ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2665 ก็แค่ผายปอดเท่านั้น + ตอนที่ 2666 ไม่ได้มีบัลลังก์ต้องสืบทอดเสียหน่อย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 2665 ก็แค่ผายปอดเท่านั้น + ตอนที่ 2666 ไม่ได้มีบัลลังก์ต้องสืบทอดเสียหน่อย
ตอนที่ 2665 ก็แค่ผายปอดเท่านั้น
“ขอร้องล่ะ ช่วยออกไปไกล ๆฉันทีเถอะ…ฉันถูกเธอทำร้ายยังน่าสงสารไม่พออีกเหรอ?”
อิงจวี้กังสะกดความเจ็บปวดไว้แล้วยกมือไหว้อ้อนวอนฮุ่ยเซียง ถ้าให้ผู้หญิงไม่รู้ความคนนี้มายุ่มย่ามอีก ภรรยาของเขาคงหนีไปจริง ๆแน่!
คราวนี้พ่อแม่เขาทำเรื่องเหลวไหลอะไรกัน คิดไม่ถึงว่าจะพาฮุ่ยเซียงมาฉลองตรุษจีนด้วย คงเห็นเขามีความสุขเกินไปกระมัง!
ฮุ่ยเซียงกัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวด ดวงตาพร่าเบลอมองอิงจวี้กังด้วยแววตาเจ็บปวดแล้วเอ่ยเสียงเบา “พี่กัง พวกเราหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมพี่ทำกับฉันแบบนี้?”
“ขอเถอะ… นี่มันก็แค่เรื่องล้อเล่นของผู้ใหญ่เท่านั้นเอง ฉันยังไม่เคยยอมรับเลยด้วยซ้ำ ฮุ่ยเซียงเธอเองก็เรียนหนังสือมา อย่ายึดติดเรื่องอะไรแบบนี้เลยได้ไหม?”
อิงจวี้กังแทบจะอ้อนวอนเทวดาอยู่แล้ว พ่อของฮุ่ยเซียงเป็นเพื่อนของพ่อเขาที่สนิทสนมกันมาก เขาโตกว่าฮุ่ยเซียงสี่ปี ตอนฮุ่ยเซียงเกิดเนื้อตัวขาวผุดผ่องน่ารักน่าเอ็นดู คนปากเปราะอย่างพ่อเขาดันไปพูดทีเล่นทีจริงว่าอยากจะขอหมั้นหมายเป็นทองแผ่นเดียวกันจากอีกฝ่ายในวันครบเดือนของฮุ่ยเซียง
ตอนนั้นพ่อแม่ของฮุ่ยเซียงเองก็ตกปากรับคำแบบเล่น ๆตามน้ำไป ทุกคนไม่ได้จริงจังอะไรเหมือนว่าการหมั้นหมายในวัยเด็กนั้นไม่ได้เกิดขึ้น!
หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยเมืองหลวง พ่อของฮุ่ยเซียงก็พูดถึงเรื่องในอดีตบอกว่าอยากให้เขากับฮุ่ยเซียงหมั้นหมายกันก่อน รอให้เรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน
ตอนนั้นอายุฮุ่ยเซียงเพิ่งจะ 15 ปี ส่วนเขาอายุ 19 ปี พ่อแม่ของเขาก็ลังเลใจไม่น้อย ถึงแม้ฮุ่ยเซียงจะเป็นคนบ้านนอกแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยในหมู่บ้าน ถึงเธอจะเพิ่งอายุ 15 ปีแต่หัวกระไดไม่เคยแห้งพลอยทำให้พ่อแม่ตระกูลอิงของเขาหวั่นไหวไปด้วย
แต่อิงจวี้กังกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เขาไม่ได้ชอบฮุ่ยเซียงเลยแม้แต่น้อย
ฮุ่ยเซียงนั่นเรียนจบแค่ชั้นประถม ความรู้ต่าง ๆก็ตื้นเขิน เขาจะมีเรื่องคุยกับผู้หญิงแบบนี้ได้เท่าไหร่เชียวซึ่งแทบจะใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้ เขาจะทำร้ายตัวเองไม่ได้และไม่อยากทำร้ายผู้หญิงด้วย
เดิมทีอิงจวี้กังคิดว่าเรื่องนี้คงจะจบลงแล้ว ไหนจะคิดเลยว่าหลายปีมานี้ฮุ่ยเซียงคนนี้จะยังตามติดไม่ห่าง ถึงขั้นวิ่งโร่มาถึงเมืองหลวง…อิงจวี้กังอยากจะด่าจริง ๆ!
ทำไมถึงได้ทำเรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้!
“แต่ฉันกับพี่เราได้เสียกันแล้ว…พี่ยังจุ๊บฉันอีกด้วย…” ฮุ่ยเซียงนึกน้อยใจ ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นใจเธอก็ผูกติดอยู่กับอิงจวี้กัง นอกจากเขาเธอก็จะไม่ยอมแต่งกับใครทั้งนั้นยอมเป็นสาวทึนทึกดีกว่า
แต่ใครจะรู้ว่าอิงจวี้กังกลับไปแต่งงานกับลูกคุณหนูในเมืองหลวง ตอนรู้ข่าวฮุ่ยเซียงร้องไห้ทั้งคืน ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ทรมานใจ ครั้งนี้ได้ข่าวดีที่ทำให้เธอตื่นเต้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฮุ่ยเซียงจึงอาศัยข้ออ้างว่าจะมาหางานที่เมืองหลวงอ้อนวอนขอให้พ่อแม่ตระกูลอิงพาเธอมา
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นฮุ่ยเซียงพูดเรื่องมีอะไรกันออกมาโต้ง ๆก็ทำเอาปอดเธอใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว พร้อมทั้งก่นด่าฮุ่ยเซียง “เขากับเธอเคยไปนอนด้วยกันตอนไหน? ก่อนแต่งงานหรือหลังแต่งงาน?”
ถ้าก่อนแต่งงานเธอจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ถ้าหลังจากแต่งงาน…เธอจะต้องอาละวาดเรื่องเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แล้วหย่าโดยไม่ให้เขามีอะไรติดตัวไปสักอย่างเดียว!
ทั้งบริษัทอยู่ในกำมือเธอ อยากจะหย่ากับผู้ชายคนนี้แล้วกลับไปเป็นราชินีเหมือนเดิมเร็ว ๆจริง!
อิงจวี้กังใกล้จะกระอักเลือดตายเต็มที หัวเราะอย่างระอาแล้วอธิบาย “ก็มีครั้งหนึ่งเธอตกน้ำ ฉันช่วยเธอขึ้นมา แล้วก็แค่ผายปอดให้เฉย ๆ!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ฮุ่ยเซียงกลับตะคอกกลับ “พี่เห็นฉันหมดแล้ว พี่จูบฉันตั้งนาน…ตอนนั้นฉันก็ตกเป็นของพี่ไง!”
ท่าทีของพ่อแม่อิงจวี้กังก็ดูแปลก ๆไปและยิ่งสับสนกว่าเดิมด้วย
ชาวบ้านในหมู่บ้านค่อนข้างหัวโบราณถึงขั้นไม่อนุญาตให้เด็กผู้หญิงที่ไม่แต่งงานตัดผมสั้นและใส่เสื้อแขนสั้น คิดว่าแบบนั้นคือการทำผิดประเพณี หากว่าพวกเขารู้เร็วกว่านี้ว่าลูกชายเขากับฮุ่ยเซียงเคยใกล้ชิดกันจะต้องคัดค้านเรื่องที่ลูกชายจะแต่งกับลูกสะใภ้ในเมืองแน่
ถึงลูกสะใภ้ในเมืองจะมีเงินแถมกตัญญูกับพวกเขามากก็เถอะ แต่เรื่องที่หนักหนาเลยก็คือไม่สามารถคลอดลูกได้ คนตระกูลอิงมีลูกชายคนเดียว ฉะนั้นจะให้มาจบที่พวกเขาไม่ได้!
……………………………………………..
ตอนที่ 2666 ไม่ได้มีบัลลังก์ต้องสืบทอดเสียหน่อย
เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจพร้อมกัน กะอีแค่ผายปอดเท่านั้นเอง…เรื่องแบบนี้นับประสาอะไรได้!
เหริ่นเชี่ยนรู้ตัวว่าเข้าใจอิงจวี้กังผิดเลยรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีเพราะพ่อแม่ฝั่งสามีรังเกียจเธอ อยากจะให้ลูกชายหย่ากับเธอแล้วไปแต่งงานกับฮุ่ยเซียง
เพราะเธอได้ยินบทสนทนาของพ่อแม่สามี เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงได้โกรธจนนึกอยากจะหย่า แต่ตอนนี้เธอไม่อยากหย่าแล้ว!
ทำไมต้องยกผู้ชายของเธอให้คนสารเลวแบบนั้นด้วย!
สามีภรรยาคบหากันมานานจึงรู้ใจกัน แค่อิงจวี้กังเห็นหน้าตาออดอ้อนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ว่าภรรยาตนเองคลายความโกรธลงแล้วก็พลันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก พรูลมหายใจยาวแล้วเช็ดเหงื่อเย็น ๆบนใบหน้า
“ฮุ่ยเซียง อิงจวี้กังตั้งใจจะช่วยเธอแต่เธอกลับเนรคุณ หนำซ้ำยังใช้เรื่องนี้มาทำลายครอบครัวของอิงจวี้กังด้วย เธอออกจะขาดศีลธรรมเกินไปหน่อยมั้ง?” เหมยเหมยถามเสียงเย็น
ฮุ่ยเซียงตกใจเพราะท่าทีของเหมยเหมยจึงใช้แรงกัดเล็บ ขบริมฝีปากแล้วเอ่ย “ฉันไม่ได้เนรคุณ พี่กังเป็นคู่หมั้นของฉัน เธอนั่นแหละแย่งผู้ชายของฉันไป!”
ฮุ่ยเซียงพูดพลางชี้ไปทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมจ้องด้วยแววตากล่าวโทษ ผู้หญิงในเมืองคนนี้สวยสู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่เพรียบพร้อมเท่าเธอ แค่มีเงินไม่เท่าไหร่ก็แย่งพี่กังไปแล้ว น่ารังเกียจจริง ๆ!
คนอารมณ์ร้อนอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถูกด่าต่อหน้าแบบนี้ก็หัวเสียทันที ตะคอกใส่ฮุ่ยเซียง “ผู้ชายของฉันก็บอกแล้วว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ เธอยังจะมาอาลัยอาวรณ์อะไรอีก? ไม่เคยเจอคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย ต้องได้ผัวชาวบ้านถึงจะพอใจหรือไง!”
ฮุ่ยเซียงไหนเลยจะเถียงคุณหนูเหริ่นที่ฝีปากคล่องฉลาดเฉลียวได้ทัน พูดไม่กี่ประโยคก็แพ้หมดรูป ทั้งโกรธทั้งอาย
พ่อแม่ของฝ่ายชายก็ชักจะทนดูไม่ไหว ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นลูกสาวของเพื่อนสนิท อีกทั้งยังเห็นพวกเขาสองคนตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกที่มีต่อฮุ่ยเซียงย่อมลึกซึ้งกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน
“เชี่ยนเชี่ยนมีอะไรค่อยพูดค่อยจากันสิ…” คุณแม่อิงโน้มน้าว แต่กลับถูกลูกสาวคนเล็กที่ไม่พูดไม่จากระทุ้งท้อง แล้วถลึงตาใส่ คุณแม่อิงเลยจำต้องกลืนคำพูดทีเหลือลงคอไปและไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่ไหนแต่ไรมาตนกลัวลูกสาวเสียยิ่งกว่าสามี สามีตนเองก็เช่นกัน ไม่เคยคัดค้านลูกสาวเลยสักครั้ง
น้องสาวอิงจวี้กังลอบเตือนแม่ตนแล้วถึงได้ส่งยิ้มให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพลางกล่าว “พี่สะใภ้อย่าฟังแม่เลยค่ะ พี่ควรจะพูดอะไรก็พูดเถอะ อย่าปล่อยให้คนนอกมาทำลายความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้!”
เหมยเหมยมองน้องสาวอิงจวี้กังผู้ซึ่งมีใบหน้าธรรมดาไม่โดดเด่นอย่างตกใจ คางสั้น จมูกแบน ริมฝีปากหนา แถมตัวดำและไม่สูงนัก จุดโดดเด่นเพียงจุดเดียวก็คือดวงตา ถึงแม้จะไม่โตแต่ก็กลมสวยเป็นประกาย ดูมีชีวิตชีวามากทีเดียว
แต่เพราะคำพูดของน้องสาวคนเล็กกลับน่าฟังอย่างมาก ทำให้เห็นว่าน้องสะใภ้ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคนนี้ฉลาดนัก แถมยังรู้จักแยกแยะฉลาดกว่าพ่อแม่ตนเองหลายร้อยเท่านัก!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตกใจมากเช่นกัน ตอนตนรู้จักกับอิงจวี้กัง ตอนนั้นน้องสาวยังอยู่มอปลายอยู่เลย ทั้งยังดำกว่าตอนนี้และไม่ชอบพูดชอบจาเสียด้วยซ้ำ ตนเคยอยู่บ้านสามีช่วงปิดเทอมหน้าร้อนซึ่งเคยคุยกับน้องสาวสามีไม่ถึงสิบประโยคด้วยซ้ำ
คิดไม่ถึงว่าพอโตขึ้นจะพูดจาเป็นกับเขาด้วย!
น้องสาวอวี้จิงกังเองก็สัมผัสได้ถึงความตกใจของเหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยระบายยิ้ม แต่เธอเองก็ไม่ได้โง่ คนหนึ่งเป็นพี่สะใภ้ที่เปิดบริษัทในเมืองหลวง ส่วนอีกคนเป็นสาวบ้านนอกที่ทำเป็นแต่ร้องห่มร้องไห้… คนโง่เองยังรู้ว่าควรจะเข้าข้างใครเลย!
ต่อให้พี่สะใภ้มีลูกไม่ได้แล้วจะทำไม?
บ้านหล่อนก็ไม่ได้มีบัลลังก์มังกรให้สืบทอด มีหรือจะไม่มีลูกสำคัญขนาดไหนเชียว ขอแค่พี่ชายกับพี่สะใภ้มีความสุขก็พอแล้ว จะสนใจอะไรเยอะแยะ พ่อแม่ของเธอวอนหาเรื่องจริง ๆ!
พอฮุ่ยเซียงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนของคนตระกูลอิงดวงตาก็ยิ่งแดงก่ำ รวบรวมความกล้าเอ่ย “เธอคลอดลูกให้พี่กังไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วจะมาอยู่เกะกะทำไม เธอกำลังทำร้ายพี่กังอยู่นะ! ”
…………………………………….