ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 648 ข่าวคราวที่ถูกปิดกั้น + บทที่ 649 ฤดูใบไม้ผลิที่แสนน่ากลัว
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 648 ข่าวคราวที่ถูกปิดกั้น + บทที่ 649 ฤดูใบไม้ผลิที่แสนน่ากลัว
บทที่ 648 ข่าวคราวที่ถูกปิดกั้น
หร่วนหวาไฉ่ได้เห็นภาพกระรอกก็พลันนึกถึงคนคนนั้น !
เขาคนนั้นต่างจากคนอื่นที่ชอบวาดนก วาดดอกไม้ วาดวัว วาดไก่ วาดม้า แต่สิ่งที่เขาชอบวาดกลับเป็นกระรอก วาดกระรอกทุกประเภททุกสายพันธ์ คนคนนี้ต่อให้ทำอะไรก็มักจะแตกต่างไปจากคนอื่นเสมอ
คนอื่นชอบอะไรเขากลับไม่ชอบ คนอื่นๆไม่ชอบแต่ตัวเขาเองกลับชื่นชอบ มักจะทำตัวดั่งคนทั้งโลกมัวเมา แต่เขาเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่มีสติ !
สุดท้ายก็ไม่เหลือผลลัพธ์อะไรดีๆเลย !
เหมยเหมยรู้สึกได้ว่าหร่วนหวาไฉ่ยืนอยู่ด้านหลังและกำลังจ้องเธอวาดรูป และจ้องมองเป็นเวลาเนิ่นนาน
“ทำไมเธอถึงอยากวาดกระรอกล่ะ ?” หร่วนหวาไฉ่อดไม่ได้ที่จะถาม
“ชอบก็วาดสิ ทำไมต้องมีเหตุผลอะไรมากมาย !”
เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ และเลือกที่จะไม่ใส่ใจเขาต่อ เธอทำการตรวจสอบภาพที่วาดเสร็จอย่างละเอียด
หร่วนหวาไฉ่ยืนจ้องอยู่พักใหญ่ถึงจะออกไป นั่นทำให้เหมยเหมยโล่งใจ เธอไม่ได้กังวลว่าหร่วนหวาไฉ่จะดูอะไรออก เพียงแค่รู้สึกรังเกียจคนคนนี้ก็เท่านั้น
ก่อนจะมาที่นี่เธอคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตอนนี้ตัวเธอยังไม่แข็งแรงพอ ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับทั้งสามคนนั้นได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้คงต้องนอนหลับจำศีลไปก่อน จะให้หร่วนหวาไฉ่และพวกเขาทั้งสามคนรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าคุณตาของเธอเป็นใคร
โชคดีที่อาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้ให้เธอไม่ใช่สำนักเหยียน แม้นว่าจะเป็นดั่งเรื่องบังเอิญ ที่เธอชื่นชอบการวาดสไตล์การ์ตูนและมีลักษณะการวาดที่คล้ายคลึงกับคุณตา แต่จริงๆแล้วเธอไม่ได้เรียนการวาดสไตล์เหยียนมา ต่อให้หร่วนหวาไฉ่จะสงสัยก็ไม่ใช่ปัญหา แค่เธอไม่พูด หร่วนหวาไฉ่ก็จะไม่มีทางรู้ว่าเหยียนตานชิงคือคุณตาของเธอ
เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงต้องรออีกสามวันถึงจะทราบผลการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันทุกคนไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไป แต่ต่างพร้อมใจเข้าร่วมพิธีประกาศรางวัล เพราะงั้นสามวันนี้จะเป็นเวลาแห่งการท่องเที่ยว
โดยมีครูนำทีมเป็นคนดูแลพาเที่ยว ซึ่งพาไปยังสถานที่สำคัญในเมืองหลวง
เหมยเหมยไม่ได้เข้าร่วมด้วย เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงเธอจึงกลับบ้าน หวงอวี้เหลียนไม่มีทางวางมือแน่ เธอจะคอยดูว่าผู้หญิงคนนี้จะทำเรื่องชั่วช้าไร้ยางอายอะไรอีก !
สิ่งที่ทำให้เธอไม่พอใจที่สุดคือ วันแข่งขันมีนักข่าวจำนวนมาก แต่กลับไม่มีนักข่าวจากสำนักไหนกล้าเผยแพร่ข่าว วันต่อมาเงียบสนิท มีเพียงแค่คืนนั้นที่หน้ากล้องโฟกัสเพียงแค่ห้าวินาที ผู้สัมภาษณ์ถามเพียงแค่ไม่กี่ประโยค ภาพที่ถ่ายทอดออกมามีเพียงแค่บรรยากาศในการแข่งขันที่ผู้เข้าแข่งตั้งใจวาดภาพกันอยู่
เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนการแข่งขัน ราวกับความฝัน ข้ามคืนไปก็ไม่มีหลงเหลืออยู่ !
พ่อของโอหยางซานซานดูแลเรื่องพวกนี้อยู่ จะต้องเป็นพ่อของเธอใช้อำนาจจัดการแน่ พวกชาติชั่ว !
จ้าวเสวียกงโมโหอย่างสุดทน จากตอนแรกตั้งใจจะรอดูตัวเองโดนพาดหัวข่าวที่แสดงอิทธิฤทธิ์ออกไป ใครจะรู้ล่ะว่าแค่ก้นก็ไม่โผล่ให้เห็น !
แม้ว่าเหมยเหมยเองก็ไม่ได้ดีใจ แต่แค่นี้เธอก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว
“ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ถือเป็นฝ่ายชนะ โอหยางซานซานก็ไม่ได้แข่งขัน อีกอย่างเรื่องเมื่อวานต่อให้สำนักพิมพ์ไม่เผยแพร่ แต่คนอื่นๆจะไม่รู้หรือไง ไม่แน่ว่าตอนนี้ทั้งวงการวาดภาพคงจะรู้เรื่อราวฉาวโฉ่ของโอหยางซานซานไปทั่วแล้ว !”
เหมยเหมยปลอบใจพี่ชายตน ข้าวยังต้องทานทีละคำ แน่นอนว่าการแก้แค้นก็ต้องค่อยๆเดินไปทีละก้าว !
พบเจอกับเหตุการณ์เมื่อวาน โอหยางซานซานไม่อาจปะปนอยู่ในวงการวาดภาพได้อีกต่อไป ต่อให้เธอเป็นลูกศิษย์ของหร่วนหวาไฉ่ก็ไม่ได้ อีกอย่างคือพรสวรรค์ของเธอมีแค่นั้นจะอยู่ต่อยังไง ?
อาจารย์รับเข้าเป็นศิษย์ แต่พัฒนาการอยู่ที่ตัวบุคคล !
คนอย่างโอหยางซานซานเป็นได้แค่ขี้วัวเน่า ต่อให้จะได้อาจารย์ที่เก่งกาจแค่ไหนมา ก็ไม่มีทางเก่งขึ้นมาได้ สู้รีบกลับบ้านไปทาสีกำแพงบ้านเล่นตั้งแต่เนิ่นๆเสียดีกว่า !
คุณปู่และคุณย่าต่างไม่รับรู้ถึงเรื่องราวที่พวกเหมยเหมยก่อไว้ หวงอวี้เหลียนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นเวลาสามวันติดต่อกันที่เธอไม่เข้ามาฟ้องเรื่องแย่ๆนั่น ซึ่งแน่นอนว่าพวกเหมยเหมยไม่มีทางบอกออกไปก่อนด้วยตัวเอง
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยคือ ไม่ใช่ว่าหวงอวี้เหลียนไม่อยากจะมาฟ้องอะไร เพียงแต่เธอไม่สามารถออกจากบ้านได้ !
………………………………………………….
บทที่ 649 ฤดูใบไม้ผลิที่แสนน่ากลัว
หวงอวี้เหลียนไม่ได้ออกบ้านมาเป็นเวลาสามวันติด ตั้งแต่วันที่เธอกลับมาจากสนานแข่งก็ไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว อีกทั้งในหนึ่งวันต้องอาบน้ำถึงหกครั้ง แต่ยังคงช่วยอะไรไม่ได้เหมือนเดิม กลิ่นหอมบนร่างกายยังคงอยู่เนิ่นนานไม่มีเปลี่ยน
ฉิวฉิวที่เปิดผนึกกำลังแล้วไม่เพียงแค่กระเป๋าหน้าท้องของมันที่ขยายใหญ่ขึ้น พลังน้ำหอมธัญพืชทั้งห้าก็ทวีความรุนแรงขึ้นไม่น้อย
ที่อู่เยวี่ยได้รับนั่น เพียงแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนก็จางหายไป แต่ตอนนี้กลับทวีขึ้นถึงสามวันสามคืนซึ่งยังไม่แน่ว่าจะจางหายไปหรือไม่ ต้องลุ้นเอาว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายแล้วล่ะ !
ดูจากตอนนี้แล้ว หวงอวี้เหลียนโชคไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ตอนนี้ผ่านไปแล้วสามวัน แต่กลิ่นเหม็นบนตัวเธอยังคงอยู่ แม้แต่สามีของเธอโอหยางเซี่ยงหมิงยังต้องแยกเตียงนอนกับเธอ เขารับไม่ได้กับกลิ่นเหม็นกระชากวิญญาณนั่นจริงๆ !
ด้วยความช่วยเหลือจากฉี่ที่ฉิวฉิวสร้างขึ้น กลับช่วยให้ลดความวุ่นวายของเหมยเหมยไปไม่น้อย ช่วงไม่กี่วันมานี้เหมยเหมยไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน เอาแต่คอยดูแลคุณปู่คุณย่าอยู่ที่บ้าน แม้ว่าฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ดอกไม้เบ่งบาน แต่คุณปู่จ้าวและคุณย่ากลับหวาดกลัวต่อฤดูกาลนี้เป็นที่สุด
เป็นเพราะบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิไม่มีความแน่นอน บางครั้งฟ้ามืดครึ้มฝนตกติดต่อกันหลายวัน บาดแผลเก่าของผู้เฒ่าทั้งสองมักจะกำเริบขึ้นมา เจ็บปวดจนแทบพูดไม่ออก ช่างน่าเวทนาอย่างยิ่ง !
โดยปกติจะเห็นท่าทางของผู้เฒ่าผู้แก่ดูกระปรี้กระเปร่า แต่ในตอนนี้กลับนอนอยู่บนเตียงส่งเสียงโอดครวญ ความรู้สึกของทุกคนในตระกูลจ้าวก็ย่ำแย่ จ้าวอิงสยงและจ้าวอิงหย่งทั้งสองครอบครัวจะผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลสองผู้เฒ่า
แพทย์ผู้ดูแลสองผู้เฒ่าเห็นว่าพวกเขาเจ็บปวดเจียนจะทนไหว จึงแนะนำให้ฉีดยาแก้ปวด แต่กลับถูกปฏิเสธ
“ยาแก้ปวดจะทำให้ร่างกายต้องพึ่งพามัน ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นคนอ่อนแอเด็ดขาด ยานี้ข้าไม่ฉีดเด็ดขาด ข้าต้องทนให้ผ่านไปได้”
คุณปู่จ้าวแม้ว่าจะเจ็บจนต้องซีดปากรับไอเย็น แต่ยังคงหัวแข็งดื้อรั้น
คุณย่าเองก็คิดเหมือนกัน เธอก็เห็นด้วยไม่ยินยอมพึ่งพายา เจ็บปวดจนต้องกัดฟันแน่น ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดรอด ให้เห็นถึงความอ่อนแอ
“คุณย่า หนูนวดให้นะคะ ?”
เหมยเหมยที่เห็นท่าทีกลับไม่ได้รู้สึกดีอะไรเลย หวังว่าจะสามารถเจ็บปวดทรมานแทนผู้เฒ่าทั้งสองได้ เธอออกแรงบีบนวดให้กับคุณย่าตรงช่วงหัวเข่า อยากช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้คุณย่าบ้าง
“เหมยเหมยเก่งมาก ยายไม่ปวดแล้ว !” คุณย่าพูดชื่นชมและส่งยิ้มให้ อาการเจ็บปวดคลายลงไปเล็กน้อย
เหมยเมหยที่ได้รับคำชมยกใหญ่ จึงรีบออกแรงบีบนวดให้ทั้งคุณปู่และคุณย่า อาจเป็นเพราะการบีบนวดของเธอได้ผลจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะในใจของสองผู้เฒ่าเกิดความสบายใจ การนวดที่ไม่เป็นมืออาชีพของเหมยเหมยได้ทำให้สองผู้เฒ่าหลับไปเสียสนิท !
เท่าที่รู้คือทั้งสองผู้เฒ่าเจ็บปวดมาเป็นเวลาสองวันติด จนไม่อาจข่มตาหลับได้ !
แต่นี่เป็นเพียงอาการแค่ชั่วคราว หากว่าฤดูใบไม้ผลิยังไม่ข้ามผ่านไป อาการเจ็บปวดของสองผู้เฒ่าก็จะยังคงอยู่ เมื่อฤดูร้อนมาถึง อาการของพวกเขาถึงจะดีขึ้น
ปีแล้วปีเล่า ทุกๆปีพวกเขาจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ปีละหน แม้แต่หมอก็ไม่มีวิธีรักษา ใครใช้ให้บาดแผลบนตัวพวกเขาทั้งสองคนมีมากขนาดนี้ล่ะ !
แทบจะพูดได้ว่าเป็นร่างกายที่มีแต่รูพรุน สามารถอดทนมาได้จนถึงตอนนี้ก็นับว่ามหัศจรรย์มากแล้ว !
เมื่อจัดการกับสองผู้เฒ่าเรียบร้อย เหมยเหมยจึงพาตัวเองพร้อมกับแขนที่ปวดร้าวกลับห้องเพื่อนอนเช่นกัน สภาพจิตใจของเธอไม่ดีนัก เมื่อครู่เธอได้ยินที่คุณอาสองพูดกับคุณหมอหมดแล้ว
คุณหมอบอกว่าสุขภาพร่างกายของคุณปู่คุณย่าย่ำแย่มาก ไม่แน่ว่าอาจจะล้มลงได้ในสักวัน เพราะงั้นจึงบอกให้อาสองเตรียมใจไว้ดีๆ พยายามทำให้สองผู้เฒ่าอารมณ์ดีเข้าไว้ แบบนั้นจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นมาหน่อย !
“ฉิวฉิว ฉันทำใจเรื่องคุณปู่คุณย่าไม่ได้ ฉันพึ่งจะได้พวกเขามาเอง ยังไม่ทันได้สนิทชิดเชื้อเลย”
เหมยเหมยกอดฉิวฉิวไว้ และพูดความรู้สึกของตนกับมันเสียงเบาอย่างพรั่งพรู ฉิวฉิวที่กินช็อกโกแลตอย่างออกรสออกชาติ ดวงตากลมดำของมันหมุนกลอกไปมา
เจ้านายทำใจไม่ได้ที่คุณปู่คุณย่าจะตาย เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยากนัก เพียงแต่มันจะต้องค้นหาของดี แต่ใครใช้ให้กระเป๋าหน้าท้องของมันรกรุงรังแบบนี้เล่า !
…………………………………………………