ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 624 จ้าวอิงหัวผู้ไร้ยางอาย + บทที่ 625 หลอกล่อกันไปมา
บทที่ 624 จ้าวอิงหัวผู้ไร้ยางอาย
การตะลอนทัวร์ตลาดหนานสุ่ยในครั้งนี้ไม่ได้ถือว่าแย่อะไร แต่ของที่ได้เป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หนึ่งในนั้นมีตะเกียบหนึ่งคู่ สีสันสดใสเป็นที่ต้องตา เมื่อฉิวฉิวได้เห็นตะเกียบคู่นี้ หางของมันส่ายสะบัดไปมาอย่างชอบใจ น่าจะได้มูลค่าพอควร
เหยียนหมิงซุ่นมองออกว่าเป็นกวานเหยา[1] ในสมัยราชวงศ์หมิง รายละเอียดเป็นอย่างไรเขาก็ไม่แน่ใจนักหรอก
“ฉันเอาไปให้แม่ดูดีกว่า แม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ดี แม่เคยบอกว่าแต่ก่อนคุณตาชอบสะสมของโบราณ แม่ตามติดคุณตาตั้งแต่เล็กๆ ความสามารถในการวินิจฉัยก็พัฒนาขึ้นตาม”
เหมยเหมยน้ำผ้าขึ้นมาห่อพันแก้วใบนั้นไว้ จากนั้นยัดไว้ในกระเป๋า ที่เหลือนั้นเป็นเพียงเหรียญกษาปณ์ จานเคลือบ กล่องเสียบปากกาดินสอจำพวกของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ถือว่าดวงดีไม่น้อยที่ทำให้เธอได้มีดล้ำค่ามาได้ แต่น่าจะไม่ได้เป็นของเก่าแก่ เพราะฉิวฉิวไม่ค่อยจะชื่นชอบต่อมีดเล่มนี้สักเท่าไหร่
เพียงแค่เหมยเหมยพูดกับมันว่าต้องการหามีด ฉิวฉิวจึงนำเธอมาถึงแผงลอยร้านนี้ ดูรวมๆ แล้วเป็นมีดที่มีคุณภาพ แต่อายุขัยของมันอาจไม่ได้นมนาน
ตัวมีดมีขนาดแคบแต่ยาว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับดาบ แต่ไม่ใช่ดาบ แถมยังไม่มีฝักมีดมาให้ อีกทั้งตัวมีดยังมีร่องรอยของสนิมปรากฏอยู่ไม่น้อย บ่งบอกได้ชัดเจนว่าไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดีพอ
แต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้มีดเล่มนี้จะรับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นที่ล่องลอยออกมาจากตัวมีด เย็นจนสั่นสะท้าน
“ยี่สิบหยวน มีดเล่มนี้มีความแหลมคมมาก เจ้าของคนเก่าของมีดเล่มนี้ใช้มันไปกับการตัดฟืน!” เจ้าของร้านพูดราคาออกมา อย่างไม่อาจจะต่อรองราคาได้
เหมยเหมยก็ไม่ได้คิดจะต่อราคาแต่อย่างใด ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็จัดการซื้ออย่างเสร็จสรรพ
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่เห็นด้วยนัก เขารับรู้ได้ถึงความดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมาจากมีดเล่มนี้ บ่งบอกได้ว่ามีดเล่มนี้ดื่มเลือดเข้าไปเป็นจำนวนไม่น้อย หากเป็นคนไม่มีวาสนาจะไม่สามารถทนต่อมันได้ กลับกันที่จะถูกความดุร้ายปะทะเข้าใส่แทน และเป็นผลเสียต่อสุขภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชายน่ะพลังหยาง[2]เฟื่องฟู จะต้องรับมือได้อย่างแน่นอน!”
เหมยเหมยใบหน้าปรากฏถึงความมั่นใจ แต่เธอไม่ได้เชื่อมั่นว่าพี่ชายตัวเองมีพลังเฟื่องฟูอะไร เพียงแต่เธอเชื่อมั่นต่อฉิวฉิว และมั่นใจว่ามันสามารถหาวิธีรับมือได้
เหยียนหมิงซุ่นนึกถึงฉิวฉิวขึ้นมาได้จึงหัวเราะออกมาไม่หยุด และไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากที่กลับถึงบ้านเหมยเหมยไม่ได้ยัดเตาใส่กระเป๋าหน้าท้องของฉิวฉิว แต่เธอกลับเอามีดเล่มนั้นส่งให้จ้าวเสวียหลินดูก่อน แต่ใครจะรู้ว่ามีดเล่มนี้ไม่เข้าตาเขาเลย
“มีดตัดไม่เล่มนี้ขายต่อให้พวกคนเก็บของเก่ายังไม่เอาเลย เหมยเหมยไม่ควรจะล้อเล่นกับพี่ชายแบบนี้นะ!”
เหมยเหมยโมโหมากจนต้องเดินเข้าไปในห้องครัวแล้วหยิบเอากระดูกวัวที่เหยียนซินหย่าซื้อไว้ในตอนเช้าเพื่อเตรียมทำซุปกระดูกวัวออกมา จากนั้นวางกดทับลงกับโต๊ะน้ำชา พูดขึ้นด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด “เบิกดวงตาของพี่ให้กว้างแล้วดูให้ดีล่ะ!”
เธอพูดออกไปพร้อมกับยกมีดในมือขึ้น ออกแรงอันน้อยนิดแล้วสับลงเบาๆก็สามารถทำให้กระดูกวัวแยกออกเป็นสองท่อน มีลักษณะสมส่วน ไม่มีแม้แต่เศษกระดูก ส่วนชิ้นกระดูกอีกท่อนนกระเด็นกระดอนตกอยู่บนพื้น เสียงเพี้ยะที่ดังขึ้นเรียกคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ให้ตื่นขึ้นมา
จ้าวยิงหัวที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วสุด เมื่อเห็นมีดที่อยู่ในมือของเหมยเหมยเป็นสิ่งที่ตนชอบ จึงออกแรงสับกระดูกที่เหลือเพียงครึ่งท่อนนั้น กึก! จนขาดออกเป็นสองท่อน
“โอ้โหพ่อ ขอผมลองบ้างสิ!”
จ้าวเสวียหลินรู้สึกคันไม้คันมือ จึงแย่งมีดไปแล้วลงมือสับบ้าง ราวกับเป็นการสับเต้าหู้ กระดูกวัวที่มีความยาวราวๆ ครึ่งเมตรถูกเหล่าคุณชายทั้งสองสับแหลกจนกลายเป็นดั่งไพ่นกกระจอก
“มีดนี่ดีจริงๆ ช่างเป็นมีดที่ดีนัก ขอบใจมากเป่าเป้ย[3]ที่ให้ของขวัญชิ้นนี้กับพ่อ พ่อชอบมากๆ เลย!”
จ้าวอิงหัวเก็บมีดเล่มนั้นไว้อย่างไม่นึกละอายใจ สีหน้าเรียบนิ่งแม้แต่ขนคิ้วยังไม่กระดิก
เหมยเหมยกลอกตาไปมา เมื่อครู่เหมือนกับว่าเธอพูดออกไปแล้วว่ามอบให้จ้าวเสวียหลินนี่?
เหตุใดหนังหน้าของจ้าวอิงหัวถึงได้หนามากเช่นนี้?
“พ่อครับ มีดเล่มนี้เหมยเหมยซื้อให้ผม คนเราไม่ควรทำตัวหน้าไม่อายขนาดนี้สิ!” จ้าวเสวียหลินตะโกนใส่เขาด้วยความโมโห
“เมื่อครู่นายบอกว่าไม่เข้าตาไม่ใช่หรือ? ทั้งยังบอกอีกว่าขนาดคนเก็บของเก่ายังไม่คิดจะเก็บมีดเก่าๆเล่มนี้ไว้เลย พ่อไม่รังเกียจ มีดเล่มนี้พ่อจะเอาไปให้คนช่วยดูแลรักษาให้ จากนั้นค่อยหาฝักมีดมาใส่แล้วแขวนไว้ในห้องหนังสือของพ่อ จึๆ !”
จ้าวอิงหัวพูดเป็นต่อยหอย ไม่แม้แต่จะสนใจลูกชายของเขาที่ทำหน้าดำคร่ำเครียดยืนอยู่ข้างๆ
……………………………………………………..
บทที่ 625 หลอกล่อกันไปมา
จ้าวเสวียหลินโมโหผู้เป็นพ่อจนแทบระเบิดอารมณ์ออกมา ความหน้าไม่อายของนักการเมืองและความใจดำอำมหิตต่างปรากฏอยู่บนตัวของพ่อเขาเสียหมด!
“พ่อครับ ผมเป็นลูกพ่อนะ อย่าเอาแต่ได้แบบนี้สิ!” จ้าวเสวียหลินพยายามระงับอารมณ์พร้อมพูดออกไป
จ้าวอิงหัวชื่นชมมีดล้ำค่าอย่างสำราญใจ แม้แต่หางตายังไม่เหลือบขึ้นมอง “ถ้าแกเป็นลูกของพ่อ พ่อยังต้องเลี้ยงดูแกอีก? ตาแก่อย่างฉันเลี้ยงดูแกมาสิบหกปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่แกจะต้องทดแทนบุญคุณพ่อแล้ว!”
จ้าวเสวียหลินโกรธมากกระทั่งตับไตเครื่องในแทบระเบิดออก เขาจึงหันไปมองผู้เป็นแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ หวังว่าแม่จะมีความเมตตาสักนิด แต่แล้ว…
เหยียนซินหย่าที่ยิ้มตาหยีมองบรรยากาศครึกครื้นอยู่ตั้งแต่แรก พอจ้าวเสวียหลินหันหน้ามา เธอจึงทำทีเป็นก้มหน้าก้มตาถักเสื้อไหมพรมต่อไป แสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาที่น่าสงสารของลูกชาย
จ้าวเสวียหลินร้องไห้อย่างไร้น้ำตา เขาแทบกระอักออกมาเป็นเลือด…
เหยียนซินหย่าเห็นท่าทีนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสะกิดจ้าวอิงหัวที่มีท่าทีได้ใจ เตือนเขาให้ระวังพฤติกรรมบ้าง อย่าใช้มีดแทงขั้วหัวใจของลูกอีก
“เหมยเหมย ครั้งหน้าหนูหามีดดีๆ สักเล่มมาให้พี่เขาด้วยล่ะ!”
เหยียนซินหย่ากำชับลูกสาว เหมยเหมยจึงรีบพยักหน้ารับ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังรองผู้ว่าราชการเมืองจิน ที่แท้เป็นคนที่แย่งแม้กระทั่งของของลูกชายตัวเองอย่างไม่แยแสใดๆ ทั้งสิ้น ยอมจริงๆ เลย!
“พี่ไม่ต้องเสียใจไป ครั้งหน้าหนูจะหาที่ดีกว่านี้มาให้!”
เหมยเหมยพูดปลอบอยู่ข้างหูพี่ชายตัวเอง น่าสงสารยิ่งนัก ไม่ว่ายังไงจะตามีดดีๆ อีกสักเล่มมาปลอบหัวใจอันเปราะบางของพี่ให้ได้
จ้าวเสวียหลินจะทำอะไรได้ นอกจากต้องจำนนตบปากรับคำเธอ ทั้งยังกำชับอีกว่าขอเป็นกริชหรือมีดด้ามสั้นที่ง่ายต่อการพกพา เพราะเขาสามารถพกติดตัวไว้อวดคนอื่นได้
“ถ้างั้นต้องค่อยๆ หา ไม่รับประกันว่าจะได้มาเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาด้วย” เหมยเหมยออกปากพูดกันเอาไว้ก่อน
“ขอแค่มีก็พอ พี่รอได้!” จ้าวเสวียหลินอารมณ์ดีขึ้นมาทันที เขาเบื่อที่จะใส่ใจพ่อตนเอง
จ้าวอิงหัวพูดกับตัวเอง “พรุ่งนี้ต้องให้เลขาโจวช่วยหาคนมาจัดการมีดเล่มนี้แล้วก็หาฝักมีดมาใส่ด้วย เฮ้อ แม้ว่าพวกชาวญี่ปุ่นจะไม่เท่าไหร่ แต่ฝีมือในการทำมีดถือว่าดีทีเดียว!”
เหมยเหมยถามด้วยความสงสัย “พ่อคะ มีดเล่มนี้เป็นของพวกชาวญี่ปุ่นเหรอ?”
“ใช่ ชัดเจนมากว่าเป็นอาวุธจำพวกมีดของพวกชาวญี่ปุ่น อีกทั้งฝีมือในการทำนี้บ่งบอกได้ว่าเจ้าของคนเก่าต้องเป็นชนเผ่าที่สูงส่งสักเผ่าหนึ่ง คนทั่วไปไม่มีปัญญาใช้มีดแบบนี้ได้ คงเป็นช่วงที่เกิดความวุ่นวายในสงครามแล้วเหลือรอดมาถึงหัวเซี่ย!”
จ้าวอิงหัวถือว่าเข้าใจเรื่องมีดเป็นอย่างดีทีเดียว เขานั้นมาจากตระกูลของชายชาติทหาร และพ่อของเขาก็ชอบมีดแต่ละประเภทมากๆ ในบ้านสะสมมีดล้ำค่าเป็นจำนวนไม่น้อย เขาเองจึงซึมซับมาด้วยไม่มากก็น้อย
อารมณ์ของจ้าวเสวียหลินยังไม่คงที่ความรู้สึกดีใจกระตุกวูบ และหันไปมองท่าทางชอบอกชอบใจจนออกนอกหน้าของจ้าวอิงหัว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
เหอะ! พ่อหลอกลูกอย่างผมได้ ผมก็จะให้คุณปู่มาหลอกพ่อคืนบ้างเหมือนกัน!
ช่วงนี้ต้องหาเวลาโทรหาคุณปู่ แล้วบอกว่าพ่อเพิ่งจะได้มีดล้ำค่าที่เป็นมีดของพวกชาวญี่ปุ่นมา คุณปู่จะต้องบอกให้พ่อประเคนให้ท่านแน่นอน!
พ่อของเขาเก่งแต่ข่มใส่เขา แต่พออยู่ต่อหน้าคุณปู่พ่อก็กลัวเป็นหมาจุกตูด!
เหมยเหมยพูดขึ้น “พ่ออย่าไปหาคนมาทำเลย พี่หมิงซุ่นรู้จักคนที่ทำเกี่ยวกับของพวกนี้ดี พ่อเอามีดมาให้หนู แล้วหนูจะให้พี่หมิงซุ่นหาคนมาจัดการให้ ทำฝักมีดให้พ่อทีเดียวเลย”
จ้าวอิงหัวเคาะนิ้วลงบนหัวเบาๆ เขาลืมเหยียนหมิงซุ่นไปเสียสนิท เด็กคนนี้ต้องมีช่องทางเป็นแน่ เพียงแต่เขากลับไม่รู้ว่า คนเก่งที่แท้จริงกำลังแทะวอลนัตอยู่ในอ้อมอกของลูกสาวอันเป็นที่รักของเขาอยู่
เหมยเหมยหยิบชามสีสันสดใสใบหนึ่งออกมา เหยียนซินหย่าที่ได้เห็นก็มองตาค้าง พร้อมกับหยิบชามใบนั้นขึ้นมา เธอจ้องมองอย่างใจจดใจจ่ออยู่พักใหญ่ ในมือเกิดอาการสั่นขึ้นเล็กน้อย
“ชามเฉิงฮว่าโต้ไฉ่[4] พระเจ้า เหมยเหมยลูกช่างเป็นดวงดาวแห่งความโชคดีเสียจริง!”
เหยียนซินหย่าวางชามใบนั้นลงบนโต๊ะน้ำชาด้วยความระมัดระวัง ทั้งยังบอกให้จ้าวอิงหัวและจ้าวเสวียหลินถอยออกให้ห่าง ราวกับการคำนับต่อพระโพธิสัตว์!
…………………………………………………………………………………………..
[1] เตาราชสำนัก คือ เตาทางการที่ผลิตภาชนะสำหรับราชสำนักอย่างหนึ่งที่มีชื่อเสียงในแต่ละยุคสมัยแต่ละราชวงศ์
[2] ทางแพทย์แผนจีนเรียก พลังของชีวิต พลังหยางจะค่อยๆสะสมขึ้นเรื่อยๆจนถึงช่วงที่โตจะมีพละกำลังคล่องแคล่วว่องไว พลังจะเพิ่มสูงสุดเมื่อถึงวัยกลางคน และจากนั้นพลังหยางจะเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ
[3] หมายถึงของล้ำค่า คำเรียกคนรัก สามี ภรรยา ลูกหลาน
[4] ชามเคลือบที่มีลวดลายงดงาม เป็นสมบัติล้ำค่าในราชวงศ์หมิง ฮ่องเต้เฉิงฮว่าใช้เป็นแก้วเหล้าประจำพระองค์