ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2989 เรื่องประหลาด + ตอนที่ 2990 ขุมสมบัติอยู่ที่ไหน
ตอนที่ 2989 เรื่องประหลาด
เสี่ยวจูส่ายศีรษะ “ถอนคงถอนได้แต่ตอนนี้ฉันยังคิดหาวิธีไม่ได้”
เล่อเล่ออยากตบเสี่ยวจูสักทีทว่าฝ่ามือที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็เปลี่ยนทิศทางไปลงที่ศีรษะเน่าเน่าแทนด้วยความหงุดหงิด นับตั้งแต่เข้าหุบเขามาทุกย่างก้าวของพวกเขามักเป็นฝ่ายถูกกระทำราวกับมีมือคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นกำลังแอบบงการอยู่ หลอกล่อพวกเขาให้ก้าวสู่เหวลึกทีละก้าว ๆโดยมิอาจต้านทานได้
“ตบฉันทำไม? ฉันไม่ได้พูดอะไรสักคำ” เน่าเน่าตวาดใส่ด้วยความโมโห ตบเขาทุกทีเลย เขาเจ็บไม่เป็นหรือไง!
“ใครใช้ให้นายมาอยู่ข้างฉันล่ะ ไปโน้นเลย เห็นแล้วหงุดหงิด!”
เล่อเล่อปล่อยหมัดใส่เขา เน่าเน่าเลยถอยหลบอย่างหัวเสีย ในเมื่อเขาหาเรื่องไม่ได้แต่หลบได้นี่นา
ฉับพลันสือเอ้อร์ก็ตะโกนขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้ว พวกเราเองก็กินหัวดอกลิลลี่เหมือนกัน งั้นพวกเราต่างก็โดนพิษหมดน่ะสิ!”
ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี เสี่ยวจูส่ายศีรษะเอ่ย “อย่ากังวลไป พวกเราไม่ได้กินดอกลิลลี่สีดำ ถ้ามีแค่จุลินทรีย์ชนิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอก”
“งั้นก็ดี…แต่พอคิดว่าในร่างกายมีจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งไหลเวียนอยู่ในเลือดก็พลอยรู้สึกขนลุกไปด้วยแฮะ มีวิธีขับจุลินทรีย์นี้ออกจากร่างกายไหม?” เล่อเล่อลูบแขน เธอรู้สึกไม่สบายตัวเลยจริง ๆ
สือเอ้อร์กลับไม่คิดเช่นนั้นแล้วเอ่ย “พี่คิดมากไปแล้ว ต่อให้เราไม่กินหัวดอกลิลลี่เข้าไปร่างกายของเราก็มีจุลินทรีย์มากมายอยู่แล้ว อีกอย่างในอากาศก็มีพวกจุลินทรีย์กระจายตัวอยู่เต็มไปหมด พี่สูดหายใจเข้าไปทีหนึ่งก็มีแมลงตัวเล็ก ๆเข้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ทั้งยังไหลไปทางหลอดลมหลอดอาหาร…แล้วเข้าไปใน…”
“หุบปากไปเลย…”
เล่อเล่อยกฝ่ามือซัดยัยเด็กที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดกระเด็นไปอยู่เป็นเพื่อนเน่าเน่าด้วยความโกรธ ให้เจ้าเด็กไม่รู้ความสองคนนี้ไปอยู่ด้วยกันเถอะ
สือเอ้อร์ยู่ปาก เธอไม่ได้พูดผิดสักหน่อย พี่เล่อเล่อชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าโดยเฉพาะเธอกับพี่เน่าเน่า
เสี่ยวจูคลิกบนคอมพิวเตอร์ครู่หนึ่งก็ปรากฏภาพปริศนาออกมาซึ่งมองดูแล้วเหมือนเขาวงกต เขาชี้ไปที่ภาพแล้วเอ่ย “ฉันวิเคราะห์ห่วงโซ่ยีนดีเอ็นเอแล้ว ตอนนี้ในคลังจุลินทรีย์หาจุลินทรีย์ตัวนี้ไม่พบ”
เสี่ยวเป่าสีหน้าขรึมลง “หมายความว่าจุลินทรีย์สองตัวนี้เป็นชนิดใหม่งั้นเหรอ”
เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ก็เหมือนสิ่งประหลาดเพราะไม่มีใครรู้ว่าจะสร้างอันตรายต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ต่อให้ตอนนี้จุลินทรีย์ที่อยู่ในร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้ออกอาการอะไร แต่ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่เป็นอะไรล่ะ?
“ฉันจะออกไปจากหุบเขานี้หน่อย เสี่ยวจูไปกับพี่ที” เสี่ยวเป่ามองไปทางเสี่ยวจู
ในหุบเขาไม่มีสัตว์ใด ๆแต่นอกหุบเขามี บางทีเขาอาจจะเข้าใจสถานการณ์อะไรขึ้นบ้าง เขาต้องไปหาถามให้รู้เรื่อง มิเช่นนั้นก็สู้อยู่ในหุบเขาโดยไม่รู้อะไรเลยเหมือนแมลงวันที่ไร้หัวเช่นนี้
เสี่ยวจูถอนหายใจ “ก็ได้…ฉันเก็บของก่อน”
เน่าเน่าเข้ามาสมทบ “ให้ฉันแบกพวกนายไหม? แต่สองคนออกจะยากไปหน่อยนะ”
“ไม่ต้องหรอก นายเฝ้าอยู่ที่นี่แหละ ห้ามไปไหนทั้งนั้น!” เสี่ยวเป่าเอ่ยด้วยสีหน้าหนักแน่น เน่าเน่าไม่กล้าล้อเล่นอีกพลันก็ดูท่าทีจริงจังขึ้นกว่าเดิม
เล่อเล่อก็อยากไปด้วยเช่นกันแต่เธอไตร่ตรองดูแล้วเธออยู่ที่นี่ดีกว่า ในเมื่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นก็เป็นเด็กดีอยู่ในหุบเขาไปนี่แหละ
“พวกเขาไปไหนเหรอ? ไปหาของกินหรือเปล่า?” เจสันเห็นเสี่ยวเป่ากับเสี่ยวจูจากไปก็เดินมาถามไถ่ สีหน้าไม่ทะเล้นอีกเช่นเคยแต่กลับดูขรึมขึ้นมาก
“ใช่” เล่อเล่อพยักหน้า จากนั้นก็เอาเถาวัลย์มามัดสายลับสาวที่ร้องเสียงแหบพร่าไว้แน่น
พอเดินออกมาได้สักพักหนึ่ง เสี่ยวเป่าก็กวาดตามองรอบทิศแล้วพยักหน้าให้เสี่ยวจู เสี่ยวจูงอมือก่อนที่สิ่งมีชีวิตสีเขียวเงาวับจะมุดเข้าไปในป่า ไม่นาน…งูหลามยักษ์ตัวหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขาพร้อมทั้งแลบลิ้นให้อย่างเป็นมิตร แถมแววตายังคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เพราะมันก็คือฉาฉาฉบับขยายตัวแล้วนั่นเอง
……………………………………………….
ตอนที่ 2990 ขุมสมบัติอยู่ที่ไหน
ฉาฉาดูดซับสารกัมมันตรังสีปริมาณมากเข้าไปและผ่านวิบากกรรมนั้นมาได้สำเร็จ แต่เพราะเกิดเรื่องขัดข้องนิดหน่อยเลยถือว่าไม่ได้สำเร็จด้วยดีนักซึ่งขาดอีกนิดเดียวถึงลุล่วงด้วยดี
ณ เวลานั้นฉาฉามีขนาดใหญ่เกินไปและหดตัวไม่ได้ดั่งเดิม ดังนั้นฉาฉาเลยอาศัยอยู่ที่ภูเขาสือว่าน หลังจากเสี่ยวจูไปก็ปรับข้อบกพร่องได้สำเร็จจนในที่สุดก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี
เสี่ยวเป่าลูบหัวฉาฉาอย่างแผ่วเบาแล้วนั่งลงบนตัวฉาฉา เสี่ยวจูก็นั่งลงเช่นกัน ฉาฉาฟลุบลงอย่างว่าง่าย ครั้นเห็นพวกเขานั่งลงเรียบร้อยถึงเชิดหน้าเลื้อยไป อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วทะลุพุ่มหญ้าที่ขนาดสูงกว่าคนเสียอีก
เพราะสีร่างกายของฉาฉากลมกลืนกับหญ้ามากแถมยังเคลื่อนไหวว่องไวให้ความรู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านเท่านั้นจึงยากที่จะเห็นว่ามีงูยักษ์หนึ่งตัวเลื้อยอยู่ในพุ่มหญ้า
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงพวกเสี่ยวเป่าก็กลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เป็นไงบ้าง? เจออะไรบ้างไหม?” เล่อเล่อถามอย่างร้อนใจ เมื่อครู่สายลับสาวอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกแล้ว เธอเลยต้องมัดด้วยเถาวัลย์อีกหลายก้านถึงจะควบคุมหล่อนอยู่
เสี่ยวเป่าพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “อาการประสาทหลอนจากจุลินทรีย์ตัวนี้กลายพันธุ์ สามปีก่อนมีทีมนักสำรวจหลงมาที่นี่ แล้วมีสมาชิกคนหนึ่งมีอาการแบบผู้หญิงคนนี้เลย”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“สมาชิกคนนี้กัดเพื่อน ๆของเขา สุดท้ายเพื่อนของเขาก็ติดเชื้อและคลุ้มคลั่งเช่นกัน” เสี่ยวเป่ามุ่นคิ้วแน่น
นักสำรวจพวกนั้นคลุ้มคลั่งแล้วยังไม่ถูกมัดตัวไว้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนนี้พวกเขาไม่รู้หายไปไหนแต่แน่ใจได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่แน่นอน
เพราะสัตว์ต่าง ๆนอกหุบเขาบอกว่าในระหว่างสามปีนี้ในป่ามักมีคนป่าน่ากลัวโผล่มาไล่ฆ่าสัตว์ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือสัตว์ที่ถูกกัดก็ดุร้ายน่ากลัวกลายเป็นปีศาจร้ายในป่าเหมือนคนป่าเหล่านั้นไม่มีผิด
“แต่ระหว่างที่เราเดินมาไม่เห็นเจอคนป่าหรืออสูรคลุ้มคลั่งเลยนะ!” เล่อเล่อไม่เข้าใจ
“เพราะป่าแห่งนี้กว้างใหญ่มาก อีกอย่างระยะเวลาแค่หนึ่งปีคงไม่กระจายไปทั่วทั้งหุบเขาหรอก ฉะนั้นเราถึงไม่เจอกันไง” เสี่ยวจูอธิบาย
สือเอ้อร์ชี้ไปที่สายลับหนุ่มที่ใบหน้าเขียวจาง ๆแล้วเอ่ยว่า “เขาต้องถูกแพร่เชื้อใส่แล้วแน่ ตอนนี้ทำไงดีล่ะ ฆ่าพวกเขาเหรอ?”
“อย่านะ…ฉันไม่ได้โดนพิษนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกปกติดี…”
สายลับหนุ่มตะโกนไม่หยุดและพยายามข่มอาการกระสับกระส่ายไว้ เขาจะให้คนอื่นเห็นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กใจเหี้ยมพวกนี้ต้องฆ่าเขาแน่!
“ฆ่าทิ้งให้หมดเลย!”
“ไม่ต้องหรอก เก็บไว้ให้ฉันศึกษาเถอะ!”
เสี่ยวเป่าและเสี่ยวจูเอ่ยออกมาพร้อมกัน ทั้งสองชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมฟังความคิดเห็นของเสี่ยวจูเก็บสองชีวิตนี้ไว้แต่ก็ถูกเถาวัลย์รัดไว้อย่างแน่นหนา
“พวกเราไปหาขุมสมบัติกันเถอะ ไม่รู้ว่าทางเข้าอยู่ไหน เมื่อกี้ฉันหาอยู่นานก็ไม่เห็นเจอถ้ำหรืออะไรเลย หรือว่าจะฝังไว้ใต้ดินนะ?” เล่อเล่อเอ่ย
“แบ่งกันหาสองทาง”
เสี่ยวเป่าพาเล่อเล่อไปด้วย เน่าเน่ากับสือเอ้อร์ไปกันอีกทาง ส่วนเสี่ยวจูอยู่ศึกษาอาการของสองคนนี้ บางทีอาจจะค้นพบบางอย่างก็ได้
หุบเขากว้างใหญ่หลายสิบลี้ พวกเขาสี่คนหาอยู่นานแต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากดอกลิลลี่ พุ่มหญ้าสูงกว่าคนและลำธารล้อมรอบหุบเขา
“น่าแปลกจัง หรือจะอยู่ใต้ดินจริง ๆนะ?” เล่อเล่อพึมพำ
เสี่ยวเป่าหยุดเดินแล้วกวาดตามองบรรยากาศรอบด้าน เขากับเล่อเล่อวนเวียนเดินหารอบสวนดอกลิลลี่มานานแล้ว โดยรวมหุบเขาเป็นแนววงกลม สวนดอกลิลลี่อยู่ใจกลางหุบเขา ส่วนรอบด้านเป็นสนามหญ้าพื้นราบธรรมดา
“มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…” เสี่ยวเป่าผุดความคิดบางอย่างขึ้นได้แล้วหันไปมองสวนดอกลิลลี่ที่ผลิดอกเบ่งบาน
………………………………….