ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2999 ฆ่าเขาซะ + ตอนที่ 3000 เข้าค่ายกล
ตอนที่ 2999 ฆ่าเขาซะ
“กลับมาให้หมด ฉาฉามาแล้ว!” เล่อเล่อตะโกนใส่สือเอ้อร์ที่กำลังฆ่าอย่างเมามัน แล้ววิ่งไปกระชากเธอให้ย้อนกลับมา เพราะจะทำลายอารมณ์สุนทรีย์ในการกวาดล้างศัตรูของฉาฉาไม่ได้
ฉาฉาแลบลิ้นสองแฉก หัวขนาดใหญ่ชูขึ้นสูงพลางก้มมองพวกสัตว์ประหลาดตรงหน้า พอเห็นเล่อเล่อกับสือเอ้อร์วิ่งไปไกลแล้วฉาฉาถึงลงมือ
หางใหญ่สะบัดทีก็เกิดลมขึ้นซึ่งอนุภาพแรงกว่าเมื่อครู่มากโขจนสัตว์ประหลาดจำนวนหนึ่งถูกกระแสลมพัดลอยขึ้นไปเหนือฟ้าลุ่ม ๆดอน ๆราวกับว่าวเชือกขาด
ความต่างกันในเรื่องขนาดตัวทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดต้านทานแรงฉาฉาไม่ไหว ไม่นานฉาฉาก็พัดเอาตัวสัตว์ประหลาดกว่าครึ่งลอยอยู่เหนืออากาศแล้วปล่อยให้ร่วงตกลงมา บางส่วนที่โชคร้ายก็คอขาดทันที หัวก้อนสีดำกลิ้งขลุก ๆบนพื้น
“คนกลายพันธุ์พวกนี้กระดูกเปราะบางมาก กระดูกคอก็เหมือนกัน ไม่ต้องออกแรงอะไรมากก็หักคอพวกมันได้แล้ว” เสี่ยวจูอธิบาย
ทันใดนั้นเอง…มีเสียงสัญญาณแปลก ๆดังแว่วมาในอากาศ คล้ายเป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่าที่ดังเสียดหูอย่างมาก เรื่องที่แปลกกว่านั้นคือเหล่าสัตว์ประหลาดที่เดิมทียังเดินหน้าต่ออยู่นั้น พอได้ยินเสียงอันแปลกนี้กลับหยุดนิ่งชะงัก จากนั้นก็ค่อย ๆหันหลังย้อนกลับทางเดิมช้า ๆ
“ดูสิว่าพวกมันจะไปไหน?”
ทุกคนต่างจ้องสัตว์ประหลาดที่เหลืออย่างไม่ละสายตา แม้จะแขนขาดขาขาดบาดเจ็บสาหัสแต่กลับเลือกที่จะย้อนกลับทางเดิมอย่างไม่ลังเลโดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้เพียงสักนิดเดียว
“พวกมันกลับสวนดอกไม้จริง ๆด้วย!”
สัตว์ประหลาดมุ่งหน้าสู่สวนดอกไม้ สิ่งที่คิดไม่ตกคือทั้ง ๆที่มีสัตว์ประหลาดตั้งมากมาย แต่พอก้าวเข้าสู่สวนดอกไม้ก็เหมือนหายไปเสียดื้อ ๆ
ในที่สุด…สัตว์ประหลาดทั้งหมดก็เดินหายลับเข้าไปในสวนดอกไม้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีหัวและแขนขารวมถึงเศษเนื้อทั่วพื้น พวกเขาคงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงความฝันหนึ่งเท่านั้น
“ค่ายกลนี้ช่วยอำพรางตัว” เสี่ยวจูย่นคิ้ว คิด ๆแล้วก็พูดอีก “นี่ไม่ใช่ค่ายกลต้องคำสาปธรรมดา หนิงเฉินเซวียนยังเพิ่มวิชาอำพรางตัวอย่างอื่นเข้าไปด้วย”
“ตอนนี้จะทำอย่างไรต่อ? เข้าไปหาพวกมันเหรอ?” เน่าเน่ารู้สึกตื่นเต้น
เมื่อกี้เขายังฆ่าไม่หนำใจพอเลยก็ถูกฉาฉาจัดการไปเสียหมด
“ยังไม่ต้องเข้าไป ฉันสงสัยว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ถูกบงการอยู่ พวกนายได้ยินเสียงเมื่อกี้ไหม?” เสี่ยวเป่าถาม
“ได้ยิน สัตว์ประหลาดได้ยินเสียงแปลก ๆนั่นถึงกลับไป หรือว่าในสวนดอกไม้นี้ยังมีคนอยู่อีกงั้นเหรอ?” เล่อเล่อแปลกใจยิ่งกว่าเดิม ถ้ามีคนอยู่แล้วคน ๆนั้นเอาอะไรใช้ประทังชีวิตกัน?
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยหัวดอกลิลลี่ประทังชีวิตไปทุกวันหรอกนะ!
เสี่ยวเป่าปฏิเสธทันที “ไม่มีทางเป็นคนเด็ดขาด พี่สงสัยว่าเป็นจ่าฝูงสัตว์ประหลาด พักกันก่อนสักครู่ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้เราค่อยเข้าไปในค่ายกลกัน!”
เขาหยิบขวดยาออกมาหยดลงบนพื้นดินแล้วหยิบท่อนไม้ที่ติดไฟจากกองไฟออกมาโยนไปพลันก็ไฟลุกท่วม ไม่นานบนพื้นก็สะอาดสะอ้าน เว้นแต่เพียงดินโคลนที่กลายเป็นสีดำ
เจสันตรงพื้นครางเสียงในลำคอทีหนึ่งก็ค่อย ๆฟื้นขึ้นพลางมองพวกเขาอย่างงุนงงแล้วถามว่า “สัตว์ประหลาดพวกนั้นล่ะ?”
“หนีไปแล้ว!”
เจสันลูบหลังศีรษะปอย ๆ บนพื้นสะอาดไม่มีหัวไม่มีแขนขาที่ถูกตัดขาด แต่อากาศกลับมีกลิ่นหอมของใบชาที่อ่อนลงจากเดิมไปหน่อย
“พวกนายได้กลิ่นชา…”
เสียงเสี่ยวเป่าขัดคำของเขาพลางชี้ไปที่ปิแอร์ตรงพื้นแล้วตะโกนว่า “เขาติดเชื้อแล้ว!”
เน่าเน่าดึงมีดกงจักรออกมาทันที เอ่ยเสียงเย็นชา “ฆ่าเขาซะ!”
………………………..
ตอนที่ 3000 เข้าค่ายกล
“อย่า!”
เจสันตกใจเฮือกหนึ่งรีบเอาตัวเข้าบังปิแอร์ มองทุกคนอย่างเว้าวอน “อย่าฆ่าปิแอร์เลย ขอร้องละ ฉันจะคอยจับตาดูเขาเอง!”
“นายอยากตายหรือไง? เขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่จำไม่ได้แม้แต่นายและอาจจะฆ่านายได้ด้วยนะ!” เน่าเน่าด่ากลับ
“ไม่หรอก ปิแอร์ไม่ฆ่าฉันหรอก ต่อให้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ ฉันมัดตัวเขาไว้ก็พอ ไม่ปล่อยให้เขาทำร้ายพวกนายแน่ ขอร้องละ…อย่าฆ่าเขา!”
เจสันอ้อนวอน ปิแอร์บาดเจ็บเพราะเขา ถ้าไม่ถึงวินาทีสุดท้ายเขาไม่มีวันทอดทิ้งปิแอร์แน่นอน
ต่อให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆเขาก็ไม่ทอดทิ้งเด็ดขาด อย่างมากเขาก็ใช้ชีวิตอยู่บนเขาใหญ่ลูกนี้กับปิแอร์ ที่นี่ทิวทัศน์สวยงามและมีเนื้อกับผลไม้ที่ทานไม่หมดด้วย เขากับปิแอร์จะต้องมีความสุขแน่!
“นายดูเอาเอง ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนแล้ว ถ้าสีเริ่มเข้มขึ้นเขาก็จะกลายพันธุ์ สองคนเมื่อวานก็เป็นแบบนี้ นายอย่าโกหกตัวเองเลย ถอยไป!”
เน่าเน่าผลักเจสันไปทีเดียวแล้วชูมีดขึ้นเตรียมตัดหัวปิแอร์
เขาไม่อนุญาตให้มีภัยอันตรายอยู่ข้างกายเด็ดขาด ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม
“อย่า…ได้โปรด…”
เจสันโถมตัวเข้ามาด้วยความเจ็บปวดแต่เขาไม่ได้เร็วเท่าเน่าเน่า เขามองมีดที่ประกายแสงเย็นยะเยือกอย่างสิ้นหวัง หัวใจเจ็บปวดดั่งถูกมีดกระหน่ำแทง
“ปล่อยเขาไปก่อนเถอะ!” เสี่ยวจูเอ่ยปากบอก
มีดของเน่าเน่าอยู่ห่างจากลำคอของปิแอร์ในระยะไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรดีก็หยุดชะงักพลางมองเสี่ยวจูอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันค้นพบเรื่องใหม่บางอย่าง จำเป็นต้องมีเครื่องมือทดลอง เก็บเขาไว้ให้ฉันทำการทดลองเถอะ” เสี่ยวจูอธิบายเหตุผลเสียงเรียบ
เน่าเน่ายักไหล่แล้วเก็บมีด “ก็ได้ ฉันต้องไปหาเส้นเถาวัลย์ที่แข็งแรงกว่าเดิมมามัดตัวเขาไว้”
“ฉันเอากลับมาแล้ว ฉันจะจับตาดูเขาเอง!” เจสันร้องไห้อย่างดีใจแล้วมองเสี่ยวจูอย่างนึกขอบคุณ
เขาชิงมัดตัวปิแอร์ก่อน สติของปิแอร์เริ่มพร่ามัวแล้ว ดวงตากลายเป็นสีเขียวมองเห็นใครก็แยกเขี้ยวคำรามใส่หมด มีเพียงเจสันในยามเข้าใกล้เขาเท่านั้นที่จะใช้สายตางุนงงจดจ้องเจสันคล้ายกำลังครุ่นคิดว่าคนนี้เป็นใคร ดูท่าทางเชื่องเสียเหลือเกิน
“แปลกมาก ปิแอร์กลายพันธุ์เร็วกว่าสองคนนั้นมาก สองคนนั้นเว้นระยะหนึ่งคืนถึงเริ่มกลายพันธุ์ ปิแอร์ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวก็เริ่มแล้ว” เน่าเน่าลูบปลายคางอย่างคิดไม่ตกว่าเป็นเพราะอะไร
เสี่ยวจูเก็บเลือดของปิแอร์มาส่องด้วยแว่นขยาย เมื่อได้ยินคำถามของเน่าเน่าเขาก็ตอบเสียงจริงจังว่า “เพราะปิแอร์ติดเชื้อจากสัตว์ประหลาดโดยตรง ส่วนอีกสองคนนั้นติดเชื้อเพราะกินหัวดอกลิลลี่สีดำเข้าไป พวกนายดูสิ จุลินทรีย์ในเลือดปิแอร์กลายเป็นชนิดใหม่อีกแล้ว ฟักตัวไวและกระจายเร็วกว่าเดิม…”
ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นตาม ๆกัน บรรยากาศก็อึมครึมไปด้วย
“เตรียมตัวเข้าค่ายกลเถอะ หาอะไรทานก่อน” เสี่ยวเป่าเอ่ย
เล่อเล่อหยิบแฮมกับอาหารสำเร็จรูปทั่วไปจากถุงออกมาผ่านกระบวนปรุงง่าย ๆแล้วทาน ส่วนเสี่ยวจูก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กของเขา
“เข้าค่ายกลจากตรงนี้ ตรงนี้น่าจะเป็นทางเข้าที่ปลอดภัยที่สุด ข้างในอาจจะเป็นค่ายกลลวงตา ถ้าเห็นสาวสวย เงินทอง อาหารหรือญาติสนิทที่เสียชีวิตไปแล้ว…หรือภาพเหตุอะไรที่ไม่มีทางปรากฏขึ้นที่นี่ได้ พวกนายห้ามเชื่อเด็ดขาดแล้วรีบหลับตาลง”
เสี่ยวจูกำชับทีหนึ่งแล้วเดินนำอยู่หน้าสุดเพื่อพาทุกคนเข้าสู่ค่ายกล
ปากทางเข้าที่เขาพาเข้าไปนั้นอยู่ตรงหัวมุมสวนดอกลิลลี่สีขาว ทุกคนเดินตามหลังเขาเข้าสู่สวนดอกลิลลี่
……………………