ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2905 นักศึกษาโควตานักกีฬา + ตอนที่ 2906 ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 2905 นักศึกษาโควตานักกีฬา + ตอนที่ 2906 ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ตอนที่ 2905 นักศึกษาโควตานักกีฬา
เหมยเหมยแลกเปลี่ยนสายตาอย่างนึกฉงนกับเหยียนหมิงซุ่น เสี่ยวจูสอบติดสถาบัน Mit ยังพอรับได้ในเมื่อลูกชายคนเล็กเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่เน่าเน่าสอบติดคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้อย่างง่ายดายนั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อจากใจจริง
คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเองก็เป็นคณะจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเหมือนกัน ไม่ใช่สวนสาธารณะเขตตรงข้ามบ้านที่นึกอยากไปเดินเล่นก็ไปได้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ถ้าไม่มั่นใจว่าเน่าเน่ามุดออกมาจากท้องตัวเอง เหมยเหมยก็ชักสงสัยว่าเน่าเน่ามีความสัมพันธ์อะไรกับคณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซะอีก!
“เน่าเน่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เหมยเหมยมองเน่าเน่าที่กำลังทำท่าได้ใจ เจ้าหมอนี่เหลิงเสียจนหางแทบจะชี้โด่ขึ้นฟ้าอยู่แล้ว
“ก็ตามนี้แหละ ข้ากำลังจะไปเรียนมหาลัยที่อเมริกาแล้ว!” เน่าเน่าสั่นขาด้วยท่าทางเหิมเกริมสุดฤทธิ์ เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วรู้สึกเคืองตาเนือง ๆก็ฟาดศีรษะเขาทีหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงตำหนิ “ถ้าพูดคำว่าข้าอีกฉันจะส่งแกไปเรียนที่แอฟริกา รีบพูดมาว่าสอบติดได้ยังไงกันแน่!”
คุณปู่เหยียนใช้ไม่เท้าหวดใส่ตัวเหยียนหมิงซุ่นทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ “เบามือหน่อย เดี๋ยวสมองเน่าเน่าก็ถูกกระทบกระเทือนหรอก ไม่รู้จักผ่อนหนักเป็นเบาเลย”
ช่วงเวลานี้คุณปู่เดินเหมือนตัวลอยอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เสี่ยวจูไปเรียนต่อรอยยิ้มก็ไม่หายไปจากใบหน้าของเขาอีกเลย ขยันไปวิ่งและรำไทเก๊กที่สวนสาธารณะมากขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องการจะฟังคำพูดอิจฉาริษยาจากปากของเหล่าเพื่อนร่วมออกกำลังกายด้วยกันนั่นเองเพื่อเป็นการตอบสนองความขี้อวดของเขาเอง
ตอนนี้เน่าเน่าก็สอบติดคณะ GSB แล้ว คาดว่าคุณปู่คงมีเรื่องให้โม้อีกระยะหนึ่งเลยล่ะ
“เหลนชายของฉันเก่งแบบนี้แหละ ฉันบอกแต่แรกแล้วว่าเมื่อก่อนเน่าเน่าแค่ไม่เปิดเผยความสามารถที่แท้จริง ขอแค่ได้เปิดเผยเมื่อไหร่ต้องเอาชนะทุกคนได้แน่” คุณย่าหยางลูบหนังสือรายงานผลซ้ำ ๆ อ่านซ้ำไปมา ต่อให้เธอไม่เข้าใจภาษาอังกฤษบนนั้นก็ตาม
เน่าเน่าได้ใจยิ่งกว่าเดิม “คุณย่าทวดรู้ใจผมที่สุด!”
เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งแล้วก็หลุดขำด่าออกเสียง “อย่ามัวแต่หัวเราะคิกคัก รีบบอกมาว่าสอบติดได้ยังไง ทำไมลูกไม่สอบ MIT เหมือนกันล่ะ แบบนั้นอยู่มหาลัยเดียวกับเสี่ยวจูก็ดูแลกันได้นี่นา”
เน่าเน่าพลั้งปากตอบกลับไปว่า “MIT มีขอบเขตอำนาจอยู่ที่ D3 GSB มีขอบเขตอำนาจที่ D1 เสี่ยวจูบอกว่าผมเหมาะกับ GSB มากกว่า”
เหมยเหมยฟังแล้วมึนไปชั่วขณะ อะไรคือ D3D1?
เล่อเล่อเพิ่งกลับมาจากข้างนอก หยิบหนังสือรายงานผลขึ้นมาอ่านแวบหนึ่ง เห็นคนที่บ้านไม่มีใครเข้าใจเลยอธิบายให้ว่า “เน่าเน่าเป็นนักศึกษาโควตานักกีฬาบาสเกตบอล GSB มีขอบเขตอำนาจสูงที่สุดของสมาคมกีฬาวิทยาลัยแห่งอเมริกา แต่ MIT อยู่แค่ในระดับ D3 ถ้าในด้านกีฬา GSB จะเก่งกว่า”
ทางอเมริกาให้ความสำคัญกับด้านกีฬาอย่างมาก บรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งหลายมักจะรับสมัครนักศึกษาผ่านโควตานักกีฬาอยู่ทุกปี แน่นอนว่าต้องเลือกคนที่มีฝีมือความสามารถยอดเยี่ยม ไม่อย่างนั้นคงไม่เข้าตาพวกเขาหรอก
เหมยเหมยหลุดเสียงถาม “โควตานักกีฬาเหรอ? เน่าเน่าลูกเล่นบาสได้ดีมากเลยเหรอ?”
เจ้าหมอนี่ชอบเล่นบาสเกตบอลก็จริงอยู่หรอก และต้องเล่นสักหนึ่งสนามทุกวันที่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรพลางคิดว่าเด็กผู้ชายเล่นบาสเกตบอลก็ดีออกเพราะมีส่วนช่วยต่อความสูง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเน่าเน่าจะเล่นบาสเกตบอลจนสอบเข้า GSB ได้
นี่คงไม่ได้ฝีมือทั่ว ๆไปหรอกสินะ!
เหยียนหมิงซุ่นกลับเข้าใจทันทีว่าพรสวรรค์ของลูกชายคนโตคือความไวและไหวพริบดี ทั้งตัวสูงและมีพลังเยอะ ถ้าเล่นบาสเกตบอลแย่สิแปลก!
“ไปเล่นกันสักรอบที่หลังบ้าน” เหยียนหมิงซุ่นเริ่มคันมือยุบยิบพานนึกถึงอดีตที่เขาก็เคยเป็นหนุ่มน้อยผู้ชื่นชอบการเล่นบาสมาก่อน
ไม่ได้เล่นมาตั้งกี่ปีแล้ว แต่ฝีมือก็ไม่ได้ถดถอยลงเลย
“พ่อ ผมเปล่าว่านะ พ่ออย่าหาเรื่องให้ตัวเองอับอายเลย ผมกลัวพ่อรับไม่ไหว!” เน่าเน่าพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก
เขาไม่ได้โม้นะ ขอแค่เขาต้องการก็ไม่มีลูกไหนที่เขาจะชู้ตไม่ลง
เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่ง เน่าเน่าไปเอาลูกบาสเกตบอลที่หลังบ้านแต่โดยดี พวกเหมยเหมยก็ตามไปดูเรื่องสนุก ๆด้วยอย่างสนอกสนใจ
เล่อเล่อตามอยู่หลังเน่าเน่าพร้อมกระซิบเสียงเบา “เดี๋ยวเล่นโหด ๆเลยนะ เอาให้พ่อแพ้ยับไปเลย”
เฮอะ พ่อคัดค้านเรื่องของเธอกับพี่เสี่ยวเป่านัก จะสั่งสอนโหด ๆสักที!
………………………..
ตอนที่ 2906 ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
เนื่องจากเน่าเน่าชอบเล่นบาสเกตบอลเหยียนหมิงซุ่นจึงสร้างแป้นบาสเกตบอลไว้หลังบ้านอันหนึ่ง สองพ่อลูกเดินไปอยู่ใต้แป้นประจันหน้ากันโดยลูกบาสอยู่ในมือเล่อเล่อ
“หนึ่ง สอง สาม…เริ่มได้!”
เล่อเล่อโยนลูกบาสเกตบอลขึ้นกลางอากาศ เหยียนหมิงซุ่นกับเน่าเน่าออกตัวพร้อมกันไวปานสายลม เหมยเหมยมองตามแผ่นหลังของสองพ่อลูกไม่ค่อยชัดนักแค่รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังโบยบิน เธออดตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ “ที่รักสู้ ๆ!”
นึก ๆแล้วก็ตะโกนอีกที “ลูกชายสู้ ๆ!”
คุณย่าหยางมองเหยียดเธอแวบหนึ่ง หลายใจเสียจริง…เธอจริงใจกับเหลนชายคนเดียวเท่านั้น คุณย่าตะโกนสู้ “เน่าเน่าสู้ ๆ!”
การแข่งขันไม่ได้ดำเนินนานมากเพราะเน่าเน่าเป็นฝ่ายจบการแข่งขันนี้แต่เพียงผู้เดียว เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้แตะแม้แต่ลูกบาสเสียด้วยซ้ำเพราะถูกเน่าเน่าแย่งลูกไปแต่เพียงฝ่ายเดียวและชู้ตลูกบาสลงแป้นติดต่อกันเป็นสิบกว่าลูก
ลูกสามแต้มง่ายเสียกว่าเอาเกี๊ยวลงหม้อต้มด้วยซ้ำ ไม่ต้องใช้ตาดูแค่มือเหวี่ยงออกไปก็ชู้ตเข้าได้แล้ว
“ไม่เล่นแล้ว พ่อกับผมไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน เล่นไม่สนุกเลย” ถ้อยคำของเน่าเน่าเรียกให้เหยียนหมิงซุ่นหหน้าขึงขังกว่าเดิมและรู้สึกอับอายขายหน้าจริง ๆ
เขาคิดว่าตัวเองเล่นบาสเกตบอลได้ค่อนข้างดีมาตลอด แถมทักษะการต่อสู้ก็ไม่เลว ต่อให้เล่นไม่ดีเท่าเน่าเน่าแต่อย่างน้อยน่าจะแย่งชู้ตได้หลายลูกสิ แต่ใครเล่าจะคิดได้ว่าเขาไม่แม้แต่จะได้แตะลูกด้วยซ้ำ
การเล่นบาสเกตบอลกับเน่าเน่าทำให้เขารู้สึกได้ถึงความต่างของคำว่ากิจกรรมงานอดิเรกกับมืออาชีพ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างว่าจริง ๆ
เหยียนหมิงซุ่นก็ยังปลาบปลื้มใจอยู่ดี ลูกชายได้ดีคนเป็นพ่ออย่างเขาจะไม่ดีใจได้หรือ!
สิ้นเดือนเน่าเน่าก็จะเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้ว เขาไม่พกอะไรติดตัวไปเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับคุณชายฉิว
เพราะคุณชายฉิวบอกแล้วว่าเขาต้องไปหากระรอกตัวเมียต่างประเทศหลาย ๆตัวหน่อย บรรดาตัวที่อยู่บ้านกกจนเบื่อแล้ว เขาต้องไปลิ้มลองความรู้สึกแปลกใหม่ต่างบ้านต่างเมืองสักหน่อย
เหมยเหมยไปส่งเน่าเน่าอย่างรู้สึกปวดใจ ที่บ้านเงียบเหงาขึ้นมากในพริบตาเดียว ความว่างเปล่าแบบนี้ไม่คุ้นชินเลยสักนิด
“เฮ้อ…อยู่บ้านก็รำคาญ ไปแล้วก็คิดถึง” เหมยเหมยเอ่ย
คุณย่าหยางตาแดงก่ำ เมื่อครู่ที่สนามบินคุณย่าสวมกอดเน่าเน่าร้องไห้อยู่พักใหญ่จนแทบจะตามไปอยู่รอมร่อ
“ลูกชายโตแล้วย่อมไม่อยู่กับแม่ สักวันก็ต้องออกจากบ้านอยู่ดี เฮ้อ!” คุณย่าหยางถอดถอนใจไม่หยุด เธออายุปูนนี้แล้วไม่รู้จะอยู่บนโลกได้อีกกี่ปี หวังเพียงว่าจะได้เห็นพวกเน่าเน่ามีการมีงานสร้างครอบครัวเป็นของตัวเองเธอก็พอใจมากแล้ว
ครั้นนึกถึงเรื่องสร้างครอบครัวคุณย่าหยางก็ใจกระตุก ประจวบกับที่เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้านเธอเลยถามเหมยเหมยว่า “ทำไมหมิงซุ่นไม่อนุญาตให้เล่อเล่อแต่งงานกับเสี่ยวเป่าล่ะ เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีจะตาย!”
ป้าฟางที่อยู่ในครัวก็ปรี่เข้ามาด้วยอีกคนพูดเป็นเชิงเดียวกับคุณย่าที่เรียกให้เหมยเหมยถอนหายใจ ตอบกลับอ้ำอึ้งว่า “เสี่ยวเป่ามีปัญหาเรื่องภูมิหลังนิดหน่อย พี่หมิงซุ่นกลัวว่าจะส่งผลต่อรุ่นลูกรุ่นหลาน”
“หมายความว่าอย่างไร? เสี่ยวเป่าก็แข็งแรงออกไม่ใช่เหรอ แล้วจะส่งผลต่อรุ่นต่อไปได้ไง?” คุณย่าหยางไม่เข้าใจ
ป้าฟางกลับคิดได้เลยทำหน้าแปลก ๆ เธอคิดว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของเฮ่อเหลียนเช่อ เรื่องที่มาที่ไปของชีวิตเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่ความลับในเมืองหลวงเพราะเขาเป็นเด็กที่เกิดจากพี่น้องท้องเดียวกัน!
เธอกระซิบข้างหูคุณย่าหยางเบา ๆจนทำเอาคุณย่าตกใจเฮือกใหญ่ “โอ้…นี่ก็ปัญหาอย่างหนึ่งเลยแหละ มิน่าหมิงซุ่นถึงไม่อนุญาต เฮ้อ เสียดายเด็กดีอย่างเสี่ยวเป่า เสียดายจริง ๆ!”
เล่อเล่ออยู่ชั้นล่างได้ยินบทสนทนาจากชั้นบนชัดเต็มสองหูก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ ภูมิหลังของชีวิตพี่เสี่ยวเป่านั้นสะอาดบริสุทธิ์ ทำไมคุณแม่ถึงบอกว่ามีปัญหาล่ะ?
เธอมีข้อสงสัยในใจเตรียมเก็บไปสืบข้อมูลทีหลัง ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือช่วงเปิดเทอม ก่อนเน่าเน่าจะไปได้บอกไว้ว่าพี่เสี่ยวเป่าก็อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ เธอต้องไปหาซื้อชุดสวย ๆหลายตัวเซอร์ไพรส์พี่เสี่ยวเป่าหน่อยแล้ว!
……………………