ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2723 ความคิดเปิดกว้าง + ตอนที่ 2724 พรสวรรค์ที่แสนประหลาด
ตอนที่ 2723 ความคิดเปิดกว้าง
เหมยเหมยถอนหายใจ ความกังวลของเฝิงอวี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล คนในตระกูลหยางปฏิบัติไม่ดีต่อเฝิงอวี้ก็จริง แต่พวกเขาดีต่อหลานไม่น้อย เสี่ยวจวินอายุเพิ่งเก้าขวบจะไปเข้าใจอะไร ไม่แน่อาจจะเกลียดเฝิงอวี้เข้าจริง ๆก็ได้
“เฮ้อ…งั้นก็คงทำได้แค่ปล่อยไปแล้วล่ะ หวังว่าวันข้างหน้าเสี่ยวจวินโตขึ้นจะเข้าใจถึงความลำบากของเธอแล้วกัน!” เหมยเหมยกล่าว
เธอเห็นมามากเหลือเกินผู้ชายไร้คุณธรรมที่พอแต่งงานไปก็หลงลืมแม่ของตัวเอง ผู้หญิงเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ด้วยความยากลำบาก แถมยังหาเงินแต่งงานให้อีก แต่ลูกชายกลับไม่เคยซึ้งใจหรือบางทีอาจนึกรังเกียจที่แม่ตัวเองไม่ได้ให้เยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ!
เฝิงอวี้ยิ้มกล่าว “ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย เสี่ยวจวินเป็นลูกชายของฉัน การเลี้ยงดูเขาเป็นหน้าที่ของฉัน ขอแค่วันหน้าเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขฉันก็วางใจแล้ว ตัวฉันเองก็มีเงินหลังเกษียณตัวไปไม่จำเป็นต้องให้เสี่ยวจวินมาเลี้ยงฉันยามแก่หรอก ถ้าไม่ได้จริง ๆฉันก็ไปอยู่บ้านพักคนชรา หากมีเพื่อนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่เป็นเพื่อนต้องมีความเป็นอิสระมากกว่าเลี้ยงหลานอยู่บ้านอยู่แล้วล่ะ!”
เธอคิดได้มากทีเดียว หากลูกโตขึ้นเธอก็ต้องปล่อยวาง เธอจะฉุดรั้งเขาไปตลอดชีวิตไม่ได้ ลูกที่เป็นแบบนั้นจะหมดอนาคตมากกว่า
อีกอย่างวันข้างหน้าเธอเองก็ไม่อยากอยู่บ้านร่วมชายคาเดียวกับลูกชายและลูกสะใภ้เหมือนกัน ถ้ำหนึ่งคงมีเสือสองตัวไม่ได้ บ้านหลังหนึ่งมีแค่คุณนายหญิงของบ้านได้เพียงคนเดียว เธอไม่อยากทำให้ลูกชายที่เป็นคนกลางต้องลำบากใจ สู้เธอรู้ตัวเองเป็นฝ่ายถอยออกมาจากชีวิตของลูกชายเองจะดีกว่า!
เธอเองก็ลำบากตรากตรำมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว เธอคงไม่เอาเรี่ยวแรงเสียไปกับเรื่องของลูกชายทั้งหมดหรอก!
เหมยเหมยอดที่จะมองเฝิงอวี้ใหม่ไม่ได้จึงเอ่ยชื่นชม “เธอนี่มองโลกเปิดกว้างจริง ๆ ลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอช่างโชคดีจริง ๆ!”
เฝิงอวี้เอ่ยยิ้ม ๆ “ฉันก็แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านั้น ฉันเองก็เคยเป็นลูกสะใภ้ของคนอื่นมาก่อน รู้รสชาติการอยู่ร่วมกับผู้ใหญ่พวกนั้นดี เพราะงั้นขอแค่พวกเขาสองคนใช้ชีวิตเองกันได้ ลำพังฉันคนเดียวจะใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ อีกอย่างฉันคิดมานานแล้วว่าหลังเกษียณฉันจะซื้อกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวชมแม่น้ำภูเขาในประเทศเราสักหน่อย จะได้ถือว่าเกิดมาบนโลกนี้โดยไม่เสียเปล่าไงล่ะ!”
เหมยเหมยยกนิ้วโป้งให้ “ถ้ามีสภาพจิตใจดีแบบนี้ ไม่แน่เธออาจจะหาคู่ชีวิตอยู่ด้วยกันยามแก่สักคนได้ก็ได้นะ!”
เฝิงอวี้ยิ้มอย่างปวดใจ เอ่ยพลางส่ายศีรษะว่า “ไม่หาแล้วล่ะ…อยู่คนเดียวก็ดีออก”
เหมยเหมยก็ไม่ได้เอ่ยโน้มน้าวอะไร เรื่องแบบนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา ถ้ามันมาแล้วต่อให้ปิดกั้นแค่ไหนก็คงปิดกั้นไว้ไม่อยู่ อย่ามองแค่ว่าตอนนี้เฝิงอวี้ปากแข็ง ถ้าเจอคนดี ๆเข้ามาจริง ๆ เธอต้องอดหวั่นไหวไม่ได้แน่นอน
เธอไม่ได้เป็นนักบวชสักหน่อย แล้วจะตัดเรื่องความรักความรู้สึกไปได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้คนตระกูลหยางจะไม่ได้เป็นคนดีอะไรแต่จัดการธุระได้รวดเร็วดีไม่หยอก ผ่านไปไม่กี่วันก็จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย เฝิงอวี้จึงย้ายจากมูลนิธิกลับไปที่บ้าน
หลังจากจัดการเรื่องของเฝิงอวี้เสร็จ เหมยเหมยก็สบายขึ้นมากเป็นกอง ครั้นนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ไม่ได้เอาใจใครบางคนมานานแล้ว เธอเลยเข้าครัวทำอาหารตั้งโต๊ะด้วยตัวเอง ทุกอย่างล้วนเป็นของโปรดของเหยียนหมิงทั้งนั้น พอตกเย็นเหยียนหมิงซุ่นกลับมาถึงบ้านก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะทานข้าวเย็นเขาก็เอ่ยถามขึ้นว่า “ชนะคดีแล้วเหรอ?”
“แน่นอนสิ ผู้ชายสารเลวไปตัวเปล่า ส่วนลูกอยู่กับเฝิงอวี้” เหมยเหมยได้ใจไม่น้อย นี่เป็นคดีแรกของมูลนิธิที่เธอเป็นคนจัดการทุกอย่างเองสำเร็จ และได้บันทึกลงในแฟ้มประวัติของมูลนิธิด้วย
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มบาง ๆแล้วจงใจขัดขึ้นว่า “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเฝิงอวี้ต้องวุ่นวายอีกแน่”
“ถ้าคนตระกูลหยางกล้าทำอะไรอีก ฉันก็จะพุ่งไปหาสำนักพิมพ์แล้วทำให้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้เลย!” เหมยเหมยนึกว่าเหยียนหมิงซุ่นหมายถึงคนตระกูลหยาง
เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “คนตระกูลหยางรักหน้าตาศักดิ์ศรี พวกเขาจะอาละวาดได้อย่างไรกัน เธอไม่ต้องสนใจอะไรหรอก เฝิงอวี้เขาจัดการเองได้”
สำหรับตระกูลหยางลำพังแค่ห้องชุดสองห้องกับเงินแค่นั้นเป็นเรื่องน้อยนิดมาก อีกอย่างถึงแม้ทรัพย์สินเหล่านี้จะให้เฝิงอวี้ไป แต่ความจริงก็เป็นของหลานชายเสี่ยวจวินนั่นแหละ คนในตระกูลหยางรู้แก่ใจดี พวกเขาไม่มีทางทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่โตหรอก
ทางฝั่งคุณปู่เหยียนเงียบกริบมาตลอดแต่กลับมีสีหน้าชั่งใจ อ้ำ ๆอึ้ง ๆไม่กล้าพูดออกมาสักที
……………………………………………..
ตอนที่ 2724 พรสวรรค์ที่แสนประหลาด
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คิดหาสาเหตุได้ นอกจากตระกูลหยาง ก็เหลือแค่คนในตระกูลเฝิงแล้วล่ะ แต่ในเมื่อหย่ากันไปแล้ว คนตระกูลเฝิงจะโวยวายอะไรได้อีก
คงไม่ใช่ว่าจะให้เฝิงอวี้กลับไปคืนดีหรอกใช่ไหม?
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วไม่พูดอะไร ถึงแม้เขาจะไม่ได้คลุกคลีกับคดีนี้แต่เหมยเหมยเล่าไม่หยุดปาก บวกกับคุณย่าหยางกับป้าฟางมักชอบถามถึงบ่อย ๆ เขาเลยพลอยต้องฟังเรื่องนี้ไปด้วยจนเกือบเก็บรายละเอียดเรื่องเฝิงอวี้ได้ครบแล้ว
เฝิงอวี้ได้ทรัพย์สินตั้งมากมาย พวกคนตระกูลเฝิงนั่งอยู่เฉย ๆสิแปลก!
แต่เรื่องนี้ต้องให้เฝิงอวี้เป็นคนจัดการเอง คงไม่ใช่ว่าจะเอาทุกเรื่องมารบกวนภรรยาเขาหมดหรอกมั้ง!
“ผ่านไปอีกไม่กี่วันเธอก็รู้เอง กินกุ้งหน่อยนะ” เหยียนหมิงซุ่นจงใจทิ้งปมปริศนาไว้แล้วแกะกุ้งยัดใส่ปากเหมยเหมย แล้วฉวยโอกาสเขี่ยจมูกเธอไปทีหนึ่ง
เล่อเล่อที่อยู่ด้านข้างยู่จมูกแล้วคว้ากุ้งตัวใหญ่มากัดตัวหนึ่ง คุณแม่ไม่ได้เรื่องเลยกินกุ้งยังต้องให้คุณพ่อแกะให้อีก ต้องกินพร้อมเปลือกสิถึงจะอร่อยกว่า!
ครั้นเหมยเหมยเห็นลูกสาวตัวเองกินเช่นนั้น เปลือกตาก็กระตุกแล้วเตรียมแกะกุ้งให้ลูกกิน แต่ดันถูกเหยียนหมิงซุ่นขวางไว้ก่อน “กินพร้อมเปลือกดีจะตายไป ได้เสริมแคลเซียมด้วย!”
คุณย่าหยางจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็หยิบกุ้งที่แกะเปลือกเสร็จแล้วไปใส่ในถ้วยของเล่อเล่อ กินพร้อมเปลือกไปแบบนั้นเกิดฟันหักจะทำอย่างไร!
“ไม่เคยเห็นพ่อแบบแกเลยจริง ๆ ทำไมไม่เสริมแคลเซียมให้ภรรยาด้วยล่ะ? แบ่งลำดับความสำคัญไม่เป็นเลย เล่อเล่ออายุเพิ่งเท่าไหร่เอง ควรแกะเปลือกให้ใครต้องให้ฉันสอนด้วยเหรอ!”
คุณย่าหยางอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนไปยกหนึ่ง บ้านคนอื่นให้ความรักทะนุถนอมคนเล็กสุดของบ้าน แต่บ้านเธอดันกลับกัน เด็กไม่สนแต่กลับสนใจแต่ผู้ใหญ่ คนไม่รู้ยังนึกว่าเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงซะอีก!
เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งตัวหนึ่งต่ออีก เหมยเหมยฝืนใจกินกุ้งไปทั้งเปลือก ลูกตาของคุณย่าจ้องจนแทบถลนออกมาอยู่แล้ว ช่างกดดันเหลือเกิน
“ผมแกะกุ้งให้แค่ภรรยาเท่านั้น เล่อเล่อไม่ใช่ภรรยาผมสักหน่อย วันหลังก็ให้สามีแกะให้สิ!”
คุณย่านิ่งตะลึงค้างพูดจาไม่ออก นี่มันหลักการบ้าบออะไรกัน?
“แต่เขาเป็นลูกของแก…รู้บ้างไหม ลูกสาวน่ะ ลูกสาวที่แค่สี่ขวบเอง!” คุณย่าคำรามด้วยความโกรธพร้อมทั้งจ้องเหมยเหมยตาเขม็ง เวลานี้คุณย่ารู้สึกว่าเหมยเหมยเป็นดั่งสาวงามต้นเหตุของหายนะอย่างที่ในนิยายกล่าวไว้ เป็นเสมือนตัวหายนะที่ยั่วยวนไม่ให้ฮ่องเต้ทำงานนั่นเอง
เหมยเหมยหดคอพร้อมทั้งรู้สึกว่าคำตอบของเหยียนหมิงซุ่นชวนให้โดนด่าจริง ๆ ถ้าเธอเป็นคุณย่าก็คงโกรธเหมือนกัน เหมยเหมยตัดสินใจทำตัวเป็นแม่ผู้ใจดีเพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกอึดอัด
เธอเอากุ้งที่เหยียนหมิงซุ่นแกะให้ส่งไปให้ลูกสาว แต่ทว่า——
เล่อเล่อโบกไม้โบกมืออย่างนึกรำคาญใจ เธอคว้ากุ้งมาอีกตัวแล้วทานด้วยท่าทีเอร็ดอร่อย “ไม่ต้องค่ะ…แม่กินเองเถอะ กินเปลือกด้วยอร่อยกว่าตั้งเยอะ!”
ถ้าแกะเปลือกออกแล้วมันนุ่มเกินไปกินไม่เพลินเลยสักนิด กุ้งที่คุณทวดให้เมื่อครู่เธอไม่กล้าปฏิเสธเพราะเกรงใจมากกว่า แต่ส่วนของแม่เธอไม่เอาหรอก
เหมยเหมยเอากุ้งกลับมาคืนด้วยความโมโหแล้วยัดเข้าปากตัวเอง ทำดีแต่ไม่ได้ดี เธอยังน่าเคารพอยู่ไหมนะ?
เหยียนหมิงซุ่นกลั้นหัวเราะไว้ ลูกสาวของเขาเดินเส้นทางที่ไม่เหมือนคนอื่น เขารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้มีรสปากผิดแปลกไปจากคนทั่วไป
คุณย่าเองก็นั่งลงด้วยความหงุดหงิดแล้วคีบกุ้งทานเองตัวหนึ่ง เธออยากลองนักว่ากินเปลือกด้วยจะรสชาติเป็นอย่างไร แต่เธอกัดไปแค่คำเดียวก็คายออกมา แข็งจนแทบติดคอ เธอหันไปมองเล่อเล่อแต่กลับเห็นเจ้าหนูกัดสองคำก็หมดแล้ว เคี้ยวไม่กี่ทีก็กลืนลงคอซึ่งดูเอร็ดอร่อยไม่น้อย สำราญใจดีเหลือเกิน นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่แปลกประหลาดจริง ๆ
คุณปู่เหยียนชั่งใจอยู่นาน จนในที่สุดก็ดึงความกล้าแล้วถามออกไปว่า “หมิงซุ่น ตอนนี้พ่อหลานเป็นไงบ้าง?”
ช่วงนี้เขาได้ยินภรรยาบ่นเรื่องผู้ชายสารเลวบ่อย ๆ คุณปู่จึงอดนึกถึงลูกชายทรพีที่ไม่เจอมานานหลายปีไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าลูกชายใช้ชีวิตอยู่หุบเขาแดนไกลเป็นอย่างไรบ้าง ถึงลูกชายจะเลวทรามชั่วช้าจริง ๆแต่ก็เป็นลูกชายแท้ ๆของเขานี่นา คุณปู่จึงอดคิดถึงไม่ได้
…………………………