ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2641พลิกผัน + ตอนที่ 2642 ไปตัวเปล่า
ตอนที่ 2641 พลิกผัน
ห้านาทีก่อนเริ่มพิพากษาฉางชิงซานเดินไปตรงหน้าฉีฉีเก๋อที่กำลังพูดคุยกับครอบครัวและเพื่อน ๆแล้วเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ฉีฉีเก๋อ หัวใจของฉันไม่เคยเปลี่ยนไปจริง ๆ ขอแค่ตอนนี้เธอถอนฟ้อง ความสัมพันธ์ของเราก็ยังเหมือนเดิมดีไหม?”
ฉีฉีเก๋อทำหน้านิ่งเอ่ยเสียงเย็น “ฉางชิงซานนายนี่มันหน้าด้านจริง ๆเลยนะ นอนกับผู้หญิงคนอื่นจนทำเขาท้องยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ? นายคิดว่าฉันโง่เหรอ?”
“นั่นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด…เข้าใจผิดจริง ๆ…”
ฉางชิงซานยังไม่ทันพูดจบดีกำปั้นขนาดใหญ่เท่าภาชนะเครื่องปั้นดินเผาก็กระแทกใส่หน้าเขาจนล้มลงกับพื้นคางเบี้ยวเลยทีเดียว
“เข้าใจผิดบ้าบออะไร…เห็นน้องสาวฉันเป็นคนน่ารังแกสินะ? มีฉันอยู่วันนี้ยังไงก็ต้องหย่า!”
พี่รองที่นิสัยขี้โมโหของฉีฉีเก๋อเตะเข้าฉางชิงซานอีกที หมัดนี้และการเตะรอบนี้เป็นสิ่งที่พี่รองอยากทำมานานแล้วซึ่งอดกลั้นมาจนถึงวันนี้ เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาคืนแทนน้องสาวให้ได้!
“พี่รอง…”
ฉีฉีเก๋อดึงตัวพี่รองเอาไว้ ต่อให้เธออยากซ้อมฉางชิงซานมากไม่แพ้กันแต่ตอนนี้ยังอยู่ในศาล จะแหกกฎไม่ได้
คนตระกูลฉางไม่มีใครมาสักคนเดียว ยายแก่ปีศาจกับน้องสาวอยากมาอยู่หรอกแต่ฉางชิงซานไม่ให้มาเพราะเขากลัวขายหน้า ฉะนั้นฉางชิงซานจึงนอนแน่นิ่งบนพื้นตั้งนานแต่ก็ไม่มีใครมาช่วยพยุงเลยสักคน สุดท้ายทนายความที่เขาจ้างก็เข้ามาช่วยพยุงเขาลุกขึ้นแทน
ผู้พิพากษาเคาะโต๊ะหลายทีแล้วเอ่ยเสียงนิ่งว่า ‘เงียบ’ เพื่อเตรียมเริ่มการพิพากษา
ตามกระบวนการทั่วไปผู้พิพากษาจะถามฝ่ายฟ้องร้องและฝ่ายถูกฟ้องร้องว่าต้องการหย่าหรือไม่ซึ่งฉีฉีเก๋อพูดเสียงแน่วแน่ว่า “หย่า!”
“ผมไม่หย่า ผมกับภรรยารักกันมาก ผมไม่อยากให้ลูกสาวเติบโตมาในครอบครัวที่ร้าวฉาน ผมหวังว่าลูกสาวของผมจะเติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์รักใคร่ปรองดองกัน…ฉะนั้นผมยืนกรานว่าจะไม่หย่าครับท่านผู้พิพากษา”
ฉางชิงซานพร่ำพูดยาวเหยียดพร้อมทำหน้าจริงใจ แต่ถ้อยคำที่ออกจากปากกลับทำเอาพวกเหมยเหมยรู้สึกขยะแขยงแทบตาย!
ทำไมถึงได้หน้าไม่อายขนาดนี้?
ฉีฉีเก๋อโกรธจนหน้าดำหน้าแดงอ้าปากหมายจะด่ากลับไป ทนายกัวแตะมือเธอทีเพื่อเป็นเชิงให้เธอใจเย็น การทะเลาะวิวาทกันในชั้นศาลไม่ช่วยก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด แต่กลับทำให้ผู้พิพากษาเกิดความไม่ประทับใจในตัวคุณซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
“ท่านผู้พิพากษา ทางดิฉันมีหลักฐานของฉางชิงซานผู้ถูกฟ้องร้องว่านอกใจและมีเจตนาถ่ายโอนทรัพย์สินด้วย โปรดท่านรับไว้พิจารณา!”
ทนายกัวส่งเอกสารหนาเป็นปึกใหญ่ไปซึ่งเรียกให้ฉางชิงซานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจเริ่มเต้นรัว
ฉีฉีเก๋อรู้ได้อย่างไรว่าเขาถ่ายโอนทรัพย์สิน?
แล้วหลักฐานการนอกใจมาจากไหนกัน?
เขาระวังตัวอย่างดีมาตลอดนี่นา!
ทนายของฉางชิงซานเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะก่อนหน้านี้ฉางชิงซานพูดกับเขาเสียดิบดีว่าไม่มีช่องโหวให้อีกฝ่ายจับได้แน่นอน แล้วเอกสารที่อยู่ในมือผู้พิพากษาตอนนี้ล่ะคืออะไร?
คงไม่ใช่บทละครมั้ง!
ผู้พิพากษาอ่านเอกสารอย่างละเอียดพร้อมสายตาเริ่มหม่นลง เขามองมาที่ฉางชิงซานแวบหนึ่งแล้วถามไม่กี่คำถามซึ่งเกี่ยวข้องกับบ้านสามหลังของเขา
ฉางชิงซานยังคิดจะแก้ตัวว่าบ้านไม่ใช่ของเขาแต่ใครจะโง่ พ่อแม่และน้องสาวของฉางชิงซานมีรายได้ต่อเดือนเพียงนิดเดียว ต่อให้ไม่ใช้ทั้งชีวิตก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อบ้านได้สามหลังรวมถึงมีเงินเก็บในบัญชีกว่าแปดแสนหยวน
“ข้อกล่าวหาว่าจำเลยเจตนาถ่ายโอนทรัพย์สินเป็นไปตามที่กล่าวหา…” ผู้พิพากษาประกาศ
ฉางชิงซานใจหล่นวูบถึงก้นเหวลึก เรื่องราวเริ่มอยู่เหนือการควบคุมของเขาแล้ว แย่แล้ว!
เขายังไม่ยอมแพ้อยู่ดี ต่อให้ทรัพย์สินเหล่านี้ถือว่าเป็นสินสมรสแต่อย่างน้อยก็มีส่วนของเขาครึ่งหนึ่งหรือเปล่า อีกอย่างถ้าช่วงชิงตัวเป่ารื่อน่ามาได้ก็จะได้รับการแบ่งทรัพย์สินเพิ่มอีกหน่อย!
ให้ตายเถอะ เสียเปรียบให้นังแพศยาฉีฉีเก๋อแล้ว!
คิดไม่ถึงว่าจะใช้กลยุทธ์ลอบตีเฉินชาง[1]กับเขา!
[1] กลยุทธ์ลอบตีเฉิงชาง เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของกลศึกสามก๊กที่สร้างความสับสนแก่ศัตรูตรงหน้า แล้วทำการโจมตีที่คาดไม่ถึงจากด้านหลัง
………………….
ตอนที่ 2642 ไปตัวเปล่า
ผู้พิพากษาถามคำถามเกี่ยวกับเจินหวานหว่านกับฉางชิงซานอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งฉางชิงซานปฏิเสธทั้งหมดโดยบอกว่าเจินหวานหว่านเป็นเพียงเพื่อน เด็กในท้องก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เขาแค่เห็นเจินหวานหว่านน่าสงสารถึงได้ให้ความช่วยเหลือ
“ลูกในท้องเจินหวานหว่านมีกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ที่หาได้ยาก ทั้งเมืองหลวงมีไม่ถึงสิบคนซึ่งสัดส่วนชายหญิงคนละครึ่ง ตัดสัดส่วนเด็กและคนแก่ไปอีกครึ่งหนึ่ง อย่างมากชายบรรลุนิติภาวะก็มีแค่สองคน เจินหวานหว่านต้องโชคดีขนาดไหนถึงได้นอนกับผู้ชายที่มีหมู่เลือดเดียวกับคุณฉางชิงซานเนี่ย?”
ทนายกัวที่ฝีปากร้ายออกโรงเอ่ยเหน็บแนมฉางชิงซานจนหน้าแดงก่ำ หาคำโต้เถียงไม่ได้
“บางทีอาจจะโชคดีขนาดนั้นก็ได้ ถึงมีความเป็นไปได้ต่ำแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่นา” ทนายของฉางชิงซานยังคงพูดแย้งให้คนฝั่งตัวเองตามหน้าที่ แต่เหตุผลกลับดูไร้ความน่าเชื่อถือเพราะแม้แต่ตัวเขายังไม่เชื่อเลย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงท่านผู้พิพากษาที่ฉลาดปราดเปรื่องเลย
ทนายกัวกลอกตาทีหนึ่งแค่นเสียงกล่าว “คุณคิดว่าท่านผู้พิพากษาจะเชื่อคำอธิบายที่ไร้สาระแบบนี้เหรอ?”
เธอกับทนายของฉางชิงซานนับว่าเป็นคู่ปรับกันและคอยหลีกเลี่ยงกันมาตลอด เจอกันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที ดังนั้นเหตุที่ทนายความของฉางชิงซานรับคดีนี้ประเด็นหลักคืออยากปะทะกับทนายกัว
ทนายของฉางชิงซานมุมปากกระตุกหลายที เขาก็คิดว่าท่านผู้พิพากษาไม่เชื่อคำแก้ตัวนี้เช่นกันแต่สิ่งที่ควรพูดเขายังต้องพูด นี่เป็นจรรยาบรรณอาชีพของทนายความ
แต่–
ต่อให้ทนายของฉางชิงซานพูดชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างไร คำไหนที่แย้งได้ล้วนแย้งไปหมดแล้ว นับว่าเป็นการแก้ต่างที่สมบูรณ์แบบมาก แต่จำเลยดันไม่เอาไหนเพราะเต็มไปด้วยมลทินตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังถูกฝ่ายฉีฉีเก๋อจับจุดอ่อนได้ทั้งหมด
“ท่านผู้พิพากษา เงื่อนไขของลูกความดิฉันคือสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรสาว ทรัพย์สินที่จำเลยเจตนาโยกย้ายก็ต้องเป็นของเธอ ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆที่ยังไม่ถูกค้นเจอลูกความดิฉันก็ไม่ถือสาแล้ว” ทนายกัวยื่นข้อเสนอออกมายาวเหยียด เรียกให้ฉางชิงซานหน้าเปลี่ยนสีโมโหควันแทบออกหู
คิดจะเอาไปทั้งหมดงั้นหรือ?
ฉีฉีเก๋อโลภมากเกินไปแล้ว!
เขายังมีทรัพย์สินอื่น ๆอีกที่ไหนกัน เงินที่หามาตลอดหลายปีเอาไปซื้อบ้านหมดแล้ว ที่เหลือก็เก็บเข้าบัญชีแม่ของเขา นอกจากพวกนี้เขาก็หมดเนื้อหมดตัวแล้วจริง ๆ!
ฉีฉีเก๋อคิดจะให้เขาไปตัวเปล่า!
คนแพศยานี่ช่างใจดำนัก!
ไม่ว่าฉางชิงซานจะแก้ต่างให้ตัวเองว่าไม่มีทรัพย์สินอื่น ๆอย่างไรแต่ก็ไม่มีใครเชื่อเขาแล้ว เพราะเขาพูดโป้ปดไว้มากเกินไปจนไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ ผู้พิพากษาเองก็ไม่เชื่อว่าเขามีทรัพย์สินเพียงเท่านี้ ต้องเก็บทรัพย์สินไว้ที่อื่นอีกแน่นอน
สุดท้าย…ผู้พิพากษาตัดสินให้ฉีฉีเก๋อหย่าสำเร็จและอนุญาตตามเงื่อนไขทั้งหมดที่เธอเรียกร้อง หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า—ฉางชิงซานเหลือเพียงตัวเปล่าแล้ว!
“ไม่ยอม…ผมไม่ยอม เงินพวกนั้นผมอุตส่าห์ลำบากทำงานมา ทำไมถึงไม่เหลือให้ผมแม้แต่หยวนเดียว…อย่างน้อยก็ต้องคนละครึ่งสิ…ผมขอยื่นคำร้อง…”
ฉางชิงซานมึนไปทันทีที่ได้ยินคำตัดสินสุดท้าย ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้
ผู้พิพากษาต้องถูกจ้าวเหมยซื้อตัวไปแล้วแน่ ๆ สามีของจ้าวเหมยมีความสามารถมากขนาดนั้น ต้องทำได้อย่างแน่นอน!
“พวกคุณตกลงกันไว้แล้ว ผมไม่ยอมหรอก…”
ฉางชิงซานถลึงตาจ้องเหมยเหมยอย่างเคียดแค้น ทุกคนต่างเป็นเพื่อนกันทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย!
เหมยเหมยมองเขาอย่างท้าทายแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรือ?
หึ…ทีเด็ดกว่านี้อยู่ต่อจากนี้ต่างหาก!
ไสหัวไปตัวเปล่าไม่ใช่แค่พูดเล่น ๆหรอกนะ!
โทรศัพท์ในกระเป๋าฉางชิงซานแผดเสียงดังจนคนที่สติหลุดเริ่มกลับมาได้สติใหม่อีกครั้ง ฉางชิงซานบังคับให้ตัวเองใจเย็น พอเห็นชื่อบุคคลที่โทรมาบนหน้าจอโทรศัพท์เขาถึงสดใสขึ้นบ้าง
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง ขอแค่ยังมีหนังให้ถ่ายเขาก็สามารถมีทรัพย์สินเงินทองที่มากกว่านี้ได้!
……………