ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2543 พาเด็กๆ ไปด้วย + ตอนที่ 2544 สองบุคลิก
ตอนที่ 2543 พาเด็กๆ ไปด้วย
เวลาผ่านไปแล้วสี่วันโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดเพื่อนของยูทากาฮาชิก็มาถึง เขาอายุมากกว่ายูทากาฮาชิไม่กี่ปี ดูเป็นผู้ชายเรียบง่าย ครั้นเจอยูทากาฮาชิ พวกเขาก็กอดกันแน่นดูสนิทสนมกันไม่น้อย
“มือเป็นอย่างไรบ้าง? กลับมาเป็นปกติได้ไหม?” ฟุจิตะคุงถามด้วยความเป็นห่วง
ยูทากาฮาชิฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “อาการบาดเจ็บกระทบเส้นเอ็น ถึงแม้จะทำกายภาพบำบัดก็ไม่สามารถกลับมาหายดีได้เหมือนเดิม ผมไม่สามารถจับมีดผ่าตัดได้อีกแล้ว!”
“อย่าเพิ่งหมดหวัง นายจะยอมแพ้ไม่ได้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย ถึงแม้มือข้างขวาจะกลับมาหายเหมือนเดิมไม่ได้ แต่นายยังมีมือข้างซ้ายนะ ตอนนั้นครูก็ไม่ได้บอกให้เราต้องใช้มือขวาจับมีดผ่าตัดอย่างเดียวสักหน่อย!”
ยูทากาฮาชิดวงตาเป็นประกายและกลับมาสดใสอีกครั้ง
ใช่ เขายังมีมือข้างซ้ายอยู่ ถึงแม้มือซ้ายจะแรงดีสู้มือขวาไม่ได้ แต่เขาสามารถฝึกฝนมันได้ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?
“ขอบคุณครับพี่ ผมจะพยายามครับ!”
ยูทากาฮาชิโค้งตัวลงขอบคุณ อารมณ์ดูแตกต่างจากเมื่อครู่ราวกับเด็กที่หลงทางแล้วมองเห็นแสงสว่างอย่างไรอย่างนั้น
“สู้ ๆ ฉันจะรอนายกลับมา!” ฟุจิตะคุงชกบ่าของยูทากาฮาชิ ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ มิตรภาพที่ดีเช่นนี้ ทำให้คนอื่นต้องรู้สึกอิจฉา
ยูทากาฮาชิแนะนำเหมยเหมยพร้อมทั้งบอกความตั้งใจของเธอว่าอยากจะไปตะวันออกกลาง ฟุจิตะคุงมุ่นคิ้วกล่าวเตือนเหมยเหมยว่าให้คิดทบทวนดี ๆ อย่าเห็นชีวิตเป็นของเล่น
“ขอบคุณค่ะ ฉันคิดดีแล้ว ฉันมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ฉันเป็นพยาบาลให้กับทางทีมแพทย์ได้ ฉันจะไม่เป็นภาระให้พวกคุณแน่นอนค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง!”
เหมยเหมยโค้งตัวให้ฟุจิตะคุง หล่อนยังมีความสามารถในการดูแลตัวเอง เธอจะไม่ไปเป็นภาระทีมแพทย์แน่นอน
“ได้ครับ ผมพาคุณไปด้วยได้ แต่ตลอดทางคุณจะต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่มีใครช่วยคุณได้นะ” ฟุจิตะคุงทำสีหน้าจริงจัง เขาพูดเชิงในแง่ที่ไม่ดีไว้ก่อน!
พอไปถึงที่นั่น ทุกคนต้องดูแลตัวเอง อย่าหวังว่าจะมีใครมาดูแลเลย!
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร!”
“ไฟล์ทบินพรุ่งนี้เช้าเก้าโมงครึ่ง คุณไม่ต้องเอาของไปเยอะ ผมแนะนำว่าคุณควรแต่งหน้าแต่งตาให้น่าเกลียดหน่อย อยู่ที่นั่นยิ่งสวยก็ยิ่งเป็นภัย!” ฟุจิตะคุงพูดแฝงนัยยะบางอย่าง
“ได้ค่ะ!”
เหมยเหมยโล่งใจและรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอยังมีเวลาอีกหนึ่งวันเพียงพอที่จะจัดการกับเด็กสองคนนี้
“ไม่เอา…ไม่อยากกลับบ้าน…แม่ใจร้าย…”
เล่อเล่อกลับดื้อขึ้นมากอดขาเหมยเหมยไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมไปสถานทูต เหมยเหมยถึงกับปวดศีรษะเพราะจะตีก็ไม่ได้จะว่าก็ไม่ได้เหมือนบรรพบุรุษตัวน้อยของเธอจริง ๆ!
“พี่กลับบ้านไปเป็นเพื่อนด้วยดีไหม?”
“ไม่ดี…หนูจะเอาคุณแม่…!” เสี่ยวเป่าพูดก็ไม่ได้ผล เล่อเล่อก็ยังคงไม่ยินยอม
เสี่ยวเป่าก็ไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน จะไปหาคุณอาโดยที่ไม่มีเขาได้อย่างไร?
ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าคุณน้ากำลังคิดไปเองแต่เขาก็ยังอยากตามไปด้วยอยู่ดี คนนั้นเป็นคุณอาหรือเปล่าเขาแค่ลองดมดูก็รู้แล้ว
เขาต้องตามไปด้วยให้ได้เพราะกังวลว่าเหมยเหมยจะพาคุณอาตัวปลอมกลับมา!
ฉิวฉิวที่ปิดปากเงียบมาตลอดก็ปีนขึ้นไปบนไหล่ของเหมยเหมยแล้วส่งเสียงร้องออกมาว่า “พาเด็ก ๆไปด้วยเถอะ มีฉันอยู่ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น!”
“ขี้โม้ ครั้งนี้ออกมาคนขี้เกียจอย่างแกแม้แต่อุ้งมือยังไม่ยอมขยับเลยด้วยซ้ำ คาดหวังกับแกสู้พึ่งพาตัวเองยังจะดีกว่าอีก!”
เหมยเหมยโมโหจนพ่นน้ำลายกระเด็นใส่คุณชายฉิวไปทั้งตัว ตอนอยู่คฤหาสน์จอบส์เสวี่ยเอ๋อร์ยังพอให้ความช่วยเหลือบ้าง แต่คุณชายฉิวผู้เกียจคร้านแทบจะไม่ทำอะไรเลย แถมยังมีหน้ามาโม้อีก?
ฉิวฉิวสะบัดหางไปมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นี่ไม่ใช่สถานการณ์ถึงขั้นคอขาดบาดตายไม่ใช่เหรอ? แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ เธอก็เห็นว่ามีครั้งไหนบ้างที่ฉันไม่ลงมือช่วย? ใจร้ายจริง ๆ!”
……
เหมยเหมยที่ถูกฉิวฉิวล้างสมองก็พาเด็ก ๆกลับมา จากนั้นก็ป่าวประกาศข่าวใหญ่ว่า “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะพาเด็ก ๆไปด้วย!”
……………………………………..
ตอนที่ 2544 สองบุคลิก
“ในสมองของคุณมีแต่น้ำทะเลเหรอ? คุณนึกว่าไปพักร้อนเหรอ? กลับพาเด็กมาด้วย…คุณนี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ…”
แม้เคย์โกะจะโกรธมากแต่ก็ระงับไฟโทสะไว้ ใช้เหตุผลคุยด้วยอย่างมีสติแต่กลับใช้ถ้อยคำที่ไม่ได้อ่อนโยนขนาดนั้น ขาดแค่ชี้นิ้วด่าเหมยเหมยว่าคุณเป็นคนบ้าแล้ว!
“ฉันคิดมาดีแล้ว ให้เด็ก ๆได้เรียนรู้ถึงความชั่วร้ายของสงครามตั้งแต่เล็ก อนาคตเติบโตไปจะได้พยายามห้ามไม่ให้เกิดสงครามขึ้นอีก!” เหมยเหมยพูดเหลวไหลไปยาวเหยียด
“เรียนรู้บ้าอะไรของคุณ! Shit…คุณนี่มันบ้าชัด ๆ…ไม่สิ คุณไม่คู่ควรเป็นแม่คน…คุณอยากรนหาที่ตายเองฉันไม่ห้าม แต่คุณอย่าพาเด็กไปด้วย ฉันไม่มีทางอนุญาตแน่นอน…”
เคย์โกะตบโต๊ะอย่างแรงแล้วพ่นออกมาเป็นภาษาอังกฤษซึ่งบุคลิกต่างไปจากความอ่อนโยนเรียบร้อยในวันวานอย่างสิ้นเชิง ราวกับสาวเปรี้ยวตามท้องถนนจนเหมยเหมยมองตาค้างไปเลยทีเดียว
โอ้โห…ผู้หญิงคนนี้ก็โดนผีสิงร่างเหมือนกันหรือ?
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ยังเป็นเคย์โกะอยู่หรือเปล่า?” เหมยเหมยถามด้วยความระมัดระวัง
“ฉันยังสบายดี ตอนนี้เป็นคุณเองต่างหากล่ะ สรุปว่าฉันไม่มีทางอนุญาตให้คุณพาเด็กไปด้วยแน่ ๆ!”
เคย์โกะปัดมือที่กำลังโบกไปมาตรงหน้าลงแล้วกลับไปพูดภาษาจีนเหมือนเดิมพร้อมกลับไปเป็นคุณนายโยโกยามะผู้อ่อนโยนสูงสง่าเรียบร้อยคนเดิม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้มันช่างน่าทึ่งเสียจริง!
ยูทากาฮาชิเห็นแล้วก็นึกขำ คิดถึงพี่สาวที่ซิ่งรถในวันวานเสียจริง!
หลังจากแต่งเข้าตระกูลโยโกยามะก็เปลี่ยนเป็นสตรีหญิงผู้อ่อนแอไร้จิตวิญญาณ เขาเห็นแล้วก็ช่างเจ็บใจเหลือเกิน!
“พี่สาวของคุณคงไม่ได้เป็นโรคดิสโซสิเอทีฟหรือเป็นพวกคนสองบุคลิกหรอกใช่ไหม?” เหมยเหมยถามยูทากาฮาชิด้วยความฉงน
เธอไม่เคยเจอผู้หญิงที่เปลี่ยนท่าทีง่ายดายเท่าเคย์โกะมาก่อนเลยจริง ๆ ภาพนี้มันประหลาดเกินไป!
“คนก่อนหน้านี้ต่างหากที่เป็นบุคลิกจริงของพี่สาวผม บุคลิกตอนนี้เป็นแค่หน้ากากที่สมบูรณ์แบบของเธอเท่านั้น ถ้าเวลาผ่านไปนานวันเข้าคุณก็จะชินเอง!”
ยูทากาฮาชิพูดยิ้ม ๆแฝงด้วยความระอาเล็กน้อย
ตระกูลโยโกยามะเป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ ฉะนั้นกฎระเบียบก็มีมากที่สุดแล้วยังมีแต่ขนบธรรมเนียมเก่าแก่ ลำบากพี่สาวเสียจริง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เขยเข้าใจพี่สาวเลยย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ชีวิตของพี่สาวคงแย่กว่านี้อีก!
“อย่านอกเรื่อง เรื่องนี้ฉันยืนกรานว่าขอคัดค้าน!” เคย์โกะพูดเน้นย้ำอีกประโยค
“คุณวางใจเถอะ ฉันจะทำร้ายเด็กได้อย่างไร ในเมื่อพาพวกเขาไปก็ต้องปกป้องพวกเขาได้ดีพอ คุณอย่าลืมสิ ฉันไม่ใช่คนทั่ว ๆไปเชียวนะ!”
เหมยเหมยขยิบตาให้เธอแล้วเผยรอยยิ้มปริศนายากจะคาดเดาได้ออกมา
เคย์โกะแปลกใจ เธอนึกถึงเหล่าบอดี้การ์ดในที่ลับตามที่สามีพูดถึงก็คิดว่าสาเหตุที่เหมยเหมยมั่นอกมั่นใจนักหนาอาจเป็นเพราะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลปกป้องอยู่ เช่นนี้ก็พอจะวางใจได้!
แต่ก็ยังอันตรายเกินไป ไม่รู้ว่าพ่อของเด็กมัวทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้ภรรยาแสนสวยกับลูก ๆเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก ใจใหญ่เกินไปหรือเปล่า!
ยูทากาฮาชิพูดดับฝันหวาน “ทีมแพทย์ไม่มีทางตกลงให้คุณพาเด็กไปด้วยหรอก มันวุ่นวายเกินไป!”
พาเด็กสองคนไปด้วยมันเข้าท่าตรงไหนกัน?
“ฉันบริจาคเงินให้ทีมแพทย์ของพวกคุณได้ ห้าล้านดอลลาร์พอไหม? บริจาคตอนนี้เลย!”
เหมยเหมยควักเอาเช็คออกมาทันที นี่เป็นบัญชีส่วนตัวยูบีเอสของเธอโดยเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนเปิดบัญชีนี้ให้ ข้างในมีเงินเท่าไรเธอไม่ทราบแต่เงินห้าล้านดอลลาร์น่าจะพอมีอยู่
ยูทากาฮาชิกับเคย์โกะแลกเปลี่ยนสายตาด้วยความฉงน พวกเขาดูออกว่าเช็คของเหมยเหมยมาจากธนาคารยูบีเอสตั้งแต่แวบแรกแล้ว ลูกค้าที่สามารถครอบครองเช็คเปล่าได้ต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อยหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ขึ้นไป ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสิทธิ์ใช้สมุดเช็ค
จ้าวเหมยคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?
รู้สึกลึกลับดีจัง!
………………