ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 656 สิ่งของเล็กๆที่งดงาม + บทที่ 657 ได้เพื่อนเล่นเพิ่มหนึ่งตัว
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 656 สิ่งของเล็กๆที่งดงาม + บทที่ 657 ได้เพื่อนเล่นเพิ่มหนึ่งตัว
บทที่ 656 สิ่งของเล็กๆที่งดงาม
จ้าวเสวียเอร่อสายตาจับจ้องเหมยเหมยราวกับยืนอยู่บนพื้นราบ เดินลัดเลาะบนหน้าผาชัน ไม่นานก็มาเดินถึงข้างต้นชาโบราณใหญ่ยักษ์นั่น ในที่สุดใจที่แบกรับเอาไว้ก็สามารถผ่อนคลายลงได้ เพียงแต่…
น้องสาววัยสิบสามปียังมีความกล้าและไหวพริบมากกว่าลูกผู้ชายอย่างเขา …
ทำไมในใจของเขาถึงรู้สึกไม่ดีเอาซะเลยล่ะ !
“เหมยเหมยกลัวไหม ? ให้พี่ดึงเธอขึ้นมาไหม ?” จ้าวเสวียเอร่อกระแอมเรียกอย่างไม่ยินดีนัก ในใจหวังเป็นร้อยเท่าว่าจะได้เห็นท่าทีหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าของน้องสาว
เหมยเหมยที่เจอจุดหยุดพัก หันกลับขึ้นไปแล้วตะโกนอย่างติดรำคาญ “พี่สามอย่าส่งเสียงดังโวยวายสิ ฉันกำลังยุ่งอยู่ !”
จ้าวเสวียเอร่อปิดปากเงียบในทันที ถึงยังไงเขาก็ไม่อาจวางใจต่อเหมยเหมย ยืนด้วยท่าทีน่าเวทนามองเหมยเหมยโค้งเอวก้มตักน้ำอยู่ข้างต้นชาโบราณใหญ่ยักษ์ ช่างน่าอับอายจนเหงื่อตก !
หรือหลังจากกลับไปทุกวันเขาต้องวิ่งด้วยระยะทางหนึ่งกิโล ?
หรือไม่ดีกว่า ทำท่าแพลงก์ไม่กี่ครั้งบนเตียงคงจะดีหน่อย ออกไปก็ดูน่าเบื่อ เสียเวลาอีกด้วย !
ใต้ต้นชาใหญ่ยักษ์นี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีน้ำใสสะอาดจนสามารถมองทะลุเห็นด้านล่างได้แบบนี้ ปากทางมีขนาดเล็กเท่ากับใบหน้าของคนสองคน ซึ่งภายใต้กิ่งลำของต้นชาปรากฏลักษณะหลุมเว้าเข้าไป แต่มีระดับความลึกมากเท่าไหร่เธอไม่อาจรู้ได้ แต่คงจะไม่ตื้นนัก
เพราะน้ำเหล่านี้หยดไหลลงมาจากก้อนหินก้อนหนึ่งทางด้านบน หยดติงๆปีแล้วปีเล่า วันแล้ววันเล่าแต่แหล่งน้ำแห่งนี้กลับไม่เคยเอ่อล้นออกมา
เหมยเหมยเตรียมที่จะตักน้ำ แต่ทันใดนั้นฉิวฉิวที่อยู่บนไหล่ขนตั้งชูชัน และมุดออกไปข้างธารน้ำแร่ ส่งเสียงต๊อกๆร้องไม่หยุด เหมยเหมยปรับโฟกัสสายตา ด้านล่างของต้นชาใหญ่นั่น มองเห็นงูตัวเล็กสีเขียว มันทำเสียงขู่ฟ่อแลบลิ้นมาหาเธอและฉิวฉิว
งูน้อยมีความยาวราวๆหนึ่งฟุต เล็กเท่ากับขนาดนิ้วมือ สีของมันเหมือนกับสีของใบชา หากไม่ได้ฉิวฉิวเตือน เธอคงไม่มีทางมองเห็นมัน
อาจจะเป็นเพราะเจ้างูน้อยงดงามมาก เหมเหมยจึงไม่เกิดความรู้สึกกลัวแต่อย่างใด แต่ยังไม่กล้าจะวางใจ กระทั่งทำให้ฉิวฉิวขนตั้งชูชันได้ แสดงว่างูตัวนี้ไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ !
และในชาติก่อนเธอเคยอ่านเจอในหนังสือ ของวิเศษบนโลกใบนี้มักจะมีสัตว์วิเศษคอยปกป้องคุ้มครองอยู่ ดูท่าแล้วเจ้างูน้อยต้องเป็นสัตว์เทพที่ปกป้องคุ้มครองที่แห่งนี้อยู่ แต่ไม่รู้ว่ามันคุ้มครองแหล่งน้ำแร่หรือว่าต้นชา หรืออาจจะเป็นได้ทั้งคู่ !
เหมยเหมยกลับยิ่งดีใจ บ่งบอกได้ว่าน้ำแร่แห่งนี้เป็นของดี แบบนี้เธอก็สามารถตบตาหมอพวกนั้นได้แล้ว !
ฉิวฉิวเองก็ไม่รู้ว่าตัวมันได้ร่วมทำสัญญาอะไรกับเจ้างูน้อยไว้ เจ้างูน้อยไม่ได้ทำอะไรให้เหมยเหมยลำบากใจ มันเลื้อยกลับขึ้นไปบนต้นชาอีกครั้ง มองเหมยเหมยตักน้ำอย่างประหลาดใจ
ฉิวฉิวไม่ได้ให้เธอตักน้ำเยอะ แต่ให้ตักไปเพียงครึ่งขวด น้ำหนึ่งลิตรก็ไม่ถึง นี่เป็นสัญญาที่มันทำร่วมกับเจ้างูน้อย สิ่งสำคัญคือเมื่อน้ำเหล่านี้ถูกนำออกไปจากที่แห่งนี้ หลังจากนั้นสองชั่วโมงประสิทธิภาพก็จะหมดไป กลับกลายเป็นดั่งน้ำแร่ทั่วไป
“ฉิวฉิวแกลองถามท่านงูให้หน่อย ฉันเก็บใบชาไปสักหน่อยได้ไหม ?” เหมยเหมยถามเสียงเบา ฉิวฉิวขี้เกียจที่จะถามจึงยอมให้เหมยเหมยเด็ดไป ความเป็นจริงแล้วต้นชาโบราณใหญ่ยักษ์นี่เป็นแหล่งอาหารของเจ้างูน้อย ตั้งแต่เล็กๆมันกินใบชาดื่มน้ำค้างจากใบชา วันคืนดูดซับสรรพสารต่างๆจนกลายเป็นสัตว์ที่มีปฏิภาณอัศจรรย์
แต่เจ้างูน้อยตัวนี้ก็น่าเวทนานัก มีอายุขัยกว่าร้อยปีแต่ไม่เคยออกไปจากผาสูงแห่งนี้เลย
หัวไม่มีความฉลาดเฉลียวเอาเสียเลย โง่ดักดานยิ่งกว่าอะไร
“อยากออกไปเที่ยวเล่นไหม?”
ฉิวฉิวหันไปหาเจ้างูน้อยและส่งเสียงร้อง เจ้างูน้อยดวงตาเปล่งประกาย ผงกหัวรับด้วยความดีใจ
มันอยู่บ้านจนเบื่อหน่าย วันๆเอาแต่กัดกินใบชาและดื่มน้ำค้าง ปากลิ้นแทบไม่รับรู้รสชาติใดๆแล้ว !
ฉิวฉิวส่ายหน้าไปมา ช่างโง่เขลานัก ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของมันอบรมสั่งสอนมายังไง แม้แต่การที่ไม่ควรจะพูดคุยกับคนแปลกหน้ายังไม่รู้เลย จึๆ น่าสงสารนัก ต่อไปนี้คงต้องให้คุณชายฉิวอย่างมันสั่งสอนน้องชายคนนี้ให้มากหน่อย !
……………………………………………………….
บทที่ 657 ได้เพื่อนเล่นเพิ่มหนึ่งตัว
ฉิวฉิวส่งเนื้อวัวอบแห้งให้เจ้างูน้อยหนึ่งชิ้น เจ้างูน้อยกินอย่างเอร็ดอร่อย อย่ามองว่ามันตัวเล็ก เพราะกระเพาะมันไม่ได้เล็กอย่างที่คิด ผ่านไปแค่ครู่ก็กินเข้าไปหลายชิ้น ยังกินได้ไม่จุใจจึงมองฉิวฉิวตาละห้อย
คุณชายฉิวถูกสายตาเล็กๆนั่นจ้องมองจนมันต้องกร่นด่าในใจ จำใจต้องล้วงเอาของที่มันกักตุนไว้ในกล่องด้านล่างออกมาทั้งหมด จากนั้นหันหน้าหนีเพราะเบื่อที่จะเห็นกับสิ่งที่มันไม่เต็มใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ !
เหมยเหมยรับรู้ว่าเจ้างูน้อยจอมซื่อบื้อตัวนี้จะออกไปด้วย เธอดีใจอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเธอจะกลัวสัตว์เลื้อยคลาน แต่เจ้างูตัวนี้มีความงดงามและน่ารัก เธอไม่กลัวเลยสักนิด !
เธอเก็บยอดชาอ่อนจากต้นชาโบราณต้นใหญ่ ใช้เวลาไปไม่น้อย ใบชาจำนวนเกินครึ่งถูกยัดใส่กระเป๋าหน้าท้องของฉิวฉิว อีกส่วนหนึ่งยัดใส่กระเป๋าเป้ น้ำแร่ก็ตักใหม่อีกครึ่งค่อนขวด พร้อมกับส่งสัญญาณบอกให้จ้าวเสวียเอร่อดึงเธอขึ้นไป
กลับขึ้นมาสู่พื้นดินด้วยความตื่นเต้นแต่ไร้ซึงอันตรายใดๆ จ้าวเสวียเอร่อจับตัวเหมยเหมยหันซ้ายหันขวา และสำรวจไปทั่วทั้งตัว เมื่อเห็นว่าน้องสาวตนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ในที่สุดใจของเขาที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศก็สามารถล่วงลงมายังพื้นได้ปกติ
“เหมยเหมยใบชาที่เธอเก็บล่ะ ขอพี่ดูหน่อย !”
จ้าวเสวียที่รู้สึกวางใจ กลับเริ่มคิดคำนวณอีกครั้ง พิจารณาว่าจะใช้ช็อกโกแลตหรือใช้เป็ดย่างเพื่อหลอกล่อเอาใบชาจากมือน้องสาวมาไว้ในมือตน หรือไม่งั้นสินสอดทองหมั้นในอนาคตของน้องสาวเขารับผิดชอบให้เอง !
เหมยเหมยไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเปิดกระเป๋าออก ปรากฏให้เห็นใบชาสีเขียวราวมรกตครึ่งค่อนกระเป๋า
“ทำไมถึงมีแค่นี้ล่ะ ?” จ้าวเสวียอดไม่ได้ที่จะถามออกไป เมื่อครู่เขาคิดคำนวณดูแล้ว ต้นชาที่มีขนาดใหญ่ต้นนี้ ไม่ว่ายังไงก็สามารถเก็บใบชาได้มากถึงเจ็ดแปดจิน !
“เก็บมาเยอะแล้วจะเอาใส่ไว้ที่ไหน ? หรือพี่จะลงไปเก็บเอง ?”
เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอรวบเส้นเถาวัลย์ที่ถูกทำเป็นเชือกเส้นใหญ่ม้วนเสร็จแล้ววางลงกับพื้น พรุ่งนี้ยังใช้ต่อได้ เธอตะโกนเรียกจ้าวเสวียเอร่อที่ยืนเหม่อลอย “พี่สาม คืนนี้พี่จะนอนบนต้นไม้เหรอ?”
จ้าวเสวียเอร่อมองต้นเงินทองที่เติบโตอยู่บนผาสูงด้วยความเจ็บปวด ธนบัตรอยู่ตรงหน้าแค่เอื้อมมือ แต่เขากลับคว้าไว้ไม่ได้ เจ็บปวดทรมานใจเหลือเกิน !
เหมยเหมยเดินกลับอย่างว่องไว จ้าวเสวียเอร่อล้มลุกคลุกคลานไปหลายครั้ง เสื้อผ้าที่สวมบนร่างกายขาดวิ่นราวกับขอทาน แต่เหมยเหมยกลับนิ่งมาก สามารถพูดได้ว่าตั้งแต่ที่กลับชาติมาเกิด ความสมดุล ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวของร่างกายเธอดีมากถึงมากที่สุด จะล้มสักครั้งยังยาก
“เหมยเหมยเดินช้าๆหน่อย ให้พี่สามได้พักหายใจบ้าง !”
จ้าวเสวียเอร่อทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เขานั่งหอบหายใจราวกับเป็นอัมพาตอยู่ที่พื้น สมองอันชาญฉลาดกลับเริ่มสับสนมึนงง ไม่ได้ใส่ใจว่าเหตุใดเหมยเหมยถึงไม่จำทางผิดเลย แม้แต่เขาเองยังจำได้ไม่แน่ชัด !
“พี่สามฉันไปก่อนนะ ถ้าเกินสามชั่วโมงไปแล้วน้ำนี่จะไม่มีประสิทธิภาพ ฉันต้องรีบนำกลับไปต้มให้คุณปู่คุณย่าดื่ม !”
อันที่จริงเหมยเหมยเองก็เหนื่อย ขาทั้งสองข้างชาไปหมด แต่เธอจะต้องอดทน จะไม่ยอมให้น้ำนี้หมดประสิทธิภาพก่อนแน่ !
จ้าวเสวียเอร่อกลอกตาดำอย่างจนใจ น้องสาวตนช่างลุ่มหลงจนไม่เป็นตัวของตัวเองจริงๆ เป็นเพียงแค่น้ำแร่จากภูเขาเท่านั้น กลับคิดว่าเป็นยาวิเศษไปแล้วสินะ !
แม้จะไม่เห็นด้วยกับการที่เหมยเหมยเห็นน้ำแร่เป็นดั่งของล้ำค่า แต่จ้าวเสวียเอร่อก็เดินโซซัดโซเซตามหลังมา อย่างแรกคือเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาว อีกอย่างเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ…
เขาไม่กล้าอยู่บนภูเขาด้วยตัวคนเดียว !
ลงไปพร้อมกับน้องสาว ยังถือว่ามีความปลอดภัยบ้าง !
ภูเขาด้านล่างยังคงมีผู้เฒ่าผู้แก่จำนวนไม่น้อยที่นั่งพูดคุยเล่นไพ่กัน เมื่อเห็นท่าทางน่าเวทนาสงสารของจ้าวเสวียเอร่อ ต่างพากันตกใจกันยกใหญ่ ทั้งยังคิดว่าพวกเขาถูกปล้น คุณตาคุณยายที่จิตใจดีต่างกระตือรือร้นจะเข้าไปแจ้งความให้ จ้าวเสวียเอร่อจำต้องอธิบายให้พวกเขาฟังว่าตนนั้นหกล้ม แต่กลับไม่มีใครเชื่อ กลับคิดว่าเขาเกรงกลัวว่าพวกโจรจะกลับมาแก้แค้น จึงไม่กล้าแจ้งความ !
เหมยเหมยเฝ้ารออย่างร้อนรน จึงตัดสินใจปั่นกลับเอง ก่อนจะทิ้งท้ายประโยคไว้ “พี่สาม ฉันไปก่อนนะ พี่นั่งรถเมล์กลับเองก็แล้วกัน !”
………………………………………………….