ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 638 เผยความยุติธรรม + บทที่ 639 พูดชื่อขึ้นโดยตรง
บทที่ 638 เผยความยุติธรรม
คำพูดของเหมยเหมยกระตุ้นเสียงจากผู้เข้าแข่งขันได้อีกครั้ง พวกเขาต่างตะโกนตามด้วยเสียงอันดัง เพื่อให้ทางผู้จัดออกมาอธิบาย ผู้เข้าแข่งขันต่างเป็นเยาวชนที่มีอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปี ถือเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีอารมณ์รุนแรงเลือดร้อนในตัว เมื่อมีเหมยเหมยเป็นแม่ทัพอยู่ด้านหน้า มีหรือที่พวกเขาจะยอมถอย
ผู้เข้าแข่งขันมากมายมีความกล้าออกมาตะโกนพูดจาปลุกปั้น แย่งบทพูดที่เหมยเหมยอยากพูดไปหมด สถานการณ์ไปไกลกว่าที่เธอคาดไว้เสียอีก เพียงแต่เธอไม่ได้ส่งไมโครโฟนให้กับนักเรียนคนอื่น
ใช่ว่าไม่อยากให้พวกเขาเผยโฉมหน้าออกมา เพียงแต่ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายพวกเขา!
เธอกล้าพูดจาแบบนี้ออกมา เป็นเพราะเธอยังมีตระกูลจ้าวที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง หวงอวี้เหลียนและหร่วนหวาไฉ่ต่างก็ทำอะไรเธอไม่ได้ แต่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็ไม่แน่ หวงอวี้เหลียนและหร่วนหวาไฉ่ต้องตามไประบายอารมณ์กับผู้เข้าแข่งขันพวกนี้เป็นแน่!
เหมยเหมยตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “ตอนนี้ฉันอยากรู้ว่าเหตุใดถึงจัดการแข่งขันนี้ขึ้น ? หรือคิดว่าพวกเราว่างกันนักเหรอ ? จงใจให้พวกเรามาถึงเมืองหลวงที่ไกลแสนไกลเพื่อเที่ยวเล่นงั้นเหรอ?”
นักข่าวจากสำนักอื่นต่างทยอยพากันห้อมล้อมเข้ามา ท่าทางของแต่ละคนดูตื่นเต้นไม่น้อย สัญชาตญาณของอาชีพทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าวันนี้มาไม่เสียเที่ยว ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน!
หร่วนหวาไฉ่หน้าบึ้งตึงพร้อมกับเดินเข้ามาตวาดด้วยเสียงอันดังว่า “เธอพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่ เอาเรื่องการตัดสินภายในนั่นมาจากไหน? ไร้สาระสิ้นดี แยกย้ายกันซะ ยังอยากจะเข้าร่วมแข่งขันอยู่ไหม!”
นักข่าวสาวจำหร่วนหวาไฉ่ขึ้นได้ พลันขมวดคิ้วออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ จากคำบอกเล่าของเด็กสาวเลขาหร่วนเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น คนจิตใจคับแคบ ขี้เหนียว เธอควรเอาไมโครโฟนกลับมาก่อนเป็นดีที่สุด เพื่อเลี่ยงไม่ให้สาวน้อยถูกคาดโทษ
เหมยเหมยหลบห่างจากนักข่าวสาวอย่างคล่องตัว พลางขยิบตาส่งสัญญาณให้เธอวางใจได้
นักข่าวสาวที่เห็นท่าทีผ่อนคลาย อารมณ์นิ่งสงบของเหมยเหมยและพี่ชายทั้งสาม ก็เข้าใจในทันทีว่าที่แท้ครอบครัวของสาวน้อยคนนี้ก็ไม่ได้หาเรื่องได้ง่ายๆนี่เอง!
หากว่าสาวน้อยไม่รู้ความ แต่พี่ชายของเธอก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำไมถึงไม่ห้ามปรามเธอล่ะ บ่งชี้ได้ชัดว่าต้องมีคนหนุนหลังอยู่แน่ !
เหมยเหมยมองหร่วนหวาไฉ่อย่างเย็นชาและจงใจพูดว่า “คุณเป็นใคร? ในรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าสามารถพูดคุยออกความคิดเห็นกันได้อย่างเสรี คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้พวกเราคุยกัน?”
จ้าวเสวียกงตะโกนเสริมขึ้นตามว่า “เกรงว่าจะเป็นวัวสันหลังหวะ ยิ่งห้ามไม่ให้พวกเราพูด ยิ่งชี้ให้เห็นว่าการแข่งขันครั้งนี้มีลับลมคมใน เหอะ การแข่งขันแบบนี้เข้าร่วมแล้วจะมีความหมายอะไร พวกเรามาจากที่ไกลๆ เพื่อมาเล่นสนุกกับคนอื่นงั้นเหรอ!”
หร่วนหวาไฉ่อดกลั้นความโกรธไว้ พูดด้วยเสียงเรียบว่า “พวกเธอเป็นผู้เข้าแข่งจากที่ไหน? แล้วครูที่นำทีมพวกเธออยู่ไหนกัน ? ทำไมถึงไม่ดูแลนักเรียนของตัวเองให้ดี ปล่อยออกมาพูดจาซี้ซั้วอย่างนี้ได้!”
เหมยเหมยจึงตะโกนสวนถามกลับไปว่า “คุณเป็นใครล่ะ? มีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้พวกเราพูด?”
สีหน้าของหร่วนหวาไฉ่เปลี่ยนเป็นเขียวซีดด้วยความโกรธ เพิ่มระดับเสียงตะโกนขึ้นว่า “ฉันเป็นผู้ดูแลการแข่งขันครั้งนี้ รีบแยกย้ายกันได้แล้ว ทำตัวไม่เข้าท่าเอาเสียเลย!”
จ้าวเสวียไห่แค่นเสียงแปลกออกมาพลางยิ้มเยาะพูดขึ้นว่า “โถ่วๆ ที่แท้ก็เป็นผู้ดูแลการแข่งขันนี่เอง คงไม่ใช่อาจารย์ของสาวน้อยผู้เข้าแข่งขันที่ฝีมือการวาดภาพไม่ต่างไปจากเด็กอนุบาลนั่นหรอกใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นคุณก็พูดต่อหน้าสาธารณชน อธิบายให้พวกเราฟังสิว่าการตัดสินภายในของรางวัลที่สองเป็นอย่างไร!”
หร่วนหวาไฉ่คาดไม่ถึงว่าพวกจ้าวเสวียไห่จะกล้าได้มากขนาดนี้ กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าผู้สื่อข่าวและสถานีโทรทัศน์ แม้จะเป็นวัวสันหลังหวะ แต่การทำเรื่องชั่วช้าทำลายผู้อื่นนั้นถือเป็นงานถนัดที่สุดของเขา โดยทำให้เป็นที่กล่าวขานไปทั่วแต่ยังสามารถตีหน้านิ่งไม่หวั่นเกรงใดใด
“ครูของพวกเธอล่ะ? พวกเขาสั่งสอนให้พวกเธอพูดจาแบบนี้งั้นหรือ? ฉันขอประกาศไว้ ณ ที่นี้เลย การแข่งขันในครั้งนี้เป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่มีการเล่นเส้นสายภายในอย่างแน่นอน หากยังมีคนกล้าสร้างเรื่องโกหกอีก อย่าโทษว่าฉันเอาวิธีทางกฏหมายเข้ามาจัดการล่ะ!”
หร่วนหวาไฉ่พูดขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย สีหน้าเคร่งขรึมดูภูมิฐาน คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องภายในที่ชัดเจน เมื่อเห็นผู้ดูแลการแข่งขันออกมาประกาศกร้าวให้เกิดความเชื่อมั่นจึงต่างเชื่อกันไปโดยปริยาย
เหมยเหมยหัวเราะเยาะ ยื่นมือชี้ไปยังโอหยางซานซานที่อยู่ห่างออกไกล “ปากคุณเอาแต่พูดถึงความยุติธรรม ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยว่ากรณีของโอหยางซานซานหมายความว่าอย่างไร? เธอมีสิทธิ์อะไรถึงมาเข้าร่วมแข่งขัน?”
………………………………………………………
บทที่ 639 พูดชื่อขึ้นโดยตรง
ทุกคนต่างเบนสายตามองไปยังพื้นที่ไกลลับที่มีหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกยืนอยู่ มีบางคนจำโอหยางซานซานได้ จึงจงใจแอบซ่อนตัวในหมู่คน จากนั้นตะโกนขึ้นว่า “โอหยางซานซานคือเด็กเส้นที่ฝีมือการวาดภาพของเธอเทียบเท่าระดับเด็กอนุบาล!”
หร่วนหวาไฉ่จากที่มีสีหน้าซีดเขียวเปลี่ยนเป็นสีดำอารมณ์โกรธพุ่งขึ้นปรี๊ด เขาจ้องเหมยเหมยอย่างเคร่งขรึม หันไปยิ้มเยาะส่งให้เหยียนโฮ่วเต๋อที่มีสีหน้าบึ้งตึง “ครูผู้ดูแลจากทุกพื้นที่ช่วยดูแลนักเรียนของตนให้ดีด้วย หากยังพูดจาซี้ซั้วต่อไปจะถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันเอาได้!”
เหยียนโฮ่วเต๋อแสร้งทำเป็นคนตาย ก้มหน้าไม่ปริปากส่งเสียงใดออกมา ลูกสาวของท่านรองผู้ว่าทำให้เรื่องพุ่งขึ้นไปถึงเบื้องบนแล้ว เขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะตามเช็ดก้นให้แล้ว ให้ท่านรองผู้ว่ามาตามเช็ดเองก็แล้วกัน
เหมยเหมยพูดขึ้นเสียงดัง “ทำไมคุณเลขาหร่วนถึงไม่กล้าตอบคำถามฉันล่ะคะ? หรือว่าฉันพูดแทงใจดำ? รางวัลที่สองเป็นการตัดสินภายในที่มอบให้โอหยางซานซานลูกศิษย์ของคุณงั้นเหรอ?”
เหยียนโฮ่วเต๋อใจเต้นไม่รู้กี่ครั้ง เขาเซถอยหลังไปหลายก้าวอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ถอยออกให้ห่างจะดีที่สุด เจ้าเด็กแสบกล้าที่จะเอ่ยชื่อเขาแล้ว เขาแหย่ไม่ได้แต่ก็ยังพอจะหลบได้!
เธอเป็นถึงเจ้าหญิงของตระกูลจ้าว ต่อให้เธอเป็นคนวางระเบิดปรมาณูคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เขานี่สิไม่มีคนหนุนหลังให้พึ่งพิง งั้นก็คงต้องทำตัวจงรักภักดีต่อไป!
หากเกิดเรื่องขึ้นจริง ตระกูลจ้าวอาจไม่สามารถปกป้องเขาด้วย ถือว่าตัวเขาเองยังเข้าใจสถานการณ์ของตนเองดี!
หร่วนหวาไฉ่โกรธจนแทบจะกระอักเลือด นักข่าวห้อมล้อมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีผู้หวังดีออกปากถามเขาว่ามีเหตุการณ์เบื้องลึกด้านมืดหรือไม่ แน่นอนว่านี่เป็นความกล้าส่วนตน ส่วนนักข่าวคนอื่นพอได้ยินชื่อโอหยางซานซาน ก็พากันปิดปากเงียบไป
ไม่มีใครโง่ถึงขั้นทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับหัวหน้าเบื้องบนของตนเองหรอก!
“คุณมาจากสำนักไหน? เด็กคนหนึ่งพูดจาไร้สาระก็เชื่องั้นเหรอ? รีบตัดท่อนนี้ทิ้งไปซะ อย่าให้ผมรู้ว่าพวกคุณเผยแพร่ออกไป ไม่เช่นนั้นผมจะไปตามเอากับหัวหน้าพวกคุณ!”
หร่วนหวาไฉ่โกรธเดือดดาลพร้อมกับชี้หน้าด่าชายวัยรุ่นที่กล้าถามคำถามสิ้นคิดพวกนี้กับเขา หากไม่เป็นเพราะต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เขาคงพุ่งเข้าไปชกเด็กคนนั้นสักหมัด นักข่าวคนอื่นปิดปากเงียบอย่างว่าง่าย มีแต่ไอ้บ้านี่กล้าถามขึ้นมา คงอยากตายสินะ!
เหมยเหมยหัวเราะเยาะพลางตะโกนขึ้นว่า “นี่คุณเลขาหร่วนต้องการจะปิดปากเหรอคะ? ผู้เข้าร่วมแข่งขันที่นี่มีจำนวนมากกว่าพันคน ถ้าคุณเจ๋งจริงก็ช่วยปิดปากพวกเราให้ได้ทุกคนสิคะ มิเช่นนั้นคุณก็ไม่มีทางปิดปากใครได้ตลอดชีวิต ความยุติธรรมมันอยู่ที่ใจ โครงสร้างการแข่งขันระดับประเทศไม่ใช่ตลาดให้คุณใช้ซื้อขายศักดิ์ศรีกัน!”
ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความเยือกเย็น และมองเหมยเหมยด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้งดงามคนนี้จะมีความกล้าได้มากถึงขนาดนี้ กล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเลขานุการของสมาคมวาดภาพระดับประเทศแบบนี้!
ไม่กลัวว่าเลขาหร่วนจะตัดแข้งตัดขาหรือไง?
ชายวัยรุ่นผู้กล้าหาญคนนั้นยืนมองเหมยเหมยด้วยความชื่นชม ช่างเป็นแบบอย่างที่ดี น่าเสียดายที่เรียนวาดภาพ เธอเหมาะสมกับอาชีพนักข่าวเสียหาที่ติไม่ได้แล้ว!
“เธอชื่ออะไร? ครูนำทีมจากเมืองจินอยู่ไหน? ออกมารับเด็กของคุณกลับไป ผมว่าเด็กนักเรียนในเมืองจินของคุณนี่เก่งกันดีนัก อยากมาแต่ก็ไม่เห็นค่าการแข่งขันครั้งนี้เลย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเข้าร่วมแข่งขันไปเลยยังง่ายกว่า!”
หร่วนหวาไฉ่โกรธจนเกินจะควบคุมได้ บางคำพูดออกมาโดยไม่ผ่านการกลั่นกรอง ทั้งยังกล้าพูดออกมาเต็มปากว่ายกเลิกสิทธิ์ของผู้เข้าแข่งขันจากเมืองจินทุกคน ทีมนักเรียนของเหมยเหมยต่างพากันตัวสั่นขวัญผวา บางคนจ้องเหมยเหมยอย่างไม่พอใจ โกรธเธอที่ชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องไร้สาระจนทำให้พวกเขาต้องติดบ่วงไปด้วย
“ช่างมันเถอะ พวกเราเถียงสู้พวกคนใหญ่คนโตไม่ได้หรอก รางวัลที่สองถูกตัดสินไปก็เท่านั้น ยังเหลือรางวัลที่หนึ่งและรางวัลที่สามอีก พวกเรายังถือว่ามีโอกาส เธออย่าสร้างเรื่องอีกเลย!”
มีเด็กคนหนึ่งเข้ามาเกลี้ยกล่อมเหมยเหมย อยากให้เธอกล่าวขอโทษหร่วนหวาไฉ่ เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องติดแห่ไปด้วย!
เหมยเหมยจ้องคนที่เข้ามาเกลี้ยกล่อมเธอแล้วตวาดเสียงดังว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่ารางวัลที่หนึ่งและรางวัลที่สองจะไม่มีการโกงกันภายใน? มีหนึ่งต้องมีสอง มีสองก็ต้องมีสาม รางวัลที่สองยังถูกขายศักดิ์ศรีทิ้งไปแล้ว รางวัลอื่นก็ทำได้เหมือนกัน ไม่แน่ว่าพวกเราก็แค่เข้ามาเล่นเป็นเพื่อนพวกที่มีเส้นสายกันเท่านั้น!”
…………………………………………………….