ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2133 พ่อแม่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกจริงๆ + ตอนที่ 2134 อู่เยวี่ยยังคงมีประโยชน์
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 2133 พ่อแม่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกจริงๆ + ตอนที่ 2134 อู่เยวี่ยยังคงมีประโยชน์
ตอนที่ 2133 พ่อแม่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกจริงๆ
“พี่จางคะ มื้อเที่ยงพี่กินแค่นี้เหรอคะ?”
ฉีฉีเก๋อเป็นคนกระตือรือร้น ตอนที่พี่จางเป็นแบบวาดให้ครั้งแรก เนื่องด้วยความเขินอายจึงไม่กล้าถอดเสื้อผ้าต่อหน้านักศึกษาจนเสียเวลาไปชั่วโมงกว่า ๆ และเป็นฉีฉีเก๋อที่พูดโน้มน้าวใจ ดังนั้นคนพูดน้อยอย่างพี่จางจึงสามารถพูดคุยกับฉีฉีเก๋อได้บ้าง
พี่จางอายุประมาณสามสิบกว่า ๆ เพราะชีวิตทำงานหนักผมจอนสองข้างจึงมีสีขาวขึ้นมาประปราย หางตาก็มีริ้วรอยอยู่ไม่น้อย แต่ยังคงมีเสน่ห์ ตอนเป็นวัยรุ่นคงต้องสวยมากแน่ ๆ
“ฉันขี้เกียจกลับบ้าน เลยเลือกกินอะไรง่าย ๆน่ะ” พี่จางเม้มปากและยิ้มขวยเขิน ผมเผ้าบนหน้าผากที่ยุ่งเหยิงนั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อจนแนบสนิทไปกับใบหน้า สีหน้าแววตาเผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า รอยดำใต้ตาเด่นชัดมาก
“พี่จางกินแบบนี้บ่อย ๆไม่ดีนะคะ ร่างกายจะแย่เอาได้ พี่เอานี่ไปกินเถอะ” ฉีฉีเก๋อทอดถอนหายใจ ล้วงเนื้อตากแห้งออกมาจากกระเป๋าของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วยัดทั้งหมดนั่นให้พี่จาง จากนั้นจึงลากพวกเหมยเหมยจากไป
เหยมยเหมยส่งยิ้มและพยักหน้าให้พี่จางแล้ววิ่งเหยาะ ๆตามหลังไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนวิ่งจนเหนื่อยหอบพร้อมกับบ่นอุบอิบ “โธ่เอ้ย…ยัยพวกบ้า เอาของของฉันไปให้เขาแล้วบ่ายนี้ฉันจะกินอะไร?”
“เธอไม่ได้กินสักมื้อคงไม่หิวตายหรอกมั้ง คิดเสียว่าลดน้ำหนัก ดูสิตอนนี้อ้วนจนเป็นหมูแล้ว ระวังจะทับอิงจวี้กังของเธอจนกระดูกหักล่ะ!”
ฉีฉีเก๋อผู้เหนียมอายถูกการชักนำของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำให้ปากคอเราะรายขึ้นจึงนึกอยากเหน็บแนมกลับไปเสียสักที
“เธอนั่นแหละที่เป็นหมู…คนอย่างฉันเรียกอุดมสมบูรณ์ ถ้าหากว่าอยู่ในราชวงศ์ถังก็คงไม่มีหยางอวี้หวนหรอก นางเอกของเรื่องฉางเฮิ่นเกอ[1]ก็คือฉันนี่แหละ เชอะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่าฉีฉีเก๋อแต่ก็ยังไม่หายโมโห จึงยืดอกพูดว่า “อิงจวี้กังของฉันชอบที่ฉันเป็นแบบนี้ เขาบอกว่าคนที่ผอมไปก็เป็นแค่โครงกระดูก กัดไม่เข้าหรอก!”
“อย่างเธอนี่กัดเข้าไปก็มันเต็มปาก อร่อยเสียไม่มี แถมยังประหยัดเงินค่าเจลหล่อลื่นด้วย…”
ฉีฉีเก๋อโต้กลับเสียงกร้าว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอึ้งไปนานหลายนาทีกว่าจะได้สติ แล้วก็มีท่าทีเขินอายอย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก…
“ฉีฉีเก๋อเธอนิสัยเสียมากเลยนะ พี่ฉางสอนเธอใช่ไหม สารภาพมาซะดี ๆว่าเธอกับฉางชิงซงไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดวงตาเป็นประกายสีเขียว เธอชอบฟังเรื่องซุบซิบชาวบ้านที่สุดแล้ว
เนื้อตุมซุปหม่าล่าจานหนึ่งเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ทั้งคู่ถึงได้ยอมสงบและรีบลงมือทาน
เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ “ฉีฉีเก๋อ ทางบ้านของพี่จางมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
พี่จางทำความสะอาดเดือนหนึ่งก็ได้เงินหกร้อย รวมถึงเป็นนางแบบเดือนหนึ่งก็ได้อย่างน้อยหนึ่งพัน รวมกันก็อยู่ที่พันหกถึงพันเจ็ดแล้วซึ่งถือว่ารายได้สูงกว่าคนงานทั่วไปมาก ตามหลักแล้วชีวิตคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย แต่เหตุใดถึงได้มัธยัสถ์จนต้องกินแค่หมั่นโถกับผักดองล่ะ?
ฉีฉีเก๋อทอดถอนหายใจและได้เล่าถึงสถานการณ์ในครอบครัวของพี่จางให้ฟัง
“ลูกชายของพี่จางดวงตาไม่ดีจนเกือบจะตาบอดแล้วด้วย หมอบอกว่าทางที่ดีที่สุดคือการปลูกถ่ายเยื้อกระจกตา ค่าผ่าตัดหลายหมื่นแต่ต้องรอกระจกตาที่เหมาะสม พี่จางกลัวว่าถ้าได้กระจกตาแล้วจะหาเงินไม่ได้ถึงได้ยอมมาเป็นแบบสรีระมนุษย์ไง”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ได้ฟังก็ตกตะลึง คาดไม่ถึงเลยว่าการที่พี่จางมาเป็นนางแบบจะมีเรื่องอื่นแฝงอยู่ ไม่แปลกใจเลยที่เธอเอาแต่หางานทำทุกที่!
“พ่อแม่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกจริง ๆ!” เธอทอดถอนหายใจพลางตะโกนเรียกเถ้าแก่เนี้ย “ขอหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานหนึ่งที่ค่ะ ห่อกลับนะคะ!”
เหริ่นเชี่ยเชี่ยนยิ้มร่า “เดี๋ยวแวะเอาไปให้พี่จางสักหน่อย กินแต่หมั่นโถกับผักดองทุกวัน ขนาดมนุษย์เหล็กยังทนไม่ไหวเลย”
เหมยเหมยทำสีหน้าขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ คำพูดของฉีฉีเก๋อทำให้ในหัวของเธอผุดเรื่องที่เธอสงสัยมาหลายวันนี้ขึ้นได้จึงหลับตาลงอย่างใช้ความคิด เพื่อลองดูว่าจะนึกออกไหม
“นึกออกสักที…”
เหมยเหมยตบโต๊ะอย่างแรงและดีใจเอามาก ๆ
……………………………………………………….
ตอนที่ 2134 อู่เยวี่ยยังคงมีประโยชน์
“เธอนึกอะไรออกเหรอ…ตกอกตกใจกันหมด!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจจนแทบจะมุดลงใต้โต๊ะจึงบ่นอุบอิบขึ้น
“กินเนื้อสิ กินเยอะ ๆล่ะ!”
เหมยเหมยคีบเนื้อชิ้นใหญ่ให้เธอหลายชิ้น ดูอารมณ์ดีไม่น้อย เธอเข้าใจเสียทีว่าสิ่งที่ทำให้เธอจิตใจฟุ้งซ่านคืออะไร ดวงตาของเสี่ยวเป่านั่นเอง?
เสี่ยวเป่าตาบอดโดยกำเนิด ไม่แน่ว่าหากได้รับการปลูกถ่ายเยื่อกระจกตาอาจทำให้สายตาใช้การได้ เช่นนั้นจะมีอะไรที่เหมาะสมไปกว่ากระจกตาของผู้เป็นแม่แท้ ๆอย่างอู่เยวี่ยอีกล่ะ!
คิดเสียว่าอู่เยวี่ยได้อุทิศให้กับลูกชายก่อนตายแล้วกัน!
เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น แล้วจะมีกะจิตกะใจกินข้าวเสียอีกที่ไหนกัน เธอต้องรีบโทรหาเหมยซูหานให้เขาเตือนเฮ่อเหลียนเช่อว่าอย่าเพิ่งฆ่าอู่เยวี่ยให้ตายในครั้งเดียว เธอเคยได้ยินว่าต้องเอากระจกตาออกก่อนที่จะเสียชีวิตถึงจะทำการปลูกถ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากตายแล้วจะใช้การไม่ได้
และเรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดมาแต่กำเนิดก็มีเพียงเธอและเหยียนหมิงซุ่นที่รับรู้ เฮ่อเหลียนเช่อและคนอื่นๆ จะต้องคิดไม่ถึงแน่ เธอคงต้องเตือนถึงจะเป็นผล
“พวกเธอกินไปก่อนนะ ฉันขอออกไปโทรศัพท์ก่อน!”
เหมยเหมยล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋าเป็นโมโตโรล่ารุ่นใหม่ล่าสุด เบากว่าโปรศัพท์อิฐบล็อกมาก แน่นอนว่าราคาไม่ใช่ถูก ๆ ฟังก์ชั่นก็มีแค่ไม่กี่อย่างและทำได้แค่ส่งข้อความและโทร
เธอหาที่เงียบ ๆแล้วโทรหาเหมยซูหาน
“เหมยเหมยมีธุระอะไรเหรอ?”
“อู่เยวี่ยตายหรือยัง? นายอย่าเพิ่งให้เฮ่อเหลียนเช่อรีบฆ่าอู่เยวี่ยล่ะ เธอยังมีปะโยชน์อยู่” เหมยเหมยพูดออกไปตรง ๆ เหมยซูหานนิ่งชะงักไปและรีบเอ่ยขึ้นว่า “รอเดี๋ยวนะ ฉันขอหาที่คุยก่อน!”
เหมยซูหานขอให้เลขาช่วยเป็นประธานในการประชุมแทนเขา ส่วนเขากลับมาที่ห้องทำงานและถามต่อว่า “อู่เยวี่ยทำไมเหรอ?”
“เสี่ยวเป่าตาบอดโดยกำเนิด กระจกตาของอู่เยวี่ยเหมาะสมกับเสี่ยวเป่าที่สุดแล้ว เพราะงั้นตอนนี้เธอยังตายไม่ได้ รอให้เสี่ยวเป่าปลูกถ่ายกระจกตาเสร็จแล้วค่อยจัดการ”
“เคร้ง”
เกิดเสียงดังลอดผ่านปลายสายมา เห็นได้ว่าเหมยซูหานตกใจแค่ไหน เขาไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง ดวงตาของเสี่ยวเป่างดงามขนาดนั้นทำไมถึงบอดมาตั้งแต่กำเนิดได้ล่ะ?
“เป็นไปไม่ได้…เหมยเหมยเธออย่าล้อเล่นสิ!”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น นายให้หมอตรวจเสี่ยวเป่าได้เลย จริง ๆแล้วพวกนายเองน่าจะรู้ดี ด้วยสายเลือดของเสี่ยวเป่าแล้ว จะไม่เกิดปัญหาอะไรเลยสักนิดได้เหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเย็นชา
เหมยซูหานพลั้งปากพูด “เป็นไปไม่ได้หรอก เสี่ยวเป่าเขาไม่ใช่…”
ฉับพลันที่เขารู้ตัวว่าได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปจึงยั้งไว้ได้ทัน เหมยเหมยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ใช่พันธุกรรมของเฮ่อเหลียนเช่อใช่ไหมล่ะ? แต่สายเลือดของเสี่ยวเป่าก็ยังมีสิ่งผิดปกติอยู่ดี นายขอให้เฮ่อเหลียนเช่อไปตรวจสอบตระกูลของหนิงเฉินเซวียนได้เลย มันเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงมาก เสี่ยวเป่ามีชีวิตอยู่ในตระกูลแบบนี้ช่างน่าสงสารเหลือกิน!”
เธอไม่อยากพูดอะไรมาก เรื่องราวน่ารังเกียจของตระกูลหนิงแค่พูดถึงก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว เสี่ยวเป่าน่าสงสารจริง ๆที่ต้องมาเกิดในตระกูลแบบนี้!
เหมยซูหานฟังเสียงเจื้อยแจ้วผ่านปลายสายด้วยท่าทีเคร่งขรึม ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้วางสาย และเรียกผู้ช่วยพิเศษของเขามา ทั้งยังสั่งให้ไปตรวจสอบเรื่องบรรพบุรุษของหนิงเฉินเซวียน ส่วนตัวเขาก็กลับไปหาเฮ่อเหลียนเช่อพร้อมพาหมอไปด้วย
ช่วงทานมื้อค่ำเหยียนหมิงซุ่นถามเหมยเหมย “เธอบอกเหมยซูหานเรื่องดวงตาของเสี่ยวเป่าแล้วเหรอ?”
“อืม ฉันแค่อยากจะย้ายกระจกตาของอู่เยวี่ยมาไว้ในดวงตาของเสี่ยวเป่า แบบนี้เสี่ยวเป่าก็สามารถมองเห็นได้แล้ว” เหมยเหมยรู้สึกว่าเธอมีความคิดที่ค่อนข้างดี ได้ประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่าย!
“ช่วงบ่ายเฮ่อเหลียนเช่อโทรมาหาพี่ บอกให้พวกเราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เขาไม่อยากให้หนิงเฉินเซวียนรู้เรื่องนี้” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ย
“ทำไมล่ะ?”
“หนิงเฉินเซวียนโหดเหี้ยมไร้ความรู้สึก ถ้าเขารู้ว่าเสี่ยวเป่าตาบอดมาตั้งแต่เกิดจะต้องทอดทิ้งเขาแน่ ๆ แบบนั้นเสี่ยวเป่ายิ่งเป็นอันตราย” เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้า เมื่อเทียบกับหนิงเฉินเซวียนแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อถือว่ามีความเป็นคนกว่ามาก
“สัตว์ชั้นต่ำ เขากับอู่เยวี่ยต่างหากที่เป็นคู่สร้างคู่สมกัน!” เหมยเหมยด่าทออย่างโกรธแค้น
…………………………………………………..
[1] ละครเรื่อง长恨歌 แปลไทยในชื่อว่า ลำนำโศกนิรันดร์