ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2231 รอดูเรื่องสนุกๆ + ตอนที่ 2232 ได้รับการช่วยเหลือ
ตอนที่ 2231 รอดูเรื่องสนุกๆ
พอเหมยเหมยเห็นเธอเตรียมพร้อมเข้าใจดีก็วางใจ ทั้งคู่นั่งทานผลไม้ไปคุยเรื่องสัพเพเหระไป
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานแตงโมครึ่งซีกหมดก็เช็ดปากแล้วเริ่มนินทาเรื่องคนอื่น “เธอจะปล่อยให้ถังม่านลี่จัดการสีอันน่าจริงเหรอ?”
เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่ใจใส่ “ใช่ ถังม่านลี่บอกว่าเธอจะจัดการสีอันน่าเองไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่เสียแรงฉันไง!”
ที่แท้ในวันจบการศึกษาถังม่านลี่บอกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่าคนปริศนาที่ไม่ยอมเปิดเผยเสียงที่แท้จริงในหอประชุมก็คือสีอันน่า เพราะเธอคอยติดตามนังแพศยานี้ตลอดเวลาเลยเห็นทุกอย่าง
ถังม่านลี่ยังขอให้เหมยเหมยอย่าเพิ่งจัดการสีอันน่าเพราะเธออยากเป็นคนจัดการเอง เหมยเหมยตอบตกลงก่อนจะรอดูเรื่องสนุก ๆต่อไป
“เธอว่าทำไมถังม่านลี่ถึงจะจัดการสีอันน่าล่ะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดไม่ตก
เหมยเหมยมองค้อนเธอแวบหนึ่ง “เธอโง่หรือไง อยู่ดี ๆหวังเหล่ยจะแบกระเบิดไปป่วนที่มหาลัยโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุได้อย่างไร อีกอย่างเขายังรู้เรื่องถังม่านลี่เยอะแยะขนาดนี้ เขาเพิ่งมาเมืองหลวงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสโมสรเศรษฐีมีไว้ทำอะไร ถ้าไม่มีคนบอกเขาเขาจะรู้ขนาดนี้เหรอ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงบางอ้อทันที “หรือว่าสีอันน่าจะเป็นคนบอกหวังเหล่ย? โอ้โฮ…ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรกัน เธอเกือบทำเราตายกันทั้งห้องเลยนะ…”
เหมยเหมยแค่นหัวเราะกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ผู้หญิงคนนี้เดิมทีก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอยู่แล้ว เอาแต่คิดวางแผนทำร้ายคนอื่นตลอดเวลา บางทีเธอคงแค่อยากวางแผนทำร้ายถังม่านลี่เท่านั้นแต่ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โตขนาดนี้”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่าระลอกหนึ่งถึงหายโกรธได้บ้าง เธอพึมพำด้วยความแปลกใจ “ไม่รู้ว่าถังม่านลี่จะจัดการสีอันน่าอย่างไร”
“ใครจะรู้ล่ะ อีกไม่กี่วันคงรู้ ฉันให้คนจับตาดูสีอันน่าไว้แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราต้องรู้เป็นคนแรกแน่นอน” เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีเฉยชา
ความจริงเธอพอจะเดาแผนของถังม่านลี่ได้คร่าว ๆบ้าง ทำงานในสโมสรเศรษฐีมาตั้งหลายปีจนฝีมือของถังม่านลี่ในตอนนี้ต่างไปจากอดีตแล้ว ย่อมไม่มีทางใช้แผนต่ำช้าเอากระสอบคลุมหัวอย่างที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกแน่นอน การจัดการหญิงสาวหน้าตาสะสวยมีวิธีไหนจะเลวร้ายไปกว่าการทำลายความบริสุทธิ์ของเธออีกล่ะ!
รู้ทั้งรู้ว่าสีอันน่าไม่มีทางจบสวยแต่เหมยเหมยไม่คิดจะห้ามใด ๆ คนแพศยานี่ทำตัวเองทั้งนั้น ไม่คู่ควรได้รับการความเห็นใจเลยสักนิด!
********
ยามใกล้โพล้เพล้สีอันน่าเดินออกจากซอยเงียบสงัดอย่างเศร้าใจ ดวงหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตฉายแววเหนื่อยล้าแต่เทียบไม่ได้กับใจที่อ่อนล้ากว่า
เธอย้ายออกจากหอพักทางมหาวิทยาลัยแล้วมาเช่าห้องเดี่ยวในเรือนสี่ประสานที่มีค่าเช่าห้องสามร้อยหยวนต่อเดือน แม้แต่ห้องน้ำส่วนตัวยังไม่มีแต่ก็ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับห้องใต้ดินอับชื้นเหล่านั้นที่อย่างน้อยยังมีแสงอาทิตย์สาดส่องมาบ้าง อีกอย่างยังมีลานกว้างไว้ตากเสื้อผ้าด้วย
ใช่ว่าสีอันน่าจะไม่เคยคิดจะเช่าห้องที่ดีกว่านี้แต่เธอไม่มีเงินติดตัวมากมายขนาดนั้นแล้ว คุณพ่อสั่งให้เธอรีบหาคู่แต่งงานเสียแต่เธอไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่คนนั้น ชายในฝันของเธอเป็นอย่างสามีของจ้าวเหมย หน้าตาหล่อเหลามีตำแหน่งทางสังคม…แบบนั้นต่างหากถึงจะเป็นสามีในอนาคตของเธอสีอันน่า!
แต่ไม่ใช่ผู้ชายอายุสามสิบกว่าทั้งผิวดำคล้ำเตี้ยแล้วยังเคยผ่านการหย่าร้างมาก่อน!
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าแผดเสียงดังขึ้น แม่ของเธอเป็นคนโทรมาแต่เธอไม่กล้ารับสาย หากรับสายก็ต้องหักเงินและเธอจ่ายค่าโทรศัพท์ไม่ไหวแล้ว โทรศัพท์ดังอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสายไปก่อนที่จะมีข้อความฉบับหนึ่งส่งมา
‘อันน่า พ่อแม่ไม่มีทางทำร้ายลูก เถ้าแก่สวีไม่เลวเลยจริง ๆ ขอแค่ลูกแต่งงานกับเถ้าแก่สวี หลังจากนี้ไปก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก ชีวิตก็จะสุขสบายตลอดไป บริษัทของพ่อก็จะเติบโตขึ้น เป็นเรื่องที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองทาง ลูกลองคิดดูดี ๆอีกทีนะ’
สีอันน่าบันดาลโทสะคว้าโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความตอบกลับ ‘พ่อกับแม่ก็แค่อยากขายลูกสาวเพื่อเงินใช่ไหมล่ะ? พอมีลูกชายลูกสาวก็กลายเป็นสินค้าไปแล้วสินะคะ หนูไม่มีวันกลับไป ต่อให้หิวตายก็ไม่กลับไปเด็ดขาด!’
………………………………
ตอนที่ 2232 ได้รับการช่วยเหลือ
สีอันน่าพิงกำแพงปล่อยให้น้ำตาไหลรินแต่ในใจกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากกว่า
ทั้งที่เธอเป็นเจ้าหญิงของบ้านและเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ที่ไม่เคยมีอะไรด้อยไปกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็ก คุณพ่อมักบอกว่าอนาคตให้เธอตามหาลูกเขยสักคนมาช่วยบริหารบริษัทโฆษณาด้วยกัน เธอถึงได้เลือกเรียนออกแบบโฆษณาเพราะคิดอยากบริหารบริษัทให้ดียิ่งกว่านี้
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว—
เพราะคุณแม่วัยสี่สิบห้าปีของเธอมีลูกตอนแก่คลอดน้องชายตัวอวบอ้วนผิวขาวให้เธอคนหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว น้ำหนักแรกคลอดแปดจินแปดร้อยกรัม[1] เป็นเลขมหามงคลที่ทำเอาพ่อของเธอดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ไปสามวัน
นับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันถูกลดเหลือสามพันหยวนจากห้าพันหยวน โดยบอกว่าเลี้ยงลูกต้องใช้เงินมากจึงขอให้เธอเข้าอกเข้าใจพ่อแม่แล้วใช้จ่ายอย่างประหยัด
ปิดเทอมเธอกลับบ้านไปพ่อแม่ก็จดจ่ออยู่แต่กับน้องชายน่าชังคนนั้นโดยไม่คิดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอะไรเธอเลย…
เรื่องนี้ยังพอปล่อยผ่านไปได้แต่เรื่องที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือบริษัทที่เคยคุยกันไว้ว่าจะให้เธอดูแลในอนาคต ตอนนี้กลับเลือกคู่ชีวิตไว้ให้เธอล่วงหน้า ขายเธอเหมือนสินค้าแล้วยังประดิษฐ์คำสวยหรูว่าทำไปเพราะหวังดีกับเธอ!
ถุย!
นี่ก็เพราะกำลังปูทางให้ลูกชายไม่ใช่หรือ?
เถ้าแก่สวีคนนั้นเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทพ่อเธอที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาลก็จริง แต่ไขมันบนร่างกายก็มีมากเช่นกัน เขาตัวใหญ่กว่าเธอหนึ่งเท่าทั้ง ๆที่จะวัดแนวไหนส่วนสูงก็ใกล้เคียงกับเธอ อดีตเธอเคยเจออยู่หลายครั้ง เธอนึกอยากอาเจียนทุกทีที่เห็นสภาพอ้วนไขมันเยิ้มอย่างนั้น
ให้ตายอย่างไรเธอก็จะไม่แต่งงานกับผู้ชายน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้หรอก!
ต่อให้พ่อของเธอตัดรายได้ของเธอเธอก็ไม่มีวันยอมจำนน!
เธอไม่เชื่อหรอกว่าอาศัยความสามารถและหน้าตาของเธอจะไม่สามารถปักหลังอยู่ในเมืองหลวงได้?
แต่พอนึกถึงการสัมภาษณ์งานที่ล้มเหลวไปสามครั้งและเหลือเงินในบัญชีเพียงห้าร้อยหยวน หัวใจที่แน่วแน่ของสีอันน่าก็เริ่มสั่นคลอน หากหางานไม่ได้อีกเธอต้องลำบากถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าวแน่
เธอยิ้มขมขื่นถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วมองไปที่โทรศัพท์ในกระเป๋า ถ้าอับจนหนทางจริง ๆก็คงทำได้แค่ขายโทรศัพท์ทิ้งแล้วล่ะ!
โทรศัพท์เครื่องนี้ซื้อก่อนที่น้องชายจะเกิดมา เป็นรุ่นใหม่ที่สุดในตอนนั้นราคาห้าพันกว่าหยวน พ่อของเธอตกลงซื้อให้โดยไม่ลังเลใจเลยสักนิด แต่ตอนนี้…
สีอันน่าปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างปวดใจ ทุกอย่างเป็นเพราะน้องชายที่สมควรตายคนนั้น ทำไมเขาต้องเกิดมาด้วย บนโลกนี้มีเด็กที่ตายตั้งแต่แรกเกิดตั้งมากมายแต่ทำไมน้องชายของเธอถึงยังมีชีวิตที่ดีขนาดนั้นได้นะ!
“โอ้…สาวน้อยหน้าตาสวยดีนี่นา…แค่ดำไปหน่อย…ไปร้องเพลงเป็นเพื่อนพวกพี่ดีกว่า…”
สีอันน่าปาดน้ำตาจนแห้งดีเตรียมออกจากห้องเช่าแต่พวกอันธพาลหลายคนบุกเข้ามาล้อมเธอไว้ พ่นวาจาต่ำช้าออกมาแล้วยังใช้มือจับนู่นจับนี่อีกต่างหาก
“หลีกไป…”
สีอันน่าตกใจจนหน้าซีด ซอยนี้ค่อนข้างเปลี่ยวและตอนนี้ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว แถมยังไม่มีคนเดินผ่านแม้แต่คนเดียว…เธอควรทำอย่างไรดีล่ะ?
……
สีอันน่าถูกอันธพาลเหล่านั้นไล่ต้อนจนมุมแล้วอุดปากเธอไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จะจับตัวไปทำเรื่องดี ๆอยู่แล้ว เธอดิ้นพล่านสุดฤทธิ์แต่กลับกระตุ้นความสนใจจากคนเหล่านี้มากกว่าเดิม
เธอหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เธอรู้สึกเสียใจแล้ว…หากรู้ว่าจะเกิดเรื่องนี้แต่แรกสู้ให้เธอกลับไปแต่งงานกับเถ้าแก่สวีนั่นดีกว่า!
“ปล่อยเพื่อนฉัน…แล้วเงินพวกนี้จะเป็นของพวกแก!”
มีเสียงแว่วดังมาจากด้านหลังซึ่งเป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอไม่ใช่ใครแต่เป็นถังม่านลี่ เธอล้วงเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าแล้วโปรยเงินปลิวว่อนลงมาราวกับหิมะที่ภาพดูสวยงามยิ่งนัก
เหล่าอันธพาลตาเป็นประกายรีบกรูกันเข้าเก็บเงินแล้วปล่อยตัวสีอันน่าไป
ถังม่านลี่พุ่งเข้าไปฉุดแขนเธอวิ่ง จากนั้นไม่นานก็หนีออกมาจากซอยนั้นได้
……………………….
[1] ประมาณสี่กิโลแปดร้อยกรัม