ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2533 สาวต่างชนชาติที่สง่างามคนหนึ่ง + ตอนที่ 2534 ไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 2533 สาวต่างชนชาติที่สง่างามคนหนึ่ง + ตอนที่ 2534 ไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า
ตอนที่ 2533 สาวต่างชนชาติที่สง่างามคนหนึ่ง
“ได้สิ จะไม่สะดวกหรือเปล่าคะ?”
“ไม่เลยค่ะ ฉันจะพาผู้มีพระคุณไปนะคะ รูปอยู่ชั้นบน น้องชายฉันเขามีห้องเฉพาะใช้วางรูปของเขาช่วงหลายปีมานี้”
เคย์โกะพาเหมยเหมยมาที่ชั้นสอง น้ำเสียงของเธออ่อนโยนมากไม่เร่งรีบ ฟังแล้วรู้สึกสบายตัวมาก
“คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าผู้มีพระคุณแล้วค่ะ เรียกชื่อฉันเถอะนะคะ ฉันชื่อว่าจ้าวเหมย นี่ลูกสาวฉันเล่อเล่อ และนี่เป็นเพื่อนของลูกค่ะชื่อเสี่ยวเป่า” เหมยเหมยบอกชื่อจริงไป
“ฉันนึกว่าเขาก็เป็นลูกของคุณด้วยเหมือนกันซะอีก ตอนนั้นที่โรงแรมยังรู้สึกอิจฉาคุณเลยค่ะว่ามีลูกที่ทั้งสวยทั้งหล่อขนาดนี้!” เคย์โกะรู้จักพูดจา เปลี่ยนคำพูดได้อย่างรวดเร็วจนทำให้บรรยากาศสบายขึ้นมาก
เพื่อนตัวน้อยสามคนคุยกันอยู่ด้านหลังอย่างมีความสุข จริง ๆแล้วแค่สองคน…เพราะว่าเสี่ยวเป่าเงียบตลอดทาง เงียหูฟังแต่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“น้องเล่อเล่อ เธอชอบกินเนื้อใช่ไหม? คุณป้าแม่ครัวที่นี่ทำเนื้อย่างได้อร่อยมาก เดี๋ยวสักพักให้เขาทำให้เรากินนะ ดีไหม?” อิจิโร่สนิทกับเล่อเล่อมาก เพราะเขาไม่มีวันที่จะลืม รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั่น ยามที่เขาอยู่ในความมืดมิด
“ดีเลยค่ะ…ขอบคุณพี่อิจิโร่!” เล่อเล่อตอบรับพร้อมกับปรบมือ
เสี่ยวเป่าเบะปาก ยิ่งเห็นเจ้าหมอนี่ก็ยิ่งไม่ชอบขี้หน้า แล้วยังรู้ดีเอาเนื้อสัตว์มาติดสินบนน้องสาวอีก น่ารำคาญจริง ๆ!
ไม่นานก็มาถึงห้องรูปถ่าย ห้องมีขนาดใหญ่มากเหมือนเป็นที่แสดงนิทรรศการขนาดย่อม ไม่เพียงแต่แขวนห้อยเต็มกำแพง แถมยังวางเรียงตรงหน้าต่างอีก ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นนิทรรศการภาพยนตร์เลย
“เยอะมากเลยค่ะ…น้องชายของคุณต้องชอบถ่ายรูปมากแน่ ๆ” เหมยเหมยร้องอุทาน
“ใช่แล้วค่ะ…เขามักจะตีพิมพ์ผลงานใน National Geographic นอกจากเป็นหมอแล้ว งานอดิเรกที่สองของเขาคือการถ่ายภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นเขาถ่ายเอง และบางส่วนก็ถ่ายโดยเพื่อนของเขาค่ะ”
เธอมองออกเลยว่าความสัมพันธ์ของเคย์โกะกับน้องชายนั้นดีมาก เธอค่อย ๆพาเหมยเหมยดูทีละภาพ อีกทั้งเธอสามารถอธิบายความเป็นมาของแต่ละภาพได้ทุกรูป และยังบอกได้อีกว่าถ่ายไว้ตอนไหน
รูปภาพส่วนมากเป็นภาพทิวทัศน์ซึ่งกล้องจับภาพได้อย่างงดงามมาก เห็นได้ชัดเลยว่าทักษะการถ่ายภาพของน้องชายเคย์โกะไม่ธรรมดา แต่บางรูปก็ให้ความรู้สึกหดหู่ใจเช่นกันซึ่งเป็นภาพที่ประชาชนร้องไห้ระงมอย่างสิ้นหวังตอนเกิดระเบิด…
“สงครามช่างโหดร้ายจริง ๆ…” เคย์โกะทอดถอนใจ เธอเป็นผู้ต่อต้านสงครามอย่างแท้จริง และด้วยเหตุนี้เธอถึงพยายามที่จะใกล้ชิดกับคนฮวาเซี่ยเพื่อชดใช้สงครามในปีนั้น
เหมยเหมยก็ทอดถอนใจเช่นกัน เธอค่อย ๆเดินดูแต่อยู่ดี ๆก็ร้องเสียงหลงเพราะเห็นคนคุ้ยเคย
ภาพนี้เป็นรูปถ่ายหมู่ อาทิตย์อัสดงทำให้เงาสิบกว่าชีวิตทอดยาวออกไป ทั้งทหาร แพทย์ พยาบาล และนักข่าว…ในจำนวนนั้นกลับมีซังเฟยและมาร์คอยู่ด้วย โดยเฉพาะซังเฟยผิวสีเหลืองของเธอโดดเด่นมากท่ามกลางคนมากมาย
“ฉันรู้จักคนสองคนนี้ค่ะ เป็นเพื่อนฉันเอง บังเอิญจริง ๆ!” เหมยเหมยยิ้มแล้วชี้ไปที่สองคนนั้น โลกช่างแคบเหลือเกิน คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันเลยกลับมีคนรู้จักคนคนเดียวกัน
เคย์โกะก็รู้สึกประหลาดใจ เธอชี้ไปที่ซังเฟยแล้วพูดว่า “เธอเป็นคนที่น้องชายฉันจีบอยู่แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ น่าเสียดายจริง ๆ!”
เหมยเหมยเลิกคิ้ว นี่เป็นเรื่องน่าบังเอิญยิ่งกว่า เธอยกนิ้วมือแล้วชื่นชมว่า “สายตาของน้องชายคุณนี่ไม่เลวจริงๆ!”
เคย์โกะหัวเราะ “ฉันก็คิดว่าไม่เลวจริง ๆแหละ หวังว่าปีหน้าจะได้ฟังข่าวดีค่ะ!”
เหมยเหมยมองไปที่มุมซ้ายสุดของภาพ เธอเป็นสาวงามอายุน้อย ผิวค่อนข้างไปทางคล้ำ มีกรอบใบหน้าที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนฮวาเซี่ยแต่เธอกลับมีความสง่างามจากภายในเหมือนชาวฮวาเซี่ยซึ่งให้ความรู้สึกสบายตาแก่ผู้ที่พบเห็น แต่ลักษณะท่วงท่าแบบนี้กลับไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของเธออย่างเห็นได้ชัด
เป็นความรู้สึกขัด ๆกันอย่างบอกไม่ถูก!
……………………………………….
ตอนที่ 2534 ไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า
“เด็กผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเพื่อนกับน้องชายคุณเหรอคะ? ดุอายุยังไม่เยอะ” เหมยเหมยชี้ไปที่เด็กผู้หญิงแล้วถามขึ้น
เคย์โกะมองเข้าไปใกล้แล้วส่ายศีรษะ “ไม่น่าจะใช่นะคะ น้องชายของฉันไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนนี้ให้ฉันฟังเลย รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายที่ประเทศหนึ่งในตะวันออกกลางค่ะ น่าจะถ่ายไว้ปีที่แล้ว คนในรูปฉันก็ไม่ได้รู้จักทั้งหมดค่ะ”
“อ้อ ฉันแค่เห็นว่าเธอหน้าตาสะสวยค่ะ แล้วยังดูเด็กอยู่เลย ดูท่าแล้วคงจะยังไม่ถึง 18 ด้วยซ้ำล่ะมั้ง?” เหมยเหมยเหลือบมองเด็กผู้หญิงอีกครั้ง อายดูน้อยจริง ๆ น่าจะไม่เกิน 18 ปีแต่ท่วงท่ากลับมีความมุ่งมั่น มีวุฒิภาวะที่ไม่เข้ากับใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเธอเลย
“ไม่น่าจะสิบแปดนะ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่นั่น เด็กผู้หญิงที่นั่นเป็นผู้ใหญ่กันเร็ว ฉันว่าอย่างมากก็ต้องมีสัก 13-14 ปีแล้วล่ะ ไม่เกิน 15 ปีแน่นอน!” เคย์โกะมั่นใจมาก เธอเห็นว่าเหมยเหมยสนใจในตัวเด็กผู้หญิงคนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะมองตามไปด้วย แล้วสีหน้าก็เริ่มแปลกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ทำไมยิ่งดูเด็กผู้หญิงคนนี้แล้วยิ่งให้ความรู้สึกว่าเหมือนคนฮวาเซี่ยนักนะ? ถ้าไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์และสีผิวของเธอ ฉันก็คงคิดว่าเธอเป็นคนฮวาเซี่ยเหมือนคุณซะอีก!”
เคย์โกะก็เริ่มพบความผิดปกติ ทุกชนชาติต่างมีลักษณะเด่นของตัวเอง โดยเฉพาะประเทศเก่าแก่ทางตะวันออกที่ไกลออกไป ท่วงท่ายิ่งแตกต่างจากคนส่วนมาก มองเพียงแวบเดียวก็ดูออกแล้ว
“คุณก็คิดแบบนั้นเหรอ? คุณลองดูท่ากุมมือของเธอสิ มือของเธอวางอยู่ตรงหน้าท้องส่วนล่างอย่างเป็นธรรมชาติ และร่างกายของเธอเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย ท่าทางนี้เป็นแบบชาวตะวันออกจริง ๆ เด็กผู้หญิงที่นั่นไม่น่าจะสำรวมกิริยาแบบนี้หรอกใช่ไหมคะ?”
ความอยากรู้อยากเห็นของเหมยเหมยถูกขุดขึ้นมา บนตัวของเด็กผู้หญิงตะวันออกกลางคนหนึ่งแต่กลับมีท่วงท่าที่สง่างามดึงดูดคนเหมือนชาวตะวันออก ช่างน่าเหลื่อเชื่อจริง ๆ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ผู้หญิงที่นั่นมีฐานะต่ำต้อยมาก…ปกติแล้วจะไม่ออกไปไหน แล้วก็ไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าให้คนอื่นเห็นได้ โอ้ว…เด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงไม่มีผ้าคลุมหน้าล่ะ? หรือว่าเธอไม่ใช่คนพื้นเมืองที่นั่นเหรอ?”
เคย์โกะพบจุดผิดปกติอีกหนึ่งจุด เด็กผู้หญิงบนภาพถ่ายยิ้มน้อย ๆ เธอใส่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเข้ากับรูปร่างของเธอ แต่เธอกลับไม่ได้คลุมผ้าที่หน้าเหมือนเด็กผู้หญิงพื้นเมืองทั่วไปแล้วฉีกยิ้มแบบเรียบ ๆ
“ใช่…ฉันได้ยินมาว่าหากผู้หญิงที่นั่นไม่ปิดผ้าคลุมหน้าจะถูกลงโทษไม่ใช่เหรอ? เธอไม่น่าจะเป็นคนพื้นเมืองที่นั่นละมั้ง? เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจจริง ๆ ถ้าน้องชายของคุณอยู่ที่นี่คงดี ฉันอยากได้ยินเรื่องราวของเธอจริง ๆ!”
เหมยเหมยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องมีเบื้องหลังเรื่องราวอะไรแน่นอน และจะต้องเป็นเรื่องราวที่วิเศษด้วย แต่น่าเสียดายคนที่รู้เรื่องนี้กลับไม่อยู่บ้าน
เคย์โกะก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน เธอก็รู้สึกสนใจในตัวเด็กผู้หญิงคนนี้แล้วเหมือนกัน เมื่อก่อนมักจะมาพักผ่อนที่นี่บ่อย ๆแต่กลับไม่เคยสังเกตจุดประหลาดบนภาพถ่ายนี้เลย!
“ตอนนี้น้องชายของฉันน่าจะยังอยู่ตะวันออกกลาง รอเขากลับมาฉันจะต้องสืบเรื่องเด็กผู้หญิงคนนี้แน่ค่ะ ถึงตอนนั้นฉันค่อยเล่าให้คุณฟังอีกที!
“ได้เลยค่ะ…ถึงตอนนั้นคุณโทรหาฉันได้เลยนะคะ!”
เหมยเหมยตกลงอย่างง่ายดายแล้วดูภาพอื่น ๆต่อ แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือเธอเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว เธออยู่ท่ามกลางคนกลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนเธอจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แม้ว่าจะเป็นการมองผ่านภาพแต่กลับสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังของกลุ่มคนเหล่านี้
หญิงสาวคนนี้สวมชุดยาวตามแบบฉบับคนในท้องถิ่นแต่เธอยังไม่สวมผ้าคลุม ไม่…เธอสวมผ้าคลุม แต่เธอดึงผ้าคลุมออกเพื่อมาพันแผล แขนขวาของเธอได้รับบาดเจ็บ ผ้าคลุมสีดำผูกรัดแน่นอยู่ตรงบาดแผล
หญิงสาววิ่งตามคนกลุ่มหนึ่งออกไปด้วยท่าทีตื่นตระหนกและมองมาที่กล้อง ดวงตาของเธอเป็นประกาย และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจ…
ความสนใจของเหมยเหมยเคลื่อนไปที่แขนขวาของหญิงสาว เมื่อเห็นผ้าคลุมที่ถูกรัดแน่น เธอก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
……………………………