ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2603 คบชู้ + ตอนที่ 2604 ให้ชายโฉดไปตัวเปล่า
ตอนที่ 2603 คบชู้
เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ คิดไม่ถึงว่าฉีฉีเก๋อจะหย่า
“สามปีนี้เธอกับฉางชิงซานรักกันดีไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างยายแก่ปีศาจก็ไม่อยู่ ทำไมถึงหย่าล่ะ?” เหมยเหมยคิดไม่ตก
สามปีก่อนฉีฉีเก๋อให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่ง เนื่องจากความโง่เขลากับความเห็นแก่ตัวของยายแก่ปีศาจเลยทำให้ฉีฉีเก๋อต้องแลกด้วยชีวิตที่เกือบเอาไม่รอดกว่าจะให้กำเนิดลูกสาวอย่างเป่ารื่อน่ามาได้ แต่หลังจากนั้นเธอก็ยากจะตั้งครรภ์ได้อีก
เป่ารื่อน่าอายุสามขวบแล้ว ชื่อถูกตั้งโดยลุงปาเกินเพราะลุงปาเกินหวังว่าจะให้ทะเบียนบ้านของเป่ารื่อน่าขึ้นตรงกับบ้านเกิด เช่นนี้อนาคตเขาจะได้แบ่งมรดกบางส่วนให้สองแม่ลูกฉีฉีเก๋อได้อย่างสมเหตุสมผล
ไม่มีรักไหนยิ่งใหญ่เท่าพ่อกับแม่แล้ว ลุงปาเกินทุ่มเพื่อฉีฉีเก๋อมากจริง ๆ!
ฉางชิงซานไม่มีความคิดเห็นอะไรกับเรื่องนี้ซึ่งยายแก่ปีศาจก็เช่นกัน อย่างไรเสียก็เป็นเพียงลูกสาวคนหนึ่งจะไปอยู่ไหนก็ไม่เป็นไร แต่พ่อของฉางชิงซานกลับคัดค้าน เขาคิดว่าหลานสาวตระกูลฉางทำไมต้องย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่บ้านแม่ด้วย คนนอกเห็นแล้วต้องหัวเราะเยาะแน่!
แต่เรื่องในตระกูลฉางมักเป็นไปตามยายแก่ปีศาจตัดสิน ฉางชิงซานกับพ่อของเขาไม่มีทางคัดค้านการตัดสินใจของยายแก่ปีศาจได้ ฉะนั้นทะเบียนบ้านของเจ้าเป่ารื่อน่าจึงอยู่ที่บ้านของลุงปาเกินแต่ก็เพราะความดูถูกที่คนตระกูลฉางมีให้แก่เป่ารื่อน่าบ่อยครั้งเลยทำให้ลุงปาเกินตั้งชื่อสาวน้อยตามฉบับสาวมองโกลด้วยความโกรธ แล้วยังเปลี่ยนชนเผ่าเป็นเผ่ามองโกลด้วย
หลังจากฉางชิงซานรับรู้ก็ไม่ค่อยพอใจนัก แต่เรื่องเป็นไปตามนั้นแล้วจึงปล่อยเลยตามเลยไป
สามปีมานี้ฉีฉีเก๋อกับฉางชิงซานแม้จะมีทะเลาะกันบ้างแต่ก็นับว่ารักกันดี ฐานะทางบ้านก็ดีขึ้นเรื่อย ๆเพราะฉางชิงซานเปลี่ยนสายงานไปทำด้านผู้กำกับแทน ภาพยนตร์เรื่องแรกนับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ภายหลังยิ่งโชคดีได้เลื่อนขั้นขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังถ่ายภาพยนตร์ติดต่อกันสองเรื่องจนกลายเป็นผู้กำกับหนุ่มที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
มีลูกสาวแล้วแถมครอบครัวยังรักใคร่กลมเกลียวกันดี เหมยเหมยไม่เข้าใจเลยว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะหย่ากันด้วยสาเหตุอะไร?
“ยายแก่ปีศาจมาเหรอ?” เหมยเหมยนึกได้เพียงสาเหตุนี้เท่านั้น
“นี่เป็นแค่หนึ่งในนั้น ยายแก่ปีศาจมาก็จริง แต่ครั้งนี้ตัวการสำคัญอยู่ที่ฉางชิงซาน ไอ้สารเลวนี่มีชู้รักนอกบ้าน อีกอย่างนังจิ้งจอกนั่นท้องโตแล้วด้วย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยเสียงเคียดแค้น
“ฉางชิงซานคบชู้เหรอ? จริงหรือหลอกเนี่ย? เรื่องนี้แน่ใจนะ?” เหมยเหมยถามรัว ๆหลายประโยค
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เชื่อ แม้ฉางชิงซานจะเป็นคนนิสัยตลบตะแลงแต่เขาก็รักฉีฉีเก๋อมากพอสมควร นี่เพิ่งแต่งงานได้กี่ปีเอง?
ยังไม่ถึงช่วงอาถรรพ์เจ็ดปีเลย ทำไมถึงเกิดปัญหาขึ้นได้ล่ะ?
“แน่นอนว่าเรื่องจริง ฉีฉีเก๋อเคยไปหาถึงที่แล้วด้วย ฉางชิงซานซื้อบ้านสองร้อยตารางเมตรให้นังจิ้งจอกนั่น ทั้งยังตกแต่งหรูหราโอ่อ่าอย่างกับราชวังยุโรป อีกอย่างนังจิ้งจอกก็เข้าไปอยู่ที่นั่นและท้องได้สามเดือนแล้วด้วย
ฉันเคยไปสืบหาถามคนละแวกนั้นดูแล้ว ฉางชิงซานไปพักที่นั่นบ่อย ๆและยังไปเดินเล่นเป็นเพื่อนนังจิ้งจอกนั่นตลอดด้วย พวกเขาดูท่าทางรักกันมาก ชาวบ้านในชุมชนหลงคิดว่าฉางชิงซานกับนังจิ้งจอกนั่นเป็นสามีภรรยากันอีกต่างหาก!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยแรงโทสะ เธอไปหานังจิ้งจอกที่บ้านเป็นเพื่อนฉีฉีเก๋อแล้วก็เห็นฉางชิงซานประคองนังจิ้งจอกเดินเล่นอยู่สวนดอกไม้เองกับตา ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเสียเหลือเกิน
ครั้งฉีฉีเก๋อตั้งท้องยังไม่เคยได้รับการดูแลแบบนี้มาก่อนเลย ฉางชิงซานหายหัวไปตั้งแต่เช้ายันค่ำไม่เห็นแม้แต่เงา ถึงขั้นต้องคอยอดทนให้ยายแก่ปีศาจทารุณ
“เหมยเหมยเธอไม่รู้ ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้น เธอรู้ไหมว่าใครกำลังดูแลนังจิ้งจอกนั่นอยู่?”
“ใคร? คงไม่ใช่ยายแก่ปีศาจหรอกนะ?” เหมยเหมยคิดได้แค่ความเป็นไปได้นี้ แต่เธอคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมันน่าเหลือเชื่อเกินไป
แต่ทว่า–
“ใช่ ยายแก่ปีศาจนี่แหละ โอ๊ย…ฉันโมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว ตอนนั้นยายแก่ปีศาจแม้แต่เนื้อยังไม่อยากให้ฉีฉีเก๋อทาน แต่ตอนนี้ตุ๋นซุปไก่ให้นังจิ้งจอกทุกวัน…” ไฟโทสะของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปะทุขึ้นที่แม้จะคุยผ่านโทรศัพท์ก็ยังสัมผัสได้
…………………………
ตอนที่ 2604 ให้ชายโฉดไปตัวเปล่า
เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอคาดเดาจะเป็นจริงพลันก็บันดาลโทสะด่าอย่างแค้นใจ “ฉีฉีเก๋อยอมทนแบบนี้เหรอ?”
“ก็นั่นน่ะสิ ยัยโง่นี่กลับบอกว่านอกจากเป่ารื่อน่าจะไม่เอาอะไรทั้งนั้น…โอ๊ย ฉันโมโหจะแย่ เหมยเหมยเธอต้องรีบกลับมานะ เราจะปล่อยฉางชิงซานไปง่าย ๆไม่ได้ ฉันจะต้องให้มันหย่าแล้วไปตัวเปล่าเท่านั้น!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่า
“เธอรอฉันก่อน ฉันจะถึงบ้านวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอ เธอให้ฉีฉีเก๋ออยู่เฉย ๆไปก่อน อย่าเซ็นสัญญาข้อตกลงอะไรทั้งนั้น ไว้ฉันกลับไปค่อยว่ากันอีกที”
เหมยเหมยทั้งเห็นใจต่อความโชคร้ายของฉีฉีเก๋อแต่ก็โมโหกับความยอมคนของเธอเสียจริง โดนคนขี้รดหัวขนาดนั้นแล้วกลับยังคงนิสัยยอมคนแบบนี้อยู่อีก!
แถมยังลั่นวาจาที่ช่วยเสริมความได้ใจให้ศัตรูแต่กลับเป็นคนโง่ที่สร้างเรื่องทุกข์ยากให้ตัวเอง!
เป่ารื่อน่าต้องเอาอยู่แล้ว แต่ทรัพย์สินก็ห้ามน้อยแม้แต่หยวนเดียว มีสิทธิ์อะไรปล่อยให้ชายโฉดหญิงชั่วได้เปรียบกัน!
จะไม่เหลือเงินให้ฉางชิงซานแม้แต่หยวนเดียวเด็ดขาด!
เหมยเหมยวางสายไปด้วยความโมโหแล้วหันมาบอกเหยียนหมิงซุ่นว่า “ผู้ชายไม่มีดีเลยสักตัว!”
เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆ ไม่ปริเสียงสักนิดอย่างรู้หน้าที่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะโอ๋กลับมาได้ก็ปล่อยให้เหมยเหมยด่าไปเถอะ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย!
นี่เป็นกฎข้อแรกในการกำราบภรรยาของท่านพ่อตาจ้าวอิงหัวของเขา
หลายวันมานี้เหยียนหมิงซุ่นมัวแต่อ่านกฎกำราบภรรยาที่จ้าวอิงหัวเขียนให้เขาโดยเฉพาะ พลันรู้สึกซาบซึ้งจนต้องอ่านทุกวันวันละรอบ ผลก็ค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงชอบฟังคำพูดหวาน ๆตามคาด
“อย่าร้อนใจไป ไม่ถึงพรุ่งนี้ คืนนี้ก็ถึงบ้านแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบ
เหมยเหมยพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ถ้าถึงคืนนี้พรุ่งนี้เธอก็จะไปหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ในที่สุดตกดึกราว ๆห้าทุ่มครึ่งพวกเหมยเหมยก็มาถึงเมืองหลวง นอร์แมนกับเอ็ดดี้ปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น พวกเขาอยู่เที่ยวที่เมืองหลวงหลายวันและไล่ทานของอร่อย ๆทั่วทั้งเมืองหลวง กระทั่งยื้อเวลาจนไม่อาจยื้อไปมากกว่านี้ได้พวกเขาถึงกลับบริษัททำเรื่องเกษียณ ทั้งเตรียมพร้อมไว้ว่าหากทำเอกสารเสร็จทุกอย่างค่อยมาฮวาเซี่ยอีก
ประเทศนี้มีของอาหารอร่อย ๆมากมายแล้วยังมีวิชาการต่อสู้แสนลึกลับขนาดนี้…สิ่งเหล่านี้ดึงดูดพวกเขาอย่างมาก บ้านเกิดของพวกเขาไม่สามารถดึงดูดอะไรพวกเขาได้อีก
พอคุณย่าหยางกับคุณปู่เห็นหน้าเหลนสาวที่เฝ้ารอคอยอยู่ทุกวันอย่าให้พูดเลยว่าดีใจมากแค่ไหน ด่าเหยียนหมิงซุ่นไปยกหนึ่งต่อหน้าเหมยเหมยเพื่อเป็นเชิงยืนกรานว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเหยียนหมิงซุ่น
เหมยเหมยขอโทษคนแก่ทั้งสองโทษฐานออกจากบ้านไปนานพาลทำให้คนแก่ทั้งสองต้องเป็นห่วง
เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็กลับบ้านไปหาเหยียนซินหย่า แต่เหยียนซินหย่าไม่อยู่บ้านเพราะกำลังวาดรูปอยู่ที่ห้องวาดรูปในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ครั้นเจอเหมยเหมยก็ดีใจสุดขีดแต่ก็ยังด่าเหมยเหมยไประลอกหนึ่งอยู่ดี
“คราวหลังจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้อีกนะ มีแค่หมิงซุ่นที่ตามใจลูกขนาดนี้ ลองเป็นผู้ชายคนอื่นสิ ใช้ชีวิตคู่ต่อไปไม่ได้แน่” เหยียนซินหย่าเอ่ยเตือน เหมยเหมยฟังจนง่วงแต่ก็ไม่กล้าแย้งใด ๆ
สิ่งที่ทำให้เธออัดอั้นตันใจยิ่งกว่าคือเหยียนซินหย่าสีหน้าดูดีเปล่งปลั่งมีราศีและมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยม มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนอายุเลยครึ่งร้อยเลยสักนิด คนที่แข็งแรงขนาดนี้จะสุขภาพย่ำแย่ได้อย่างไร?
เจ้าเหยียนหมิงซุ่นโกหกเธออีกแล้ว!
ไว้กลับไปคิดบัญชีกับหมอนี่อีกที เหมยเหมยออกมาจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเหยียนซินหย่าแล้วโทรหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน พวกเธอนัดมาเจอกันที่บ้านฉีฉีเก๋อเพื่อปรึกษาเรื่องหย่า
บ้านที่ฉีฉีเก๋ออาศัยอยู่ในตอนนี้เป็นบ้านที่ฉางชิงซานซื้อหลังจากถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรกเสร็จ มีขนาดไม่ใหญ่มากแค่ร้อยกว่าตารางเมตรแต่เพียงพอสำหรับสามสมาชิกในครอบครัวแล้ว
แต่ก็เทียบไม่ได้กับราชวังใหญ่โตสองร้อยกว่าตารางเมตรของยายชู้รักนั่นแน่ ๆ
“ต้องหย่า ต้องให้ฉางชิงซานไปแค่ตัวเปล่า แล้วเป่ารื่อน่าก็ต้องเป็นของเธอ ในเมื่อฉางชิงซานคิดจะหย่าก็อย่าหวังว่าจะได้ทรัพย์สินไปแม้แต่หยวนเดียว” เหมยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
……………