ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 634 ไม่ต่างจากสัตว์ชั้นต่ำ + บทที่ 635 มุขตลก
บทที่ 634 ไม่ต่างจากสัตว์ชั้นต่ำ
หวงอวี้เหลียนและหร่วนหวาไฉ่เป็นดั่งวัวสันหลังหวะ ไม่กล้าจะพูดคุยต่อหน้าคนเยอะๆ จึงจงใจเลือกหาที่ใต้ร่มไม้แล้วพูดคุยด้วยเสียงอันเบา นอกเสียแต่ว่าเสียงนั้นจะถูกพัดพาตามสายลมลอยไปให้คนอื่นได้ยิน แต่ขณะเดียวกันนั้นพวกเขากลับไม่รู้ว่า……
บนกิ่งก้านต้นไม้นั้นมีกระรอกขาวตัวหนึ่งกำลังส่ายสะบัดหางพวงใหญ่อย่างสบายใจ ลูกตากลมดำของมันหมุนกลอกไปมา พร้อมทั้งฉีกยิ้มยิงฟัน
พวกมนุษย์ชอบเปรียบเทียบพวกคนชั่วช้าเป็นดั่งสัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำ อย่างพวกหน้าเนื้อใจเสือ เดรัจฉานสวมใส่เสื้อผ้า ……
พวกประจานบรรพบุรุษตัวเอง ไอ้คนชั่วพวกนี้เทียบได้กับสัตว์เดรัจฉานหรือ?
พวกสัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำยังสูงเสียยิ่งกว่าคนชั่วพวกนี้!
ฉิวฉิวฟังคำพูดอย่างไร้ยางอายของทั้งคู่อย่างชัดเจน มันโกรธจนกัดกรามแน่น หากไม่กลัวว่าจะทำให้เจ้านายต้องเดือดร้อน คุณชายฉิวอย่างมันจะสั่งสอนคนชั่วพวกนี้เสียหน่อย เพียงแต่…
พรมน้ำหอมสักหน่อยถือว่าไม่เลวนี่!
คุณชายฉิวไขว้ขาทั้งสองข้างของมัน เตรียมตัว ปล่อยจรวด…
น้ำหอมแต่ละหยดถูกปล่อยออกมาเป็นสายพุ่งเข้าไปยังมวยผมของหวงอวี้เหลียน วันนี้ผู้หญิงคนนี้ได้ทำผมม้วนเป็นมวยสูงที่ดูมีสง่าราศีสมกับเป็นผู้รากมากดี ช่างเหมาะแก่การฉีดน้ำหอมของฉิวฉิวราดหัวเสียจริง
เพียงแต่คุณชายฉิวฉีดลงไปด้วยความเปรมใจ เพียงครู่เดียวมันก็สาดถุงฉี่ราดลงบนตัวของหวงอวี้เหลียนจนหมด แต่บนตัวหร่วนหวาไฉ่กลับไม่มีแม้แต่หยดเดียว
“เหอะ ดูถูกเกินไปแล้วเจ้าคนชั่ว!”
ฉิวฉิวสั่นสะบัดขาของมัน แค่มันกระโจนในเวลาอันรวดเร็วก็สามารถกระโจนไปสู่ตนไม้อีกต้นหนึ่งได้ จากนั้นกระโจนลงมาด้านล่าง และวิ่งเข้าไปมุดอยู่ในอ้อมกอดของเหมยเหมย
แต่น่าเสียดายที่ความสามารถยังฟื้นคืนมาได้ไม่หมด เพียงแต่รอให้มันได้หาเวลาว่างนำของล้ำค่าที่ได้มาจากบ้านคุณตาของเจ้านายมาย่อยสลาย คงจะสามารถเซ็นคำสาบานเลือดกับเจ้านายได้ แบบนั้นมันก็จะสามารถคุยกับเจ้านายถึงเรื่องมนุษย์และเรื่องกระรอกสาวสวยได้แล้ว!
“ฉิวฉิว สองคนนั้นปรึกษากันเรื่องที่จะจัดการตำแหน่งการแข่งขันของโอหยางซานซานหรือ?”
เหมยเหมยถามขึ้นที่ข้างหูของฉิวฉิวเสียงเบา ฉิวฉิวสะบัดหางใหญ่ๆของมันไปมา พลางสะบัดขาหน้าไปมา พร้อมกับแยกเขี้ยวยิงฟัน เพื่อแสดงออกว่ามันกำลังโกรธเคืองอยู่
“คนเลว ไม่ต่างจากสัตว์ชั้นต่ำเลยสักนิด!”
เหมยเหยหลุดด่าอย่างโกรธแค้น ไม่ว่าจะเป็นในวงการไหน มักจะมีคนเลวอย่างหร่วนหวาไฉ่อยู่ด้วยเสมอ และยังมีหญิงไร้ยางอายอย่างหวงอวี้เหลียนคลุกคลีกับคนชั่วนั่นด้วย
เป็นอีกครั้งที่ฉิวฉิวแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ มันยกขาทั้งสี่สนับสนุนคำพูดของเจ้านาย พวกมันไม่ต่างจากสัตว์ชั้นต่ำจริงๆ!
“ฉิวฉิว แกรู้ไหมว่าพวกมันจะคดโกงเอารางวัลอะไร?”
“ต๊อก ต๊อก”
ฉิวฉิวยกสองขาหน้าของมันขึ้นอย่างรวดเร็ว มันตั้งใจเรียนแบบท่าทางจากมนุษย์ที่ชูนิ้วมือสองนิ้ว แต่กลับค้นพบว่าขาของมันไม่อาจเปรียบเทียบกับนิ้วมือได้ มันจึงยอมแพ้แล้วเปลี่ยนเป็นการสะบัดหางลงสองครั้งแทน เหมยเหมยจึงเข้าใจในทันที
“รางวัลรองชนะเลิศเรอะ?”
“ต๊อก ต๊อก”
ฉิวฉิวผงกหัวรับ ก็คือที่สองนั่นแหละ!
ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง!
เหมยเหมยด่าทออย่างเคียดแค้น ทางจ้าวเสวียกงและคนอื่นๆจึงรีบถามว่าเกิดเรื่องอะไร เห็นเพียงแค่น้องสาวของพวกเขาพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงของเธอ โดยไม่รู้เลยว่าพวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“หวงอวี้เหลียนและหร่วนหวาไฉ่ได้วางรางวัลที่สองให้โอหยางซานซานไปเรียบร้อยแล้วค่ะ” เหมยเหมยพูดด้วยความแค้น
“พวกชาติหมา ยังมีหน้ามาคว้ารางวัลที่สองอีกหรือ? มันจะทำสนามแข่งให้เป็นเหมือนสวนดอกไม้หลังบ้านหรือไง?” จ้าวเสวียกงและคนอื่นๆ ต่างพากันโกรธแค้นยิ่งนัก ทั้งยังเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้เข้าแข่งขันท่านอื่น
ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาร่วมการแข่งขันยังเมืองหลวง ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาใช้ความสามารถที่แท้จริงของตน แต่ในตอนนี้การแข่งขันยังไม่ทันเริ่ม พวกชั่วช้าสามานย์อย่างพวกมันกลับถูกพวกคนชั่วจัดการล็อครางวัลที่สองไว้เสียได้ โดยมอบให้กับโอหยางซานซานที่มีฝีมือการวาดภาพที่ไม่เอาไหนของเธอ พูดง่ายๆ คือเป็นการแข่งขันที่ด่างพร้อย!
เหมยเหมยที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นั้น มองเห็นว่ามีนักข่าวกำลังสัมภาษณ์พวกเด็กที่เข้าร่วมประกวด สมองของเธอกลั่นกรองอย่างรวดเร็ว เธอแอบกระซิบข้างหูของจ้าวเสวียกงไปไม่กี่ประโยค จ้าวเสวียกงนิ่งอึ้งตาค้าง แต่ในทันทีดวงตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
………………………………………………..
บทที่ 635 มุขตลก
ฉิวฉิวที่อยู่ในอ้อมกอดของเหมยเหมยพุ่งพรวดมุดลงดินไปอย่างรวดเร็ว มันมุ่งตรงไปยังนักข่าวคนนั้น นักข่าวผู้นี้เป็นหญิงสาววัยกลางคนที่มีอายุราวสามสิบกว่าปี เธอสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันเสร็จไปแล้วหนึ่งคน เตรียมจะเข้าไปสัมภาษณ์ลูกสาวของผู้อำนวยการโอหยาง ซึ่งก็คือโอหยางซานซาน
อย่างไรเสียผู้อำนวยการโอหยางก็เป็นถึงผู้ดูแลกลุ่มผู้นำนี่!
ก่อนมาถึงที่นี่ผู้นำได้ฝากฝังมาโดยเฉพาะ จะต้องใช้กล้องหลักจับไปที่ลูกสาวของผู้อำนวยการโอหยางให้มากที่สุด แม้ว่าในใจของเธอจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
เรื่องราวที่หร่วนหวาไฉ่คดโกงภายในโดยการเปิดไฟเขียวให้โอหยางซานซาน คนภายในคนไหนบ้างที่จะไม่รู้?
สำหรับเด็กด้อยโอกาสคนหนึ่งที่มาจากหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งทุ่มเทความลำบากมากเสียยิ่งกว่าเด็กที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงหลายเท่าตัว ถึงจะสามารถยืนในเมืองหลวงได้เต็มสองขา เธอเกลียดที่สุดคือพวกหญิงสาวที่อวดดีและมีนิสัยผู้หญิงมากเช่นนี้
ไม่ได้ออกแรงมากแต่กลับสามารถคว้าเอาสิ่งที่เด็กด้อยโอกาสที่พยายามฝึกฝนมานานนับสิบปีหรือมากกว่ามาได้อย่างง่ายดาย ต่างไม่ได้รับผลลัพธ์แห่งความสำเร็จ แถมยังไม่ได้พึ่งความสามารถที่แท้จริงของตนเลยสักนิด !
มีเด็กด้อยโอกาสคนไหนที่จะงั้นยอมหรือ?
ในใจของนักข่าวสาวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ ตัวเธอเป็นถึงนักข่าว แต่กลับไม่สามารถรายงานข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงได้ ทั้งยังต้องฝ่าฝืนกฏเกณฑ์ของอาชีพตัวเอง เพื่อชื่นชมคนน่ารังเกียจพวกนี้อย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง ให้ตายเถอะ!
“ฉิวฉิวรีบกลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กลับมาฉันจะถลกขนแกซะ!”
จ้าวเสวียกงตะโกนร้องเรียกฉิวฉิวพร้อมกับวิ่งตามมันไป เป็นจังหวะพอดีกับที่วิ่งชนเข้ากับนักข่าวสาว เพียงแต่สามารถประมาณแรงของตัวเองได้เป็นอย่างดี จึงทำให้แรงกระแทกนั้นไม่รุนแรง
“โทษทีครับ!”
จ้าวเสวียกงขอโทษขอโพยต่อนักข่าวสาว จากนั้นค่อยๆ อุ้มฉิวฉิวที่นอนขดอยู่บนพื้นอย่างว่าง่ายขึ้นมา ดวงตาของนักข่าวสาวเปล่งกายอย่างฉับพลัน เธอได้รับความดึงดูดจากฉิวฉิวเสียแล้ว
“กระรอกสีขาว น่ารักจังค่ะ สัตว์เลี้ยงของคุณหรือคะ?” นักข่าวสาวถามขึ้น กระรอกน้อยสีขาวพบเห็นได้น้อยมาก ฉิวฉิวทั้งฉลาดร่าเริงได้ขนาดนี้ ใครเห็นต่างก็อยากเข้าไปอุ้ม
“น้องสาวของผมเลี้ยง เจ้าตัวเล็กนี่ไม่เชื่อฟังเลยสักนิด ดีดดิ้นจะมาร่วมงานแข่งขันให้ได้ พอมาถึงก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง กลับไปต้องตีแกด้วยไม้กระดานให้หลาบจำ!”
จ้าวเสวียกงแสร้งเป็นจงใจตบเบาๆ ที่ก้นของฉิวฉิว คุณชายฉิวอย่างมันจึงกลอกตาขาวส่งให้เขา!
หากไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย คุณชายอย่างมันก็เบื่อที่จะต้องมาเล่นละครกับคนโง่อย่างเขาหรอก!
สายตาของนักข่าวสาวมองตามจ้าวเสวียกงไปอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับเห็นเขาส่งกระรอกสีขาวตัวนั้นไปสู่อ้อมอกของเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่มีหน้าตาสละสลวยราวกับเทพธิดาตัวน้อย
เด็กผู้หญิงหน้าตางดงามอุ้มเจ้ากระรอกที่ชาญฉลาดตัวน้อยไว้ ช่างงดงามราวกับภาพวาด
ได้ยินเด็กผู้ชายคนนั้นพูด เด็กผู้หญิงคนนี้ก็เป็นผู้เข้าแข่งขันนี่นา!
นึกไม่ถึงเลยว่าปีนี้จะมีเด็กผู้หญิงหน้าตาสะสวยเช่นนี้เข้าร่วมแข่งขัน นักข่าวสาวถูกเหมยเหมยและฉิวฉิวดึงดูดไปในทันที ฝีเท้าของเธอจึงเปลี่ยนทิศทางการเดิน และมุ่งหน้าไปหาเหมยเหมย
ลูกสาวของผู้อำนวยการโอหยางไม่รีบหรอก สัมภาษณ์สาวน้อยน่ารักคนนี้เสร็จค่อยว่ากัน!
เหมยเมหยที่เห็นว่านักข่าวสาวมุ่งเดินมาหาเธอ มุมปากจึงยกยิ้มเล็กน้อย หันไปขยิบตาส่งให้จ้าวเสวียกงอย่างพึงพอใจ
แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน มุขตลกขบขันก็มักจะสามารถตบตาคนหมู่มากได้เสมอ!
“สาวน้อยเธอก็เข้าร่วมแข่งขันเหมือนกันหรือ?” นักข่าวสาวยิ้มหวานและถาม
“ค่ะ หนูเป็นตัวแทนจากเมืองจินเข้าร่วมแข่งขัน นั่นคือครูที่นำทีมหนูมา”
เหมยเหมยชี้ไปทางเหยียนโฮ่วเต๋อ เมื่อครู่สมองประมวลผลกะทันหัน เธอนึกถึงวิธีดีๆ สำหรับการยิงปืนนัดเดียวแล้วได้นกสองตัว
เหยียนโฮ่วเต๋อเดินเข้ามาหาอย่างเร่งรีบ คงไม่ต้องพูดถึงว่าตื่นเต้นสักเพียงไหน นี่เป็นถึงการเผยโฉมหน้าสู่สาธารณะชนทั้งประเทศเลย เขาจะต้องแสดงออกให้ดีหน่อยเพื่อไม่ให้อับอายขายขี้หน้า!
นักข่าวสาวไม่ได้สนใจต่อเหยียนโฮ่วเต๋อเลยสักนิด เธอถามออกไปเพียงไม่กี่ประโยคเพื่อเป็นมารยาท แล้วจึงหันไปถามเหมยเหมยอีกครั้ง “สาวน้อยเธอมั่นใจในการแข่งขันครั้งนี้ไหม?”
“หนูมั่นใจในฝีมือการวาดรูปของตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หนูไม่มั่นใจในการแข่งขันครั้งนี้” อู่เหมยยกยิ้มและพูด
…………………………………………………………