยียนหมิงซุ่นงงงวยเพราะตามความคิดของภรรยาตัวเองไม่ทัน นี่หมายความว่าอย่างไร?
สอบเกาเข่าไปแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงต้องทำทะเบียนบ้านของชนกลุ่มน้อยด้วย?
“แฟนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นชาวจ้วง เธอบอกว่าอนาคตเธอมีลูกได้สองคน ส่วนฉีฉีเก๋อเป็นเผ่ามองโกล เธอก็มีลูกได้สองคน พี่ พี่แก้ชนชาติในทะเบียนบ้านให้ฉันสิ ฉันไม่เป็นชาวฮั่นแล้ว ห้าสิบหกชนกลุ่มน้อยก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน พี่จะเปลี่ยนเป็นเผ่าไหนก็ได้”
พวกเธอสามคนชอบคุยเรื่องลูกกันในเวลาว่าง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อในตอนนั้นได้ใจอย่างมากบอกว่าพวกเธอสามารถมีลูกคนที่สองได้อย่างเปิดเผย แต่เหมยเหมยกลับมีได้แค่คนเดียวอย่างน่าสงสาร ทำเอาเธอนึกอิจฉาริษยาเสียเหลือเกิน!
หลังจากนั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ได้คิดแผนพิเรนทร์ให้เธอ บอกว่าเหยียนหมิงซุ่นเก่งขนาดนี้ลองใช้เส้นสายเปลี่ยนชนเผ่าในทะเบียนบ้านและแนะนำให้เธอเปลี่ยนเป็นชาวแมนจูเรีย เพราะบรรพบุรุษตระกูลจ้าวมีชาวแมนจูเรียอยู่ไม่น้อยซึ่งประจวบเหมาะพอดี
ในตอนนั้นเหมยเหมยแค่คิดว่าเป็นเรื่องขำขันเท่านั้นแต่เมื่อครู่เผลอนึกถึงมันเลยคิดว่าสมแล้วที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาด สมองก็คิดได้เสียจริง
“พรวด!”
เหยียนหมิงซุ่นพ่นน้ำซุปออกมาอีกคำแล้วมองหญิงสาวตัวน้อยที่กำลังตื่นเต้นอยู่ข้าง ๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย
จะให้ทานข้าวดี ๆอยู่ไหมนะ?
…………………….