ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 654 ปีนขึ้นไปบนหน้าผาเพื่อตักน้ำ + บทที่ 655 ขึ้นไปด้วยตัวเองจะดีกว่า
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 654 ปีนขึ้นไปบนหน้าผาเพื่อตักน้ำ + บทที่ 655 ขึ้นไปด้วยตัวเองจะดีกว่า
บทที่ 654 ปีนขึ้นไปบนหน้าผาเพื่อตักน้ำ
ต้นชาโบราณมีขนาดใหญ่ ราวกับร่มสีเขียวคันใหญ่คันหนึ่งที่ถูกกางออก มีขนาดใหญ่ราวสองเมตรกว่าๆ เจริญงอกงามเขียวชอุ่ม ยอดใบชาสดที่ผลิใบเขียวขจียังมีหยาดน้ำค้างสีใสคล้ายจะหยดร่วงลงมา ราวกับมรกตกลิ้งวนอยู่บนใบชา
“โอ้โหว ชาป่าต้นนี้ได้ราคาดีมาก วันนี้ล้มไม่เสียเที่ยวจริงๆ !”
จ้าวเสวียเอร่อที่เหนื่อยแทบตาย เมื่อได้เห็นต้นชาโบราณเขียวขจีต้นนี้ ความเหนื่อยทั้งปวงมลายหายไปจนหมด มองเห็นต้นชาราวกับได้เห็นธนบัตรก็มิปาน
ต้นชาป่าที่ดูดซับสรรพสารของฟ้าดินแบบนี้ ไม่รู้ว่าว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่จะรับซื้อในราคาที่สูง
จ้าวเสวียเอร่อใช้รอยหยักในสมองของตน คิดคำนวณออกมาอย่างรวดเร็ว คำนวณได้จำนวนตัวเลขที่ทำให้เขาพึงพอใจมาก
หากว่าเขาเก็บใบชาของชาต้นนี้ไป เขาจะได้ไม่ต้องกังวลกับเงินทุนในการประกอบการแล้ว !
เพียงแต่ผาสูงชันแห่งนี้กลับไม่มีแม้แต่จุดให้ออกแรงได้เลย เขาจึงไม่มีวิธีเก็บธนบัตรนั้นกลับมา !
จ้าวเสวียเอร่อเดินเข้าไปใกล้หน้าผา ก้มลงไปมองด้านล่างแค่แวบเดียวก็ทำให้เกิดอาการขาอ่อน เขาจึงรีบกลับเข้าไปและไม่กล้ามองอีก เขาน่ะเป็นโรคกลัวความสูง
อีกอย่างหน้าผานี้ลึกจนมองไม่เห็นด้านล่าง หากไม่ระวังแล้วพลัดตกลงไป แม้แต่เศษซากศพก็เกรงว่าจะไม่หลงเหลือ!
จ้าวเสวียเอร่อมองไปยังธนบัตรต้นใหญ่นั้นอย่างนึกเสียดาย ถอนหายใจออกมายาวๆ แม้ว่าธนบัตรจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า !
ปล่อยให้เติบโตต่ออีกไม่กี่ปีก็แล้วกัน !
“พี่สามมัวเหม่ออะไรอยู่ รีบมาช่วยกันหน่อยสิคะ !” เสียงเรียกของเหมยเหมยได้ทำลายความคิดเพ้อฝันของเขาลง
จ้าวเสวียเอร่อจ้องมองต้นชาโบราณด้วยสายตาละห้อย จากนั้นวิ่งไปทางที่น้องสาวอยู่ แต่กลับเห็นเธอกำลังใช้ก้อนหินตัดเถาวัลย์ต้นอวบ ใบหน้าเธอฝืนทนจนขึ้นสีแดงระเรื่อ
“เหมยเหมยเอาเถาวัลย์พวกนี้ไปทำอะไร ? พวกนี้เป็นเพียงแค่เถาวัลย์ภูเขาธรรมดา ไม่สามารถทำเป็นตัวยาได้” จ้าวเสวียเอร่อเข้าใจว่าน้องสาวตนหาน้ำไม่เจอ แล้วได้รับสิ่งกระทบกระเทือนใจ จึงคิดจะเอาพวกของป่าและเถาวัลย์เหล่านี้กลับไปต้มซุปให้คุณปู่คุณย่าดื่ม !
เหมยเหมยจ้องเขาตาเขม่นอย่างโมโห การปีนเขาครั้งนี้ ในใจเหมยเหมยที่เคยเคารพรักต่อพี่สาม ตอนนี้ไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
ไก่อ่อน ขวัญอ่อน ขี้บ่น โลภมาก…
ทั้งตัวของเขาเหลือเพียงแค่เปลือกผิวแล้วล่ะ !
“ฉันจะเอาเถาวัลย์นี่ไปทำเชือก พี่รีบมาช่วยฉันตัดหน่อย เถาวัลย์พวกนี้เหนียวมาก” ไม่ง่ายเลยกว่าที่เหมยเหมยจะตัดเถาวัลย์ออกมาได้สักเส้นหนึ่ง มือชาไปหมด
“เธอเอาเชือกไปทำอะไร ?” จ้าวเสวียเอร่อคาดการณ์ได้ถึงสิ่งที่ไม่เข้าท่านัก หวังเพียงแค่ว่าอย่าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย เพียงแต่…
“ฉันหาแหล่งน้ำแร่เจอแล้ว อยู่ด้านล่างต้นชาโบราณยักษ์นั่น พวกเราต้องทำเป็นเชือกผูกไว้ แบบนั้นก็สามารถข้ามไปได้แล้ว !”
เหมยเหมยดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อครู่ฉิวฉิวได้ไปสำรวจน้ำแร่ภูเขาเป็นที่เรียบร้อย บอกกับเธอว่าคุณภาพน้ำดีมากๆ อีกทั้งต้นชาโบราณนั่นก็เป็นของล้ำค่า ดูดซึมเอาสรรพสารจากฟ้าดินมาแล้วหลายพันปี ตัวมันเองก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งได้ความชุ่มชื่นจากแหล่งน้ำดีๆอีก ยิ่งเป็นของหายากและมีค่าที่ได้เห็นในรอบร้อยปี
จ้าวเสวียเอร่อตกใจจนไม่เหลือแม้แต่ดวงวิญญาณ น้ำเสียงเหือดหายไปราวกับถูกคนแทงคอหอยเอาไว้ ถามเสียงอยู่ในลำคอ “เหมยเหมยจะปีนไปที่หน้าผาเพื่อตักน้ำ ?”
“ใช่ค่ะ ถ้าไม่ปีนแล้วจะตักน้ำกลับมายังไง ?” เหมยเหมยมองจ้าวเสวียเอร่อราวกับคนปัญญาอ่อน ทำไมถึงได้โง่เขลาขนาดนี้
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด พี่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน หากตกลงไปเราสองคนก็จบเลยนะ ตอนนี้เรากลับบ้านกัน ไม่ต้องตามหาน้ำแล้ว คุณปู่คุณย่ามีหมอดูแลอยู่ น้ำของเธอใช้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
ราวกับจ้าวเสวียเอร่อกลายเป็นคนละคนกัน ดึงแขนเหมยเหมยเพื่อจะลงจากภูเขา ปีนขึ้นหน้าผาเพื่อตามหาน้ำหรอ ?
สมองของน้องสาวถูกกระทบเทือนจนโง่ไปแล้ว แต่เขาไม่ !
ก็แค่น้ำแร่จากภูเขาเท่านั้นเอง คิดว่าเป็นเหล้ารสชาติดีหรือไง ?
ดื่มแล้วจะเป็นอมตะหรือกลายเป็นเทพเซียน ?
เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่มีทางสร้างเรื่องวุ่นวายตามน้องสาว !
……………………………………………….
บทที่ 655 ขึ้นไปด้วยตัวเองจะดีกว่า
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป จ้าวเสวียเอร่อยอมจำนนต่อเสียงร้องไห้ที่ดังก้องดั่งคนพาลของเหมยเหมย โดยปกติน้ำเสียงของน้องสาวตนหวานเยิ้มยิ่งกว่าเสียงของเติ้งลี่จวิน [1]แต่ตอนนี้ราวกับเสียงเวทมนต์แทรกซึมเข้าไปในสมอง ส่งเสียงเรียกจนทำให้เขาปวดไปทั้งกบาล
เห็นน้องสาวเช็ดน้ำตาอยู่ที่พื้น จ้าวเสวียเอร่อปวดหัวตุบ ๆ
พระเจ้า ทั้งๆที่วันนี้เขาต้องซ้อมละครกับดาวมหาลัย อีกทั่งยังมีฉากกอดแสนหวาน ช่างเป็นวันที่ดีอะไรแบบนี้ แต่ทำไมเขาจะต้องพาตัวเองมาทรมานกับยัยหมีน้อยที่นี่ด้วย ?
“ไม่ต้องร้องแล้ว พี่จะไปตักน้ำ ถ้าหากว่าพี่สามมีอันเป็นไปอย่านึกเสียใจภายหลังล่ะ !” จ้าวเสวียเอร่อกัดฟันพูด ทั้งยังขอพรในใจเพื่อให้พระเจ้ามีตา อย่าได้ปล่อยให้เขาตายเลยต่อให้เขาต้องกลายเป็นคนพิการก็ยังดี!
การมีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าการตาย !
เหมยเหมยหยุดร้องไห้ในทันที ปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ และส่งยิ้มให้จ้าวเสวียเอร่อในทันที แต่กลับได้มาเพียงแค่ท่าทีเมินเฉย และกลอกตาขาวใส่ !
ยัยเด็กบ้านี่ทำให้เขาต้องมาทรมานถึงจุดนี้ ต่อจากนี้ไปเขาสัญญาว่าจะอยู่ให้ห่างจากยัยเด็กบ้านี่ ยิ่งห่างได้มากแค่ไหนยิ่งดี !
จ้าวเสวียเอร่อและเหมยเหมยช่วยกันตัดกิ่งเถาวัลย์ได้มาหลายเถา พร้อมทั้งนำต่อมามัดต่อกันเป็นเชือกเส้นใหญ่ จ้าวเสวียเอร่อทดลองดูครั้งหนึ่ง เส้นเถาวัลย์ถือว่าแข็งแรงมาก ขอเพียงแค่พระเจ้าไม่ตาบอด เขาอาจจะโชคดีรอดชีวิตมาได้
พวกเขานำเอาเชือกเส้นใหญ่มัดผูกติดกับต้นไม้ใหญ่ นำอีกด้านหนึ่งของเส้นเชือกมัดกับเอวของตนเอาไว้ มองลงไปด้านล่างหน้าผาด้วยความสลดใจ แล้วใช้ฝีเท้าความเร็วเช่นเดียวกับจิงเคอที่ลอบสังหารจิ่นซีฮ่องเต้ เพียงแต่…
จ้าวเสวียเอร่อยืนอยู่ตรงขอบหน้าผาเป็นเวลาสิบห้านาทีเต็ม ขาทั้งสองข้างยิ่งยืนยิ่งอ่อนแรงลง ความกล้าก็เริ่มลดน้อยลง เขาไม่กล้าจะลืมตาขึ้น พอแค่เปิดเปลือกตาก็จะเป็นลม แต่ก็ไม่อาจหลับตาได้ หลับตาแล้วไม่รับรู้ยิ่งทำให้เกิดความกลัว
“พี่สาม ตกลงว่าพี่จะไปหรือไม่ไป ? เหมยเหมยที่เห็นท่าทีของเขาจึงรู้สึกรำคาญ พูดเร่งเขาเสียงดัง”
“เร่งอะไรนักเล่า ก่อนทำการใดต้องสำรวจพื้นที่ก่อนไม่ใช่หรือ ? หากไม่สำรวจให้ดีจะขึ้นมายังไง ?” จ้าวเสวียเอร่อสวนคำกลับอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก ยัยเด็กบ้าพูดง่ายกว่าทำ หน้าผาสูงชันขนาดนี้ คิดว่าเป็นขั้นบันไดในบ้านหรือไง ?
เหมยเหมยจ้องพี่ชายที่ใช้การไม่ได้อย่างไม่ชอบใจ คิดว่าเธอมองไม่ออกว่าจ้าวเสวียเอร่อกำลังเกิดอาการกลัว ?
ยังจะพูดอย่างสง่าผ่าเผยว่าสำรวจพื้นที่อีก เหอะ พื้นที่ตรงนี้เกรงว่าสำรวจเป็นปีๆ ก็สำรวจไม่เสร็จ ที่แท้…
จ้าวเสวียเอร่อทำการสำรวจเป็นเวลาเกือบสิบห้านาที เหมยเหมยที่เร่งเร้าเป็นครั้งที่สอง จ้าวเสวียเอร่อก็รู้ตัวว่าตนใช้เวลาสำรวจนานไปหน่อย เขากัดฟันแน่นพร้อมกับยื่นขาออกไปข้างหนึ่ง จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่ก้าวนี้แล้ว เพียงแต่หินผาที่แตกหักได้เป็นตัวถีบส่งเขาให้ตกลงไปยังด้านล่าง จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีก จ้าวเสวียเอร่อที่เพิ่งรวบรวมความกล้าอย่างน่าเวทนาเช่นนั้น กลับต้องมาตกใจกับเศษหินก้อนนี้ จึงเดินถอยหลังหลายก้าวตามสัญชาตญาณ
เหมยเหมยปิดหน้าปิดตาอย่างไม่อาจทนดูต่อได้ อับอายขายขี้หน้าเสียจริง !
แสงสายัณห์สุดขอบฟ้าทอประกายให้แสงสีแดงที่เข้มมากขึ้น ดวงอาทิตย์ใกล้เคลื่อนตัวออกมา ฉิวฉิวส่งเสียงร้องหาเหมยเหมย พร้อมกับชี้ไปยังดวงอาทิตย์บนฟากฟ้าด้วยท่าทีร้อนรน
ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะโผล่มานั่นคือน้ำที่ดีที่สุด หลังจากที่ดวงอาทิตย์โผล่มานั้น คุณภาพของน้ำจะลดประสิทธิภาพลงไป แต่จะเสียเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว
เหมยเหมยเข้าใจความหมายของฉิวฉิว ดูท่าจะพึ่งพาจ้าวเสวียเอร่อไม่ได้เสียแล้ว คงต้องเป็นเธอที่ลงไปเอง !
“เหมยเหมยจะทำอะไร ? อย่าสร้างเรื่องอีกน่า เอาเชือกมาให้พี่ พี่จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ !”
จ้าวเสวียเอร่อมีท่าทีร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก น้องสาวตนช่างกล้าเกินไปแล้ว ลูกผู้ชายอย่างเขายังไม่กล้าลงไปเลย น้องสาวของเขาที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กคงจะตกใจจนร้องไห้ฟูมฟาย ?
แต่ความเป็นจริงนั้น…
เหมยเหมยไม่ได้สนใจจ้าวเสวียเอร่อเลย เธอผูกเชือกให้แน่น จากนั้นจึงเริ่มปีนหน้าผาอย่างระมัดระวัง ด้านล่างมองเห็นเมฆหมอกขาวโพน ในใจของเธอจึงเกิดอาการหวาดกลัว แต่พอเธอก้าวเดินไปได้ไม่กี่ก้าว กลับไม่ได้มีรู้สึกหวาดกลัวอะไรอีก
หลายครั้ง มองจากที่ไกลๆมักจะรู้สึกกลัว แต่พอเข้าใกล้หรือตัวเราเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นเอง พอกลับมาคิดจะรู้สึกว่ามันก็แค่นั้นเอง !
……………………………………………………..
[1] นักร้องเพลงจีนสากลชาวไต้หวัน เสียงและเพลงของเธอเป็นที่จดจำทั่วทั้งเอเชียตะวันออกและในหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวันและชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก