ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2499 จัดการส่วนตัว + ตอนที่ 2500 หนีไปอีกแล้ว
ตอนที่ 2499 จัดการส่วนตัว
เสี่ยวเป่าลังเลอยู่พักหนึ่งแต่ก็ตามเหมยเหมยไป ไม่มีใครกล้ารังแกคุณพ่อหรอก คุณน้าอ่อนแอเกินไป เขาต้องปกป้องคุณน้าและน้องสาว
“เสี่ยวเป่า…ลูกกลับมาเลยนะ!” เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
ลูกชายเขากล้าทอดทิ้งเขาเหรอ?
“พ่อครับ…พ่ออยู่บ้านทบทวนพฤติกรรมตัวเองไปก่อนนะ…ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณน้า!” เสี่ยวเป่าหันมาร้องบอก
เล่อเล่อรู้สึกว่าสนุกดี ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าการทบทวนพฤติกรรมของตัวเองคืออะไร แต่เธอก็หันไปตะโกนบอกพ่อว่า “พ่อคะ…พ่อก็ไปทบทวนพฤติกรรมตัวเองด้วยนะ…”
เธอต้องตามคุณแม่ไปอยู่แล้ว…
เพราะแม่ทำเนื้ออร่อย ๆเป็น!
“ไม่ได้การล่ะ…เหยียนหมิงซุ่นแกก็ไม่สนใจภรรยาแกเลยเนอะ…ไม่ได้เรื่อง…มีอย่างที่ไหนกัน ถึงขนาดปีนเกลียวโอหังกับผู้ชาย…ถ้าเป็นฉันนะจะฟาดแส้ใส่เลย ดูสิจะกล้าโวยวายอยู่ไหม!”
เฮ่อเหลียนเช่อตวาดใส่เหยียนหมิงซุ่น ลูกชายเต็มใจตามจ้าวเหมยไปเอง งั้นเขาจะทำอะไรได้?
เหยียนหมิงซุ่นมองเขาแวบหนึ่งแล้วคำรามเสียงเย็นชาว่า “เพราะงั้นแกถึงหาภรรยาไม่ได้ไง!”
สมน้ำหน้าที่เป็นโสดตลอดชีวิต!
เขาเหลือบมองจอบส์ที่ใกล้หมดลมหายใจเต็มทีแวบหนึ่ง สายตาแผ่รังสีเยือกเย็นแล้วออกคำสั่ง “ทำตามคำสั่งของคุณผู้หญิง จัดการทำเขาเป็นเนื้อหมักตากแห้งซะ!”
“พี่ใหญ่…พี่ก็บ้าไปอีกคนด้วยเหรอ?” เหยียนหมิงต๋าตะคอกใส่
“เรื่องนี้ไม่ต้องรายงานถึงหูตำรวจสากลหรอก ฉันจัดการเอง!”
เหยียนหมิงซุ่นมีวิธีต่อกรกับพวกตระกูลคาร์ลตั้งแต่แรกแล้ว พวกตำรวจสากลทำงานชักช้า ขั้นตอนก็ยุ่งยาก เขาจัดการลงมือเองยังสะใจกว่าอีก
วันหน้าตระกูลคาร์ล…จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว!
“พี่ใหญ่…พี่ทำแบบนี้มันผิดกฎข้อตกลงระหว่างประเทศนะ!” เหยียนหมิงต๋าเอ่ยโน้มน้าว เขารู้สึกว่าพี่ใหญ่บ้าเหมือนพี่สะใภ้ไปแล้ว!
“แกน้ำเข้าสมองไปแล้วหรือไง คนพวกนี้เลวระยำใครก็ฆ่าได้ทั้งนั้นแหละ ไปทางโน้นเลย อย่ามาขวางฉันทำงาน!”
จ้าวเสวี่ยหลินรู้สึกขัดใจต่อเหยียนหมิงต๋าที่ไร้ไหวพริบเหลือเกิน คนเราทำอะไรต้องยืดหยุ่นตามสถานการณ์ไม่ใช่หรือไง ตระกูลคาร์ลเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าป่าวประกาศออกไปต้องไม่โดนลงโทษอะไรอยู่แล้ว ยุคสมัยนี้ไม่ว่าที่ไหนก็ใช้เงินจัดการทั้งนั้นแหละ
จัดการโต้ง ๆไปเลยสะใจกว่าเยอะ!
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ระอากับน้องชายจอมซื่อบื้อของเขาเช่นกัน แน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่ข้อเสียอะไร เพียงแต่ความคิดของเหยียนหมิงต๋าคงเป็นผู้นำไม่ได้เพราะขาดความยืดหยุ่นและเด็ดขาด!
“ไปกันเถอะ!”
เหยียนหมิงซุ่นพาลูกน้องออกมาจากคฤหาสน์ ฉับพลันก็ค้นพบว่าเฮ่อเหลียนเช่อหายตัวไปแล้ว แต่ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับถุงใหญ่ที่แบกอยู่บนหลังแล้วฉีกยิ้ม
“ไอ้สารเลวนี่รวยไม่เบาเลย ข้างในมีแต่สมบัติทั้งนั้น!”
เขาเปิดถุงออก ด้านในมีธนบัตรเป็นปึก ๆและอัญมณีที่เปล่งประกายวิบวับ ทุกอย่างล้วนเป็นของราคาแพงทั้งนั้น
“เงินพวกนี้เอาให้พวกนายแบ่งกันแล้วกัน!”
เหยียนหมิงซุ่นคว้าถุงมาแล้วหยิบเงินออกมาส่งให้จ้าวเสวี่ยหลิน การออกมาปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นความลับ ต่อให้ไม่มีเงินพวกนี้จากเฮ่อเหลียนเช่อ หากกลับประเทศไปเขาก็ต้องเอาเงินของตัวเองมาให้อยู่ดี แต่ดูท่าตอนนี้คงประหยัดแล้ว
“โอเค!”
จ้าวเสวี่ยหลินฉีกยิ้ม ในถุงมีเงินราว ๆหกแสนดอลล่าร์ จัดสรรแบ่งพวกพ้องก็จะตกคนละประมาณห้าหกหมื่นซึ่งนับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย คนที่ได้ส่วนแบ่งแล้วก็ยิ้มหน้าบานกันทุกคนเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้มากขนาดนี้!
สมบัติที่เหลือเหยียนหมิงซุ่นก็ส่งคืนให้เฮ่อเหลียนเช่อไป เขาไม่เอาอะไรสักอย่าง
เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงแล้วเอาถุงมาแบกไว้ที่ตัว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ขาดเงิน แต่การเลี้ยงลูกก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน แถมยังต้องมีเงินสู่ขอแต่งงานอีก ตอนนี้ต้องเริ่มเตรียมตัวได้แล้ว!
“จัดการเผาที่นี่ซะ แล้วกลับประเทศคืนนี้เลย!”
เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งเสียงเย็นชา ไม่นานคฤหาสน์ใหญ่โตก็มีเพลิงไฟลุกโชนขึ้นมา ควันดำลอยขึ้นท้องฟ้ายามค่ำคืน เด็กและผู้หญิงที่ถูกช่วยออกมาต่างร้องไห้ด้วยความดีใจ
“เฮ้…ภรรยาของแกเอาลูกชายฉันไปไหนแล้ว?” เฮ่อเหลียนเช่อหาตั้งนานก็ไม่เจอตัวเหมยเหมยกับพวกเสี่ยวเป่าจึงร้อนใจขึ้นมาในฉับพลัน
……………………………………
ตอนที่ 2500 หนีไปอีกแล้ว
เหมยเหมยและพวกเด็ก ๆที่เดิมทีควรรออยู่ด้านนอกในเวลานี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่หน้าประตูคฤหาสน์กลับทิ้งรอยล้อรถเอาไว้
เหยียนหมิงซุ่นเองก็พะวงเช่นกัน เขาเป็นห่วงว่าเหมยเหมยกับพวกเด็ก ๆออกมาแล้วจะเจอคนชั่วอีก แต่เขารู้สึกว่าคงเป็นไปไม่ได้ โจวเจี๋ยรุ่ยซุ่มดูอยู่บนเนินเขา อีกอย่างคฤหาสน์รอบด้านก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ถ้าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้น โจวเจี๋ยรุ่ยต้องรายงานเขาอยู่แล้ว
แต่กระทั่งจนถึงตอนนี้โจวเจี๋ยรุ่ยก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆนั่นแสดงว่าน่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่พวกเหมยเหมยไปไหนกันแล้วนะ?
วิทยุสื่อสารบนปกคอเสื้อของเหยียนหมิงซุ่นดังขึ้นซึ่งก็คือโจวเจี๋ยรุ่ยนั่นเอง “ลูกพี่ ภรรยากับลูกสาวของลูกพี่ถูกใครก็ไม่รู้ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิงพาตัวไป ผมอยากเข้าไปขัดขวางไว้แต่ไม่ทัน”
ระยะทางจากเนินเขาไปยังประตูใหญ่ไกลพอสมควร ขาทั้งสองข้างของโจวเจี๋ยรุ่ยจะวิ่งเร็วเท่ารถสี่ล้อได้อย่างไรกัน เขาจึงเข้าไปขัดขวางไว้ไม่ทันนั่นเอง
สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาสังเกตเห็นว่าเหมยเหมยสมัครใจไปกับคน ๆนั้นด้วย ดูท่าทางจะสนิทสนมกันไม่น้อย ในเมื่อเป็นพวกเดียวกันโจวเจี๋ยรุ่ยก็ไม่กล้าเหนี่ยวไกปืนหรอก เขาจึงทำได้แค่มองภรรยาและลูกสาวของลูกพี่หนีไปกับคนอื่น!
จนถึงตอนนี้เขายังดูไม่ออกเลยว่าสรุปคน ๆนั้นเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงกันแน่?
ถ้าเป็นผู้ชายจริง ๆละก็…จุ๊ ๆ…
โจวเจี๋ยรุ่ยส่งสายตาเห็นใจไปให้เหยียนหมิงซุ่น บนศีรษะมีประกายแสงสีเขียวขึ้นมารำไร[1]
แน่นอน อยากใช้ชีวิตอย่างราบรื่นก็ต้องรู้จักปิดตาข้างหนึ่งยอมรับบ้าง ไม่มีอะไรที่รับไม่ได้หรอก!
พอเหยียนหมิงซุ่นได้ยินว่าดูรูปลักษณ์เหมือนชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง เขาก็รู้ในทันทีว่าเป็นเซียวเซ่อจึงนึกโล่งอก เขาเลยวางแผนว่าจะจัดการตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปง้อเหมยเหมย ครั้งนี้เรื่องราวเลยเถิดใหญ่โตไปจริง ๆ ไม่แปลกหรอกที่เหมยเหมยจะโกรธ!
“ตกลงภรรยาของแกไปกับใครกันแน่? ทำไมแกถึงไม่ร้อนใจเลยล่ะ?” เฮ่อเหลียนเช่อถามอย่างไม่สบอารมณ์
“เซียวเซ่อ เธออยู่ลอสแองเจลิส”
เหยียนหมิงซุ่นไม่เหลือบมองเขาเลยสักนิด เวลานี้เหล่าลูกน้องของเขาราดน้ำมันทั่วทั้งคฤหาสน์แล้ว เขาล้วงหยิบไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงจุดไฟที่บุหรี่แล้วดีดใส่เบา ๆ…ในชั่วพริบตาไฟก็ลุกลามไปทั่ว ไม่นานคฤหาสน์ทั้งหลังก็จมอยู่ท่ามกลางกองไฟ…
“แยกย้าย!”
เหยียนหมิงซุ่นพาลูกน้องและคนที่ช่วยออกมาไปจากคฤหาสน์ ด้านหลังมีเพลิงไฟลุกโหมราวกับคบเพลิงมหึมาท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ส่งพวกเขาไปที่สถานทูต ส่วนพวกนายออกไปจากสหรัฐฯภายในคืนนี้เลย!”
จำนวนคนที่ช่วยออกมาในครั้งนี้มีประมาณ 30 กว่าคนซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเด็กวัยรุ่นหญิงบางส่วน โดยรวมเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับชาวเอเชียและมีบางส่วนที่เป็นคนผิวดำ
“พี่ใหญ่พี่ไม่กลับไปพร้อมพวกเราเหรอ?” เหยียนหมิงต๋ารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาแล้ว
“ฉันต้องไปตามหาเหมยเหมยกับเล่อเล่อก่อน จะกลับไปคนเดียวได้ไง?” เหยียนหมิงซุ่นจ้องเขาตาเขม็งแวบหนึ่ง ปวดศีรษะตุบ ๆ ถ้าไม่พาเหมยเหมยกับเล่อเล่อกลับไปด้วย สองชราที่บ้านจะปล่อยเขาไปเหรอ?
“ฉันเองก็ต้องไปตามหาลูกชายฉันเหมือนกัน วันหลังก็ปรามภรรยาตัวเองบ้าง ตัวเองจะหนีก็อย่าลากลูกชายฉันไปด้วยสิ” เฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบใจนัก
“แกตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าลูกชายแกสมัครใจไปกับเหมยเหมยของฉันเอง? แกดูแลลูกชายแกให้ดีก่อนเถอะ ไม่มีธุระอะไรก็อย่าตามภรรยากับลูกสาวฉันให้มากนักเลย!”
เหยียนหมิงซุ่นสบถด่าอย่างไม่สบอารมณ์ เขากำลังหงุดหงิดอยู่พอดีเลย!
เฮ่อเหลียนเช่อจุกอยู่ในอก ไฟโทสะยังไม่หายไปก็พลันเหลือบไปเห็นโจวเจี๋ยรุ่ยที่พยายามทำตัวไร้ตัวตนอยู่ ฉับพลันเขาก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา ยังไม่ได้สะสางบัญชีกับไอ้สารเลวนี่เลย!
โจวเจี๋ยรุ่ยลอบร้องโอดโอยในใจ บอกแล้วว่าเฮ่อเหลียนเช่อใจคับแคบยิ่งกว่าปลายเข็มเสียอีก ก็แค่แสดงท่าทีไม่ดีด้วยนิดหน่อยไม่ใช่หรือไง แค่นี้ก็ต้องแค้นฝังใจด้วยเหรอ?
“อย่ามายุ่งกับคนของฉัน!” เหยียนหมิงซุ่นสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารของเฮ่อเหลียนเช่อ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าโจวเจี๋ยรุ่ยไปล่วงเกินเขาอย่างไร แต่ก็ต้องปกป้องคนของตัวเองอยู่ดี
“เหอะ!”
เฮ่อเหลียนเช่อมองโจวเจี๋ยรุ่ยด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง รอเจ้าหมอนี่อยู่ลำพังก่อนค่อยว่ากัน เขาไม่ปล่อยไปแน่!
วันต่อมาข่าวที่คฤหาสน์จอบส์ไฟไหม้ลุกโชนราวกับมีปีกงอกออกมาก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งยุโรป แม้แต่ประธานาธิบดียังตกใจรีบแก้สถานการณ์กดดันนี้ แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับกลุ้มใจเพราะเขาค้นพบว่า——
ภรรยาและลูกสาวของเขาหนีไปอีกแล้ว!
………………………………………….
[1] เป็นการเปรียบว่าจะถูกสวมเขาเพราะอีกฝ่ายมีชู้