ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2691 การป้องกันตัวที่เหมาะสม + ตอนที่ 2692 ไร้หนทางรักษา
ตอนที่ 2691 การป้องกันตัวที่เหมาะสม
เยวี่ยเซียงไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะรอดพ้นจากการจำคุก เธอแทงเจ้าคนสารเลวนั่นไปตั้งหลายครั้ง ต่อให้ไม่ตายแต่ก็นับว่าเจ็บหนักพอตัว แล้วทำไมถึงไม่โดนตัดสินจำคุกล่ะ?
พี่หนิวเองก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมยเหมยช่างน่าเหลือเชื่อเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เยวี่ยเซียงแทงไปตั้งหลายทีนะคงหนีโทษอาญาไม่พ้นหรอก แต่ก็น่าจะต่อสู้ให้ลดโทษเหลือไม่กี่ปีได้”
เหมยเหมยยิ้มแล้วพูดว่า “สบายใจได้ ขอแค่มีทนายความที่ดีก็ไม่ต้องจำคุกแม้แต่วันเดียว!”
ทำไมทนายความดี ๆถึงค่าตัวแพง?
แน่นอนว่าค่าตัวแพงย่อมมีที่มาของมัน!
เพราะทนายความที่ดีก็จะเหมือนสุนัขนักล่าชั้นยอดที่จะสามารถหาช่องโหว่ในการเอาชีวิตรอดอย่างเหมาะสม ท่ามกลางกฎหมายที่ยุ่งวุ่นวายเหมือนใยแมงมุม ทำให้ผู้พิพากษารู้ว่าคุณมีความผิดแต่ก็จับตัวคุณไม่ได้…เนื่องจากตามกฎหมายแล้วนั้นคุณไม่มีความผิดนั่นเอง!
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เชื่อ เหมยเหมยเลยเล่าเรื่องที่โด่งดังแพร่หลายเมื่อชาติก่อนให้ฟัง
“มีโจรคนหนึ่งเข้าไปในบ้านที่มีเจ้าของบ้านผู้หญิงอาศัยอยู่เพียงลำพัง ต่อมาเจ้าของบ้านผู้ชายกลับมาแล้วจับโจรเอาไว้ พวกเธอคิดว่าโจรคนนี้จะโดนตัดสินโทษอะไร?”
“แน่นอนเลยว่าเข้าไปปล้นในบ้านแบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องจำคุกห้าปี!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสียงเคียดแค้น
เหมยเหมยหัวเราะแล้วส่ายหน้า “นั่นก็ไม่แน่ ถ้ามีทนายความที่ดี ทนายความคนนี้จะต้องทำให้ผู้พิพากษาประกาศว่าโจรไร้ความผิดและปล่อยตัวเขาในชั้นศาลได้”
“ทนายความจะปกป้องได้ไง…การปล้นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะ!” คนส่วนใหญ่ยังฟังไม่เข้าใจคิดว่าเหมยเหมยกำลังพูดเรื่องตลก เข้าไปปล้นชิงทรัพย์ถึงในบ้านขนาดนั้นแล้วจะไร้ความผิดได้อย่างไร?
“ทนายความที่ดีจะสอนให้โจรพูดว่าโจรไปบ้านของเขาไม่ใช่เพื่อปล้นทรัพย์แต่เพื่อข่มขืนเพราะลุ่มหลงในความงามของเจ้าของบ้านผู้หญิง ด้วยอารมณ์ชั่ววูบเลยคิดจะข่มขืนเจ้าของบ้านผู้หญิง…แต่ด้วยผู้หญิงแข็งแรงมากเลยทำไม่สำเร็จ อย่างมากก็จะถูกตัดสินจำคุกปีหรือสองปี เข้ารับการอบรมนิดหน่อยก็เรียบร้อย…”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟังแล้วรู้สึกว่ามันก็ผิดอยู่ดีเลยตะโกนว่า “แบบนั้นก็ยังต้องเข้าคุกอยู่ดี!”
เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอแล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า “เธอฟังฉันให้จบก่อนสิถ้าไม่อยากติดคุก มันมีอะไรที่สุดยอดกว่านั้นอีก ทนายความก็จะสอนโจรให้พูดว่าเขาไปที่บ้านหลังนั้นไม่ใช่เพื่อปล้นทรัพย์ และไม่ได้ไปขืนใจผู้หญิงแต่เพื่อข่มขืนผู้ชายต่างหาก…”
ทุกคนต่างสูดหายใจเข้าลึกแล้วถลึงตาแทบถลนออกมา
พ่อแม่ครอบครัวอิงเป็นคนขี้อายเลยยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ คิดว่าเพื่อนของลูกสะใภ้พูดค่อนข้างที่จะ…ไปหน่อย ทั้ง ๆที่ดูแล้วก็เป็นคนมีการศึกษาดีนี่นา!
เหมยเหมยพูดต่ออีกว่า “นั่นเพราะโทษข่มขืนผู้หญิงในกฎหมายประเทศเราจะมีผลต่อเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าการขืนใจผู้ชายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ดังนั้นต่อให้โจรจะข่มขืนเจ้าของบ้านผู้ชายจริง ผู้พิพากษาก็ทำได้แค่ประกาศว่าเขาไร้ความผิด!”
“พรวด…ฮ่า”
ทุกคนหลุดขำออกมา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล แม้กระทั่งเยวี่ยเซียงที่หน้ากำลังกลัดกลุ้มใจอยู่ยังเผยให้เห็นรอยยิ้ม
ช่องโหว่นี้ก็ช่างเจ้าเล่ห์ดีจริง ๆแต่ผู้พิพากษาก็ทำอะไรกับคนทำผิดกฎหมายไม่ได้ มิน่าเขาถึงพูดกันว่าฝีปากของทนายความยังเยี่ยมยอดยิ่งกว่าแม่สื่อเสียอีก ผู้ชายพูดเป็นผู้หญิงได้ ตายพูดเป็นฟื้นคืนชีพยังได้!
แต่ทว่าเรื่องของเยวี่ยเซียงไม่ใช่การเข้าไปปล้นในบ้านสักหน่อย…จะหาช่องโหว่ได้อย่างไร?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงไม่เข้าใจ คนอื่น ๆก็เช่นกัน พวกเขาไม่เข้าใจในเรื่องกฎหมายเลยจริง ๆ
เหมยเหมยยิ้ม “เรื่องของเยวี่ยเซียงง่ายกว่าเยอะเพราะสามีของเธอเป็นฝ่ายลงมือก่อน ทั้งยังเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเยวี่ยเซียงอีกต่างหาก ดังนั้นเยวี่ยเซียงถึงใช้มีดต่อสู้ซึ่งในแง่กฎหมายถือเป็นการป้องกันตัวที่เหมาะสมได้ แน่นอนว่าการป้องกันตัวของเธออาจจะเกินไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะทนายความช่วยแก้ปัญหานั้นได้!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบไปที่ต้นขาอย่างแรงแล้วยกนิ้วให้เหมยเหมย “เธอนี่มันสุดยอดจริง ๆ ในช่วงเวลาสำคัญสมองเธอนี่ไหลลื่นดีจริง ๆนะ!”
เหมยเหมยมองบนใส่อย่างไม่สบอารมณ์ สมองของเธอดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอแค่ขี้เกียจใช้สมองก็เท่านั้นเอง!
……………………………………….
ตอนที่ 2692 ไร้หนทางรักษา
เหมยเหมยโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้เขาหาคนสนิทในโรงพักและหาทนายความที่เชี่ยวชาญในคดีอาญามาสักคน เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกแปลกใจเลยเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” ช่วงนี้เรื่องของภรรยาเยอะมากขึ้นทุกวัน สติปัญญาก็ว่องไวขึ้นเรื่อย ๆเสียจนเขาเริ่มตามไม่ทันแล้ว
เหมยเหมยจึงเล่าเรื่องคร่าว ๆของแม่ลูกเยวี่ยเซียงให้เขาฟังแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “พี่คิดดูสิไอ้สารเลวนี่ควรโดนแล่หั่นเป็นพัน ๆชิ้นไหมล่ะ?”
“หั่นเป็นพันชิ้นยังไม่พอต้องเอาลงไปทอดในน้ำมันถึงจะบรรเทาความเกลียดชังได้!” เหยียนหมิงซุ่นพูดคล้อยตามเหมยเหมย
แน่นอนว่าผู้ชายคนนี้สมควรโดนจริง ๆ มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เปลืองอาหารเปลืองอากาศเปล่า ๆ แถมทำให้พวกผู้ชายอับอายไปด้วย!
เหมยเหมยพึงพอใจกับคำตอบของเหยียนหมิงซุ่นมาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ฉันอยากจะช่วยผดุงความยุติธรรมให้สองแม่ลูกเยวี่ยเซียง พี่ต้องช่วยฉันนะ!”
“เดี๋ยวพี่จะให้คนไปหาทนายความคดีอาญาที่ดีที่สุดมาเลย ส่วนทางด้านสถานีตำรวจเดี๋ยวพี่จัดการบอกไว้ให้แน่นอน!” เหยียนหมิงซุ่นตอบอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เพราะภรรยาทูนหัวของเขาออกคำสั่งแต่สิ่งที่สำคัญก็คือเขาคิดว่าสองแม่ลูกเยวี่ยเซียงน่าสงสารมากจริง ๆ ถ้าช่วยได้ก็ช่วยหน่อยเถอะ!
เหมยเหมยวางสายแล้วทำท่าโอเคให้พวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมขยิบตาแล้วพูดว่า “สำเร็จ!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดกับเยวี่ยเซียงอย่างดีใจว่า “สบายใจได้เลยนะ ถ้าสามีของเหมยเหมยออกโรงช่วย เธอไม่ต้องเข้าคุกแล้วล่ะ ค่อย ๆรักษาตัวไป ลูกสาวของเธอยังต้องการเธอนะ!”
“เยวี่ยเซียงนับว่าเธอมีบุญนะ…ไม่ต้องคิดสั้นแล้ว ลุกขึ้นมาสู้เถอะ นันนันยังเล็กขนาดนี้เธอจะใจร้ายทิ้งได้ลงคอเหรอ?” พี่หนิวเอ่ยโน้มน้าว เธอค่อนข้างสนิทกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยรู้ว่าสามีของเหมยเหมยเป็นข้าราชการระดับสูง
ในปัจจุบันถ้ามีคนรู้จักในศาลก็ง่ายแล้ว นับว่าเยวี่ยเซียงเองก็เจอแต่เรื่องร้าย ๆมามากได้เจอคนดีมาช่วยสักที
เยวี่ยเซียงไม่นึกว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรขนาดนี้ เดิมทีเธอคิดว่าตายแล้วแน่ ๆ แต่ตอนนี้มีความหวังขึ้นมาแล้ว ฉะนั้นเธอจะตายได้อย่างไร?
ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะอยู่เคียงข้างไปจนลูกสาวเติบโต อย่างน้อยก็ต้องเลี้ยงจนกว่าจะอายุ 18 ปี!
ไม่อย่างนั้นเธอจะวางใจได้อย่างไร?
“ขอบคุณมากค่ะ…ขอบคุณมาก…ต่อให้ฉันไปเป็นวัวเป็นม้าก็คงตอบแทนบุญคุณของคุณไม่หมด…”
เยวี่ยเซียงโค้งคำนับให้กับพวกเหมยเหมยไม่หยุด บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าเห็นว่าเธอและลูกสาวน่าสงสาร ดังนั้นถึงได้ส่งคนดีมาช่วยเธอ!
“ไม่ต้องให้เธอเป็นวัวเป็นม้ามาตอบแทนหรอก ขอแค่เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปเลี้ยงจนลูกสาวเติบใหญ่ก็พอแล้ว!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดสั่งสอนเธอไปไม่กี่ประโยค เธอเป็นคนนิสัยแบบนี้ ทั้ง ๆที่จิตใจดีแต่พอพูดออกมากลับไม่น่าฟังสักเท่าไร
เหมยเหมยช่วยอธิบายเพิ่มว่า “หล่อนพูดจาอาจจะไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่แต่เป็นคนจิตใจดีนะ เธออย่าไปถือสาล่ะ”
เยวี่ยเซียงยิ้มพลางส่ายศีรษะ เธอจะไปโทษคนที่ช่วยเหลือและมีบุญคุณกับเธอได้อย่างไร?
ไม่นานทางสถานีตำรวจก็โทรศัพท์มาหา เหมยเหมยบอกที่อยู่ของบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตำรวจก็มาถึงแล้วพาตัวเยวี่ยเซียงไป แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่วางใจจึงให้อิงจวี้กังตามไปด้วย
ยังโชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นช่วยบอกกล่าวพวกตำรวจไปแล้ว พวกเขาจึงสุภาพต่อเยวี่ยเซียงมาก เพียงแค่ถามเรื่องคดีที่เกิดขึ้น ครู่เดียวก็พาเยวี่ยเซียงไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลต่อแต่ผลตรวจกลับชวนให้ปวดใจเหลือเกิน
“สายเกินไปแล้วครับ เนื้อร้ายได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายแล้ว ต่อให้เป็นเทพยดาก็คงช่วยเธอไม่ได้แล้วล่ะ”
หมอที่วินิจฉัยโรคให้เยวี่ยเซียงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกที่ดีที่สุดในเมืองหลวงซึ่งเหมยเหมยหามาเพื่อเธอโดยเฉพาะ แต่ใครจะไปคิดว่าผลลัพธ์จะน่าเศร้าขนาดนี้
“ไม่มีหนทางเลยเหรอคะ? ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเงินเลย ต่อให้รักษาไม่ได้ ขอแค่ยื้อเวลาเธอไปอีกสักหน่อยก็ได้ค่ะ” เหมยเหมยถามขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญส่ายศีรษะ “นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินแล้วครับ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันไม่มีวิธีเลยจริง ๆ รีบทำตามสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการเถอะครับ เวลาของเธอเหลือน้อยแล้ว”
“อีกนานแค่ไหนคะ?”
“ไม่เกิน 3 เดือนครับ อาจจะหนึ่งเดือนหรือครึ่งเดือนก็ได้…”
…………………………