ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2689 ไล่ต้อนถึงทางตัน + ตอนที่ 2690 แจ้งตำรวจก็ไม่มีประโยชน์
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 2689 ไล่ต้อนถึงทางตัน + ตอนที่ 2690 แจ้งตำรวจก็ไม่มีประโยชน์
ตอนที่ 2689 ไล่ต้อนถึงทางตัน
“โรคมะเร็งเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเธอไม่เคยบอกฉันเลย ตรวจผิดหรือเปล่า…”
พี่หนิวพ่นคำถามออกมายาวเหยียดแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เยวี่ยเซียงเพิ่งจะอายุยี่สิบปี ทำไมอายุแค่นี้ถึงป่วยเป็นมะเร็งได้ล่ะ?
ต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ โรงพยาบาลมักเกิดการตรวจผิดพลาดอยู่ประจำไม่ใช่หรือ!
“ไม่ผิดหรอก ฉันไปตรวจมาสองโรงพยาบาลแล้ว พวกเขาต่างบอกว่าฉันเป็นมะเร็งกระเพาะระยะสุดท้าย ทั้งยังบอกว่าไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้ว…” เยวี่ยเซียงมองลูกสาวในอ้อมอกอย่างอาลัยอาวรณ์ นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอทำใจทิ้งไม่ลง แต่ช่วงเวลาที่เธอสามารถอยู่เคียงข้างลูกสาวได้นั้นกลับเข้าสู่การนับถอยหลังแล้ว
“งั้นก็ตรวจดี ๆอีกที บางทีสองโรงพยาบาลนั่นอาจจะตรวจผิดก็ได้…อีกอย่างต่อให้เป็นเรื่องจริงก็ไม่ต้องกลัว ตอนนี้การแพทย์ทันสมัย มะเร็งใช่ว่าจะรักษาไม่หายสักหน่อย…”
พี่หนิวเห็นใจเยวี่ยเซียงอย่างมาก หวังอยากจะช่วยหญิงสาวผู้น่าสงสารนี้
เยวี่ยเซียงส่ายหน้า “ขอบคุณค่ะพี่หนิว…ตอนนี้ฉันคือฆาตกร ไปตรวจอีกก็ไม่มีความหมายแล้ว”
หากตรวจพบว่าไม่ใช่โรคมะเร็งแล้วจะทำอะไรได้ สุดท้ายก็หยุดยั้งความตายของเธอไม่ได้อยู่ดี!
“สัตว์เดรัจฉานประเภทนั้นตายไปซะได้ก็ดี เธอวางใจได้ ฉันจะหาทนายความฝีมือเก่งให้เธอคนหนึ่ง ไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตหรอก เธอเองก็อย่ายอมแพ้ง่าย ๆเพื่อลูกสาว คนอื่นดีแค่ไหนก็ดีเท่าแม่แท้ ๆไม่ได้หรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดให้กำลังใจ
เยวี่ยเซียงมองเธอแล้วพูดเสียงอุบอิบ “แต่ฉันไม่มีเงิน…ฉันไม่มีเงินรักษาและไม่มีเงินจ้างทนายด้วย…”
เธอสังเกตถึงความผิดปกติของร่างกายตั้งนานแล้วแต่ไม่มีเงินติดตัวสักหยวนเดียวเลยปล่อยให้มันยืดเยื้อมาตลอด กลับเป็นพี่หนิวหยิบยืมเงินให้เธอจำนวนหนึ่งเพราะเธอทนเจ็บไม่ไหวจริง ๆถึงได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล สุดท้ายผลออกมาว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย
ตอนเธอเห็นสีหน้าคุณหมอก็รู้แล้วว่าหมดหนทางรักษาได้
และในขณะนั้นเองที่เธอผุดความคิดในการฆ่าสามีขึ้นมา!
นันนันของเธอ…ต่อให้ต้องเป็นเด็กกำพร้าก็ดีกว่ามีพ่อปานสัตว์เดรัจฉานแบบนี้มากโข!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนบอก “ฉันมีเงิน…วางใจเถอะ…ในเมื่อเราเจอกันก็นับว่าเป็นวาสนา ฉันจะจ้างทนายให้เธอเอง ตอนนี้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อน!”
เหมยเหมยมองค้อนใส่เธอแวบหนึ่ง “ฉันโทรหาสถานีตำรวจก่อน อย่างไรเสียก็ชีวิตคนทั้งชีวิต พยายามขอมอบตัวเพื่อลดหย่อนโทษให้มากที่สุดเถอะ พอจัดการเรื่องที่สถานีตำรวจเสร็จค่อยไปโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก”
เยวี่ยเซียงเอ่ยเสียงแผ่ว “ตอนฉันลงมือก็เตรียมใจจะชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว แต่ลำบากนันนันของฉัน…”
พี่หนิวที่อยากพูดมาตลอดแต่กลับหาโอกาสแทรกไม่ได้สักทีมีสีหน้ากระวนกระวายใจ แต่ในที่สุดก็สบโอกาสจึงตะเบ็งเสียงกล่าวไป “ฉันขอพูดก่อน ไอ้สารเลวนั่นยังไม่ตาย พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตหรอก!”
พี่หนิวพูดจบก็พรูลมหายใจยาว โอ้ยแม่…ในที่สุดเธอก็ได้พูดสักที อัดอั้นใจแทบตาย!
เหมยเหมยยิ้มร่า ไม่ตายก็ง่ายละ เยวี่ยเซี่ยงตกอยู่ในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงมาเป็นเวลานาน หากเธอฆ่าคนสามารถอ้างว่าทำเพื่อปกป้องตัวเองได้ ต่อให้หนักไปหน่อยก็แค่ปกป้องเกินเหตุเท่านั้น
“ฉันถามเธอก่อนว่า…เธอลงมือก่อนหรือสามีเธอลงมือก่อน?” เหมยเหมยถามอย่างจริงจัง
เยวี่ยเซียงชะงักกึกหนึ่งก่อนจะตอบ “เขาจะอุ้มนันนันออกไป ฉันไปแย่งนันนันกลับมาเขาก็ทำร้ายฉัน…ฉันถึงเอามีดฟันเขา…”
พี่หนิวเดินไปเปิดผมแห้งกร้านของเยวี่ยเซียงขึ้นเลยเห็นได้ชัดเจนว่ามีผมจุกหนึ่งที่สั้นเป็นพิเศษเพราะเพิ่งขึ้นใหม่
“ไอ้สารเลวนั่นทุบเอาตาย ดูรอยแผลนี่สิเย็บไปสามสิบกว่าเข็มจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด…แล้วก็แผลเป็นตามตัวที่นับแทบไม่ถ้วน เอาบุหรี่จี้เตะต่อยเป็นเรื่องปกติ กระดูกซี่โครงก็หักไปหลายทีแล้ว…ฉันว่ามะเร็งกระเพาะของเธอก็ต้องมาจากฝีมือไอ้สัตว์เดรัจฉานนี้แน่ ๆ…”
………………………….
ตอนที่ 2690 แจ้งตำรวจก็ไม่มีประโยชน์
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนให้ผู้ชายในห้องหันหลังก่อนที่เธอจะเลิกเสื้อผ้าของเยวี่ยเซียงขึ้นมา เรือนร่างที่เดิมทีควรอ่อนเยาว์อวบอิ่มตามวัยกลับผอมซูบกระร่อง รอยแผลเป็นเต็มตัวมีทั้งแผลใหม่และแผลเก่าแทบไม่มีช่องว่างเลย…
ฟังพี่หนิวเล่ายังไม่รู้สึกอะไร แต่พอเห็นเองกับตา…ทุกคนก็รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที ทำไมถึงมีสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ได้นะ?
“ตอนเขาทุบตีเธอทำไมเธอไม่แจ้งตำรวจ? นี่มันเข้าข่ายการทำผิดทางอาญาแล้ว…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหอย่างมาก สงสารกับความโชคร้ายแต่ก็โมโหกับความไม่สู้คน
เยวี่ยเซียงยิ้มขมขื่นทีหนึ่งพลางส่ายศีรษะกล่าว “ไม่มีประโยชน์หรอก ตำรวจไม่สนใจเรื่องสามีภรรยาทะเลาะกัน เมื่อก่อนฉันก็เคยแจ้งความ แต่อย่างมากตำรวจก็แค่อบรมเขาสักหน่อย หลังจากนั้นเขาก็ตบตีแรงกว่าเดิม ตบตีเอาเกือบตาย…
ภายหลังฉันแจ้งไปอีกสองครั้งแต่ก็เหมือนเดิมทุกครั้ง เขากลับตบตีรุนแรงยิ่งกว่าครั้งเก่า ๆ…ฉันเลยไม่กล้าแจ้งตำรวจอีกเลย…”
เยวี่ยเซียงนึกถึงความเจ็บปวดในอดีต เธอที่ชินชากับมันก็ยังรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้วปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง
“ตำรวจพวกนี้มัวทำอะไรอยู่ แต่ละปีเราจ่ายภาษีไปตั้งมากไว้เลี้ยงตำรวจที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่แบบนี้เหรอ? น่าโมโหจริง ๆ…เธอร่ายรายชื่อตำรวจพวกนั้นมาให้หมด ฉันจะจ้างสำนักข่าวแฉพวกมัน!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธยิ่งกว่าเดิม คนถูกทำร้ายขนาดนี้แล้วยังจะอบรมทำบ้าอะไรอีก?
สัตว์เดรัจฉานประเภทนั้นสมควรถูกจับขังคุกสักแปดถึงสิบปี ให้เขาสำนึกความผิดอยู่ในเรือนจำ อย่างพ่อของเธอ…ก็คือตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จไม่ใช่หรือ?
หนำซ้ำเยวี่ยเซียงยังถูกใช้ความรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตำรวจพวกนี้ตาบอดกันหรือไงกัน?
มองไม่เห็นหรือว่าการอบรมไม่ได้เกิดผลต่อสัตว์เดรัจฉานนั้นสักนิด?
มีแต่จะทำให้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้เหิมเกริมมากขึ้น!
เหตุผลเดียวกับโทษผ่อนเบาของนักโทษข่มขืนผู้หญิง เพราะรู้ว่าจะไม่ได้รับโทษรุนแรงพวกเขาถึงได้เหิมเกริมไร้ซึ่งความกลัวขนาดนี้ คดีข่มขืนและค้ามนุษย์จึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆทุกปี
หากรัฐบาลตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะสะสาง การค้าหญิงสาวคนหนึ่งก็สมควรถูกยิงเป้าประหารชีวิต นักโทษข่มขืนผู้หญิงด้วยเช่นกัน ไม่ยิงเป้าประหารชีวิตแต่ตัดอวัยวะเพศทิ้งเสีย…ดูสิว่าคนพวกนี้ยังจะกล้าทำผิดอีกไหม!
แต่การค้าและข่มขืนหญิงสาวอย่างน้อยยังมีการตัดสินโทษที่พอจะสร้างความเกรงกลัวได้บ้าง แต่การใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวกลับไม่เข้าข่ายคดีอาญา อย่างมากก็เป็นเพียงคดีแพ่ง ในสายตาของตำรวจบางทีอาจไม่เข้าข่ายคดีความเสียด้วยซ้ำ แถมบอกแค่ว่าเป็นความขัดแย้งภายในครอบครัว
ในเมืองมีครอบครัวที่มีความขัดแย้งกันตั้งมากมายยิ่งกว่าขนวัว สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลไม่เคยออกกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวเลย พวกผู้ชายที่บัญญัติกฎหมายพวกนั้น…รู้แต่จะปกป้องสิทธิและอำนาจของผู้ชาย ไม่เคยคิดถึงผู้หญิงเลย!
หึ…ชายหญิงเท่าเทียม…เป็นเพียงคำขวัญตลอดกาล!
พี่หนิวห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังอารมณ์พลุกพล่านไว้ ถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วกล่าว “รายงานตำรวจไปแล้วมีประโยชน์อะไร ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้คนสองคนเสียเมื่อไหร่ ตำรวจก็เหมือนกันหมด วิธีจัดการปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของพวกเขาก็คือขอแค่ไม่ตายก็จะยังเป็นความขัดแย้งภายในครอบครัวตลอดไป อบรมสั่งสอนยกหนึ่งก็พอ!”
เหมยเหมยย่นคิ้วแน่น กฎหมายซ่อนเร้นแบบนี้มันแย่จริง ๆ…รอคนตายก่อนค่อยจัดการแล้วจะมีประโยชน์บ้าอะไร!
แม้เศรษฐกิจของฮวาเซี่ยก้าวหน้าขึ้นมากแต่ด้านกฎหมายกลับมีช่องโหว่มากขึ้นเรื่อย ๆเพราะก้าวตามการพัฒนาของเศรษฐกิจไม่ทัน โดยเฉพาะเรื่องคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็กที่แทบไม่ได้รับความคุ้มครองใด ๆ เธอหวังจากใจจริงว่ารัฐบาลจะบัญญัติกฎหมายด้านการคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็กอย่างครอบคลุมได้เหมือนประเทศแถบยุโรปอเมริกา ไม่สร้างความผิดหวังแก่ผู้หญิงอีก!
“โทรหาสถานีตำรวจก่อนแล้วกัน ฉันจะจ้างทนายให้เยวี่ยเซียง น่าจะหลีกเลี่ยงโทษจำคุกได้” เหมยเหมยคว้าโทรศัพท์ออกมาเตรียมจัดการพร้อมกันทั้งสองเรื่อง ทั้งเรื่องคดีความและการรักษาไปพร้อมกัน
ไม่อย่างนั้นสภาพร่างกายของเยวี่ยเซียงคงรับไม่ไหวแน่!
………………