ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 658 แต่งตัวหลากสีให้บุพการีบันเทิงใจ + บทที่ 659 ชาที่ดี
บทที่ 658 แต่งตัวหลากสีให้บุพการีบันเทิงใจ
โชคดีที่จักรยานของจ้าวเสวียเอร่อมีขนาดไม่ใหญ่ขนาดนั้น เพราะเขาไม่ชอบใจที่มันใหญ่เกินไป มันทำให้บดบังความสง่างามของบุรุษอย่างตน จึงตั้งใจซื้อขนาดที่เล็กลงมาหนึ่งไซน์ เหมยเหมยฝืนปั่นอย่างสุดความสามารถ จนเกินแรงไปบ้าง
ปั่นจนรู้สึกปวดขา เธอกลับมาถึงยังพื้นที่ลานบ้าน ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาบ่ายสามโมง หานซู่ฉินรออยู่ที่บ้านคนเดียว เธอกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเหมยเหมย
เหมยเหมยปั่นจัการยานหอบแฮกๆมาถึงประตูใหญ่หน้าบ้าน ยังไม่ทันได้เบรกจอด กลับพลัดตกจากจักรยาน เจ็บจนเขาต้องกัดฟัน เสียงโครมครามที่ดังขึ้นบริเวณสวนทำให้หวงอวี้เหลียนตกใจไม่น้อย พอวิ่งออกไปจึงได้เห็นสภาพของหลานสาวถูกทับอยู่ใต้จักรยาน เธอจึงเข้าไปยกจักรยานขึ้นในทันที
“เหมยเหมยล้มเจ็บตรงไหนบ้าง ? ขอฉันดูหน่อยเร็ว !”
เหมยเหมยจะเอาเวลาที่ไหนมาพูดไร้สาระกับหวงอวี้เหลียน และก็ไม่ได้ใส่ใจต่อแผลที่เกิดอาการเจ็บเมื่อลุกขึ้นมาได้วิ่งตรงเข้าไปยังห้องครัว “ป้าสองคะ หนูหาน้ำดีๆเจอแล้ว หนูจะไปต้มน้ำเพื่อชงชาให้คุณปู่คุณย่าดื่ม !”
หวงอวี้เหลียนมองท่าทีร้อนรนของหลานสาวตะลึงงัน ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะรู้สึกตัว แล้วจ้าวเสวียเอร่อล่ะ ?
“เหมยเหมยพี่สามล่ะ ? ทำไมถึงไมได้กลับมาพร้อมกันกับเธอ ?”
หานซู่ฉินที่เดินตามหลังถามขึ้น พลางคิดไตร่ตรองว่าเสวียเอร่อหนักแน่นมาตลอด แต่เหตุใดครั้งนี้ถึงทำเหมือนพึ่งพาไม่ได้เอาเสียได้ ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเหมยเหมยกลับมาเอง ทั้งยังต้องขี่จักรยานคันสูงแบบนี้อีก โชคดีแค่ไหนที่ไม่ถูกรถชน กลับมาจะต้องต่อว่าจ้าวเสวียเอร่อสักหน่อย ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย !
จ้าวเสวียเอร่อไม่พอใจต่อเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ทำอะไรไม่ได้ ไม่ง่ายนักที่เขาจะอธิบายให้คุณตาคุณยายผู้หวังดีได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เขาอยากตามเหมยเมหยไป ขาของน้องสาวตนสั้นขนาดนั้น จะเหยียบจักรยานเขาได้เสียที่ไหน ?
เพียงแต่ขาสั้นๆของเหมยกลับปั่นจักรยานได้อย่างรวดเร็ว แค่แวบเดียวก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จ้าวเสวียเอร่อวิ่งหอบเหมือนหมาก็ไม่อาจตามเหมยเหมยทัน จึงทำได้เพียงหอบสังขารพร้อมด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นราวขอทาน ผ่านหน้าผู้คนจำนวนมากที่มองเขาอย่างจับผิดนินทาด้วยสายตาที่ต่างออกไป ต้องต่อรถถึงสามครั้ง และเดินต่ออีกหนึ่งกิโลกว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ด้วยความทุกข์ทน
จ้าวเสวียเอร่อที่เห็นจักรยานจอดทิ้งไว้บริเวณลานบ้าน จ้าวเสวียเอร่อที่ใจตกลงไปสู่พื้นดินด้วยความหวาดหวั่น แต่ไฟโทสะกลับปะทุขึ้นมาสุมหัว
น้องสาวตนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง เขาจะต้องสั่งสอนเธอสักหน่อย ทำให้เขาต้องเสียค่ารถไปตั้งสองเจี่ยวกับอีกห้าเฟิน เจ็บปวดใจยิ่งนัก !
“เหมยเหมยอยู่ไหน ออกมาหาพี่เดี๋ยวนี้ ! ใครให้เธอแอบขโมยรถพี่มา ? เธอยังเคารพกฎหมายอะไรอีกไหม ?”
จ้าวเสวียเอร่อสะกดกลั้นอารมณ์ตั้งแต่บนตึกลงมาล่างตึก ไม่เห็นแม้แต่เงาของเหมยเหมย ทำให้เขาโมโหจนต้องตะโกนขึ้นเสียงดังภายในห้องรับแขก ท่าทีภาพลักษณ์ต่างๆเลือนหายไปจนหมด !
แบกเอาหัวฟูๆราวรังนกและเสื้อผ้าที่ยับเยินขาดวิ่นอวดเผยโฉมไปทั่วทั้งเมืองหลวง จ้าวเสวียเอร่อคนนี้จะเหลือภาพลักษณ์อะไรอีก !
หวงอวี้เหลียนที่กำลังจะอ้าปากถามเหมยเหมยที่อยู่ในห้องครัว กลับได้ยินเสียงตะโกนแหกปากของจ้าวเสวียเอร่อขึ้นเสียก่อน จึงนึกแปลกใจไม่น้อย เสวียเอร่อถูกยั่วยุอะไรมาล่ะ ?
แต่ก่อนเขาเป็นคนเนิบนาบใจเย็นไม่ใช่เหรอ ?
หานซู่ฉินเดินออกมาด้วยความแปลกใจ จ้องจ้าวเสวียเอร่อที่เหมือนสภาพขอทานยืนเท้าสะเอวอยู่ในห้องรับแขก ขยี้ตาด้วยความตกใจ จากนั้นเดินเข้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าวถึงได้มั่นใจว่าขอทานคนนั้นคือบุคคลที่ใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์เป็นที่สุดอย่างองค์ชายสามของตระกูลจ้าว เธอหลุดเราะร่าอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
“เสวียเอร่อ นี่ลูกไปทำอะไรมา ? ถูกปล้นมารึ ?”
หานซู่ฉินหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คุณปู่และคุณย่าที่นอนงีบพักสายตาอยู่บนเตียงรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวจากภายนอกมาพักใหญ่ๆ จึงเร่งให้จ้าวเสวียเอร่อเข้ามาให้พวกเขาเห็นสักหน่อย
จ้าวเสวียเอร่อจะขัดได้ที่ไหนกันล่ะ แม้เขาจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ต้องฝืนใจเข้าไปหา จึงทำทีเหมือนว่ากำลังแต่งตัวหลากสีให้บุพการีบันเทิงใจ[1]ก็เท่านั้น !
เป็นอย่างที่คิด ทั้งสองผู้เฒ่าหัวเราะจนตัวโก่งตัวงอ นั่นกลับทำให้อาการเจ็บปวดทรมานลงไปได้ไม่น้อย นับว่าเป็นเรื่องดีที่เกิดจากเรื่องร้ายๆ
เหมยเหมยถือโอกาสที่หานซู่ฉินออกไปจากห้องครัว นำเอายาวิเศษที่เธอต้มเก็บไว้ทั้งคืนหยดใส่ในหม้อที่กำลังต้มน้ำชาอยู่จำนวนสามหยด เธอใช้น้ำแร่จากภูเขาทั้งหมดที่ได้มานั้นต้มน้ำชา ใบชาที่ใช้นั้นเป็นใบชาจากต้นชาโบราณใหญ่ยักษ์ต้นนั้น น้ำชามีสีเขียวสด ให้กลิ่นหอมละมุนปะทะเข้ากับจมูก ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
………………………………………..
บทที่ 659 ชาที่ดี
เหมยเหมยยกโถน้ำชาเข้าไปยังห้องของสองผู้เฒ่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ต้องให้ผู้เฒ่าทั้งสองดื่มตอนร้อนๆ และนั่นจะทำให้ประสิทธิภาพของยาออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่
เมื่อคุณปู่และคุณย่าหัวเราะอย่างหนำใจ จึงหันมาถามจ้าวเสวียเอร่อว่าเกิดอะไรขึ้น จ้าวเสวียเอร่อเกิดความสับสนขึ้นภายในใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบไปว่าอย่างไร เป็นจังหวะเดียวกับที่เหมยเหมยเดินเข้าห้องมา
“คุณปู่ คุณย่าหนูต้มชามาให้ทั้งคู่เลยค่ะ ต้องรีบดื่มตอนร้อนๆนะคะ”
เหมยเหมยเลือกเดินไปยังด้านหน้าของคุณปู่ เปิดฝาเคลือบของโถน้ำชาออก กลิ่นชาที่ปะทะจมูกได้ส่งกลิ่นหอมละมุนโชยไปทั่วทั้งห้อง ดับเอากลิ่นของยาที่เคยมีในห้องให้หายไปจนหมด
“นี่คือชาอะไร ? หอมมาก !”
คุณปู่รักในการดื่มชา แค่ได้ดมกลิ่นชาก็รู้ได้ว่าชาที่อยู่ในมือของหลานสาวตนต้องไม่ใช่ของธรรมดา เมื่อไม่กี่วันมานี้มีพ่อค้ารายใหญ่ให้ชาต้าหงเผา[2]กับเขามา กลิ่นที่ได้ยังไม่หอมเท่าชานี้เลย !
“คุณปู่ดื่มก่อนสิคะ ดื่มเสร็จหนูจะบอก !”
เหมยเหมยรินน้ำชาใส่จอกใบเล็ก สีเขียวสดของน้ำชาอยู่ในถ้วยเคลือบสีขาว เป็นดั่งหยกมรกตแท้ สีสันสดใส นอกจากจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจแล้ว ยังทำให้เจริญสายตา
“ชาที่ดี !”
คุณปู่สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของชา แม้แต่ความเจ็บปวดบนร่างกายยังสามารถจางหายลดลงไปได้ไม่น้อย เขาคิดว่าสาเหตุเกิดจากการที่เขาได้เห็นชาดีๆ แต่เขาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเพราะประสิทธิภาพของยาสามหยดที่เหมยเหมยหยดลงไปเริ่มสำแดงฤทธิ์
รวมทั้งได้ชาป่าพันปีและน้ำแร่จากภูเขา ซึ่งนั่นทำให้ชำระล้างสิ่งสกปรกในร่างกายได้ สามสิ่งรวมกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สมบูรณ์แบบ
คุณปู่ดื่มเข้าไปอึกเดียวจนหมดจอก ลิ้นฟันสัมผัสถึงความหอมละมุนของกลิ่นชาไม่จางหาย จอกเดียวไม่เพียงพอสำหรับเขา สายตาจับจ้องโถน้ำชาในมือเหมยเหมยด้วยสายตาเว้าวอน
“คุณปู่รอก่อนนะคะ หนูรินให้คุณย่าก่อนจอกหนึ่ง”
เหมยเหมยมุ่ยปากยิ้มขำ รินชาอีกจอกแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าคุณย่า เพียงแต่คุณย่าไม่ได้ชื่นชอบการดื่มชา และชาหอมๆที่หลานสาวต้มมาให้ กลับไม่สามารถดึงดูดรสสัมผัสของเธอได้เลย
“ทั้งหมดนี่ให้คุณปู่เถอะ ย่าไม่ชอบดื่มชา” คุณย่าส่ายหน้าปฏิเสธ
“คุณย่าดื่มเถอะค่ะ ชานี่หนูกับพี่สามออกแรงไปนานเป็นครึ่งวันกว่าจะได้มันมา และหนูก็ต้มมันเองกับมือด้วย คุณย่าดื่มเถอะนะ !”
พอเหมยเหมยออดอ้อน คุณย่าก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ จำต้องทนดื่มชานั่นเข้าไป แต่ก็ทำให้สัมผัสได้ถึงรสของชา
“ชาที่หลานสาวปู่ต้มมาให้ช่างหอมจริงๆ หวานละมุน ร่างกายปู่แทบไม่เจ็บปวดเลย ให้ย่าดื่มอีกสักจอกสิ !”
คุณย่าเองก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อาการเจ็บปวดที่กระดูกไขข้อต่างๆลดลงไปไม่น้อย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เจ็บปวดจนแทบไม่อาจจะหายใจได้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงคิดเหมือนคุณปู่ ที่ว่าดื่มชาที่หลานสาวต้มให้เองกับมือ จึงเป็นเหตุให้อาการดีขึ้น
ทั้งสองผู้เฒ่าแบ่งปัน ปู่จอกหนึ่ง ย่าจอกหนึ่ง ผลัดกันดื่มจนชาหมดไปทั้งโถเคลือบนั่น และยังรู้สึกได้ชัดถึงความมีชีวิตชีวา แม้แต่คำพูดน้ำเสียงที่เปล่งออกมายังดีขึ้นมาก พยาบาลที่คอยดูแลสองผู้เฒ่าอยู่ประจำต่างนึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ทุกคนต่างคิดตรงกัน ว่าอาการของสองผู้เฒ่าดีขึ้นเป็นเพราะความกตัญญูของเหมยเหมย เมื่อกำลังใจดีร่างกายก็ดีขึ้นตามธรรมชาติ
“คุณปู่คุณย่าคะ ชาที่หนูต้มรสชาติดีใช่ไหม พรุ่งนี้หนูจะต้มให้ทั้งสองคนอีกนะคะ !”
เหมยเหมยยิ้มอย่างหวานเยิ้ม ดื่มต่ออีกแค่สองวัน ร่างกายของสองผู้เฒ่าก็จะดีขึ้นเอง ในปีต่อ ๆ ไป หากอยากมีอายุสั้นลงคงเป็นการยากเสียแล้ว !
“รสชาติดีมาก ชาที่เหมยเหมยต้มคือชาอะไรรึ ? ทำไมปู่ดื่มแล้วรู้สึกไม่เหมือนกับชาที่บ้านเลย !” คุณปู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เป็นชาที่หนูเก็บมาจากบนเขาค่ะ หนูคิดว่าชาต้นนั้นต้องมีฤทธิ์แน่ คุณปู่คุณย่าดื่มชาพวกนี้เข้าไป ร่างกายต้องดีขึ้นแน่นอน”
เหมยเหมยพูดไปพร้อมกับเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเอาใบชาส่งให้กับคุณปู่ดู ใบชาเขียวสดราวมรกตวางอยู่บนฝ่ามือขาวๆของหลานสาว ช่างน่ามองยิ่งนัก
…………………………………………………….
[1] หมายถึงการกตัญญูรู้คุณต่อบุพการี ยุควสันตสารทมีชายแก่วัย70ปีผู้มีความกตัญญู เขาต้องการให้เหย้าหยอกให้บิดามารดายิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข จึงได้สวมใส่เสื้อผ้าหลากหลายสีสันด้วยวัยที่ไม่เหมาะสมนัก
[2] หรือเรียกตั่วอั่งเพ้า มีถิ่นกำเนิดมาจากภูเขาอู่ซาน มณฑลฮกเกี๊ยน งอกเงยขึ้นตามผาชันราบเรียบที่มีเหลี่ยมผายื่นออกมาดุจขวาน