ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 694 ห้ามตัดต้นไม้ + ตอนที่ 695 ต้นพีแคน
ตอนที่ 694 ห้ามตัดต้นไม้
เหยียนหมิงซุ่นพาพวกเขาไปยังภูเขาละแวกใกล้บ้าน บนภูเขาเต็มไปด้วยไร่ชา ต้นพีแคนและต้นไผ่ ทั้งสามอย่างนี้ล้วนเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่และเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวบ้านในพื้นที่
“เราไปขุดหน่อไม้กัน หน่อไม้ชนิดนี้เอาไปต้มน้ำซุปรสชาติดีมาก เหมยเหมยต้องชอบกินแน่ๆ” เหยียนหมิงซุ่นเอาจอบติดตัวมาด้วยเพราะตั้งใจจะไปขุดหน่อไม้บนภูเขา
“ฤดูร้อนแล้วยังมีหน่อไม้ให้ขุดอีกเหรอ?” เหมยเหมยสงสัย แม้เธอไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ชนบท แต่รู้ว่าสี่ฤดูในหนึ่งปีมีเพียงฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิที่มีหน่อไม้
หน่อไม้ฤดูหนาว หน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิ ไผ่บงหวาน ไผ่รวกเป็นต้น ไม่ว่าจะสดใหม่หรือตากแห้งล้วนเป็นอาหารรสเลิศทั้งนั้น แต่หน่อไม้ฤดูร้อนเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “มีสิ แค่ปริมาณไม่มาก ส่วนใหญ่ชาวบ้านเอาไว้ขุดมากินเองที่บ้านไม่เอาไปขาย คนในเมืองเลยไม่รู้ว่าหน่อฤดูร้อนอร่อยที่สุด”
เหมยเหมยได้ยินแล้วคันยุบยิบในใจ รีบเร่งเร้าให้เหยียนหมิงซุ่นขุด เธออยากทานแทบอดใจไม่ไหวแล้ว
เหยียนหมิงซุ่นหาต้นไผ่ของบ้านโม่เจอก็เริ่มใช้จอบขุดลงไป ไม่นานเขาก็ขุดเจอหน่อไม้ต้นงามอย่างที่คาดไว้ ลักษณะเรียวยาวไม่เหมือนหน่อไม้ แต่กลับเหมือนหวายมากกว่า แถมท่อนล่างยังแข็งเป็นหินราวกับฟืน
“แก่ขนาดนี้จะกินยังไงเนี่ย?” เหมยเหมยเอะใจ นี่เคี้ยวแทบไม่ไหวเลยนี่นา!
เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปที่หัวต้นหน่อพลางกล่าว “ต้นหน่อเอาไว้ผัดกับเนื้อ ส่วนตัวของมันไว้ต้มน้ำซุป ดื่มแค่น้ำซุป”
ฉิวฉิววิ่งพรวดจากไหล่ของเหมยเหมยโดยที่หางฟูสีเขียวพาดอยู่ เป็นฉาฉานี่เอง ไม่รู้ว่าเจ้าสองตัวนี้จะไปเพ่นพ่านที่ไหนอีก
“ฉาฉาอยากแทะใบชา ฉันจะพาเขาไปแก้กระหายสักหน่อย” เสียงฉิวฉิวดังแว่วมา
นับตั้งแต่กลับจากเมืองหลวงเมื่อสองปีก่อนฉิวฉิวก็สลบไปนานถึงเกือบครึ่งเดือน หลังจากฟื้นตัวขึ้นก็กัดเธอไปรอบหนึ่ง จนทำเอาเธอหวาดผวาแทบวิ่งแจ้นไปฉีดยากันบาดทะยัก แต่ไม่นานเธอก็พบว่าเธอเข้าใจสิ่งที่ฉิวฉิวพูด และยังอาศัยกระแสจิตในการสื่อสาร มันช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน
มีฉิวฉิวคอยเป็นล่ามอยู่ เธอจึงสามารถสื่อสารกับฉาฉาได้ สร้างสีสันให้แก่ชีวิตขึ้นมา และรู้ว่าเจ้าสองตัวที่เธอเลี้ยงอยู่นี้ต่างเป็นสัตว์วิเศษที่เก่งกาจอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยเป็นห่วงความปลอดภัยของฉิวฉิวกับฉาฉาขณะอยู่บนภูเขา ปล่อยให้พวกเขาไปตามสบาย
สยงมู่มู่กับอู่เชาพอได้ขึ้นเขาสักหน่อยก็เหมือนได้ปลดปล่อย เห็นอะไรก็รู้สึกแปลกหูแปลกตาไปหมด จับนู่นจับนี่ ถามนู่นถามนี่ไม่หยุด
“ทำไมพวกคุณต้องตัดต้นไม้กันด้วยล่ะ? ต้นไม้พวกนี้สวยจะตาย มันไปทำอะไรให้พวกนายไม่พอใจกันหะ !”
เสียงสยงมู่มู่ดังแว่วมาจากที่ห่างไกลออกไปเหมือนกำลังถกเถียงกับคนอื่น เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วบอกกับเหมยเหมยว่า “เราไปดูกัน!”
สถานที่เกิดเหตุอยู่ไม่ห่างจากที่นี้มาก ซึ่งอยู่ติดกับสวนไผ่ของบ้านโม่ บนภูเขามีแต่ต้นไม้ใหญ่สูงขนาดเจ็ดถึงแปดเมตร บนต้นไม้มีผลไม้สีเขียวประดับอยู่เต็มต้น ชายร่างบึกบึนราวๆ สิบคนกำลังถือเลื่อยและขวานเตรียมตัดต้นไม้
สยงมู่มู่กับอู่เชาสองคนเพื่อนยากคอยขัดขวางคนอื่นโดยกอดต้นไม้คนละต้นแน่นเหมือนแม่ไก่กกลูกไก่ ส่งสายตาเคืองโกรธให้ชาวบ้านเหล่านี้
“พวกเธอเป็นใคร? ฉันตัดต้นไม้บ้านตัวเองเกี่ยวอะไรกับเด็กอย่างพวกเธอ รีบหลีกไปซะ อย่ามาเสียเวลาพวกฉัน!” ชายวัยกลางคนดูท่าทางอายุสี่สิบกว่าปีทำหน้าไม่สบอารมณ์ หากไม่เห็นว่าเด็กสองคนนี้ใส่เสื้อผ้าเนื้อดีผิดปกติเขาคงจับโยนไปทีละคนนานแล้ว
“ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบในการปกป้องรักษาป่า ทำไมถึงไม่เกี่ยวกับเรา? กว่าต้นไม้พวกนี้โตได้ขนาดนี้มันง่ายเหรอ? พวกมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน พวกคุณทำใจฆ่าพวกเขาได้เหรอ?”
เจ้าอ้วนยืดคอตรงตวาดกลับ เขาเกลียดคนที่ชอบตัดต้นไม้เด็ดดอกไม้พวกนี้ที่สุด ทุกสรรพสิ่งล้วนมีชีวิต จะดีแค่ไหนถ้าให้พวกมันเติบโตอย่างมีความสุข ทำไมถึงต้องลิดรอนสิทธิ์ในการมีชีวิตของพวกมันไปล่ะ!
………………….
ตอนที่ 695 ต้นพีแคน
เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าไปแล้วตะโกนถาม “พี่ป๋อเฉียง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
ชายวัยกลางผู้นี้เองก็สกุลโม่เช่นกันและนับว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องญาติห่างๆ ของเหยียนหมิงซุ่น สกุลโม่เป็นนามสกุลคนส่วนมากในหมู่บ้านแห่งนี้ ชื่อหมู่บ้านเองก็มีชื่อว่าหมู่บ้านโม่ ชาวบ้านกว่าร้อยละแปดสิบถึงเก้าสิบมีสกุลโม่เหมือนกันหมด ส่วนที่เหลือคือสกุลอื่นที่ส่วนใหญ่หนีอพยพมาเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งมีสถานะต่ำต้อยกว่าคนในหมู่บ้านจึงต้องคอยระมัดระวังตนอยู่บ่อยครั้ง
กลุ่มชายวัยกลางคนเห็นเหมยเหมยในชุดกางเกงเอี๊ยมยีนส์คู่กับเสื้อเชิ้ตขาวและรองเท้าผ้าใบสีขาวแววตาก็พลันเป็นประกายชั่วขณะ อาการหงุดหงิดหัวร้อนคลายลงไม่น้อย เด็กสาวทั้งหน้าตาสวยและสดใส แค่ได้เห็นก็ถือเป็นอาหารตาชั้นยอด
“ไม่รู้ว่าแขกของบ้านไหนหาว่าเราใจร้าย หมิงซุ่นดูสิ พวกเขาทำอย่างนี้จะให้ฉันตัดต้นไม้ได้อย่างไร ถ้ามัวแต่ชักช้างานวันนี้ก็สูญเปล่าสิ”
โม่ป๋อเฉียงพูดกระแทกเสียงด้วยความโมโห คนกลุ่มนี้เป็นคนที่เขาเรียกให้มาช่วยงานทั้งนั้น แม้ไม่ต้องให้เงินค่าจ้างแต่ต้องเลี้ยงอาหารกลางวันและอาหารเย็น ไหนจะติดหนี้บุญคุณ หากวันนี้ทำงานไม่เสร็จพรุ่งนี้เขาต้องเรียกคนกลุ่มนี้มาช่วยอีก ตอนนี้ทุกคนงานยุ่งจะตายไป ใครจะไปมีเวลาว่างมากมายมาช่วยเขาตัดต้นไม้กันเล่า
สยงมู่มู่พูดเสียงดัง “เหยียนหมิงซุ่น ห้ามให้พวกเขาตัดต้นไม้นะ ต้นไม้พวกนี้โตยาก ทำไมต้องฆ่าพวกมัน?”
“ใช่ ถ้าจะตัดต้นไม้ก็ต้องข้ามศพพวกเราไปก่อน ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางหลบแน่!”
เจ้าอ้วนน้อยเสยหน้าขึ้นมาทำท่าเหมือนยินดีจะจบชีวิตพร้อมกัน กลุ่มคนโม่ป๋อเฉียงได้ยินแล้วมึนไปชั่วขณะ แค่ตัดต้นไม้เท่านั้นเอง เด็กสองคนนี้สมองถูกกระทบกระเทือนมาหรือไงกัน ?
โม่ป๋อเฉียงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “หมิงซุ่น พวกเขาคือแขกบ้านของเธองั้นเหรอ เธอรีบพาพวกเขากลับบ้านไปซะ อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาเลย !”
“ไม่กลับ เราจะปกป้องต้นไม้!” สยงมู่มู่กับอู่เชาตอบเป็นเสียงเดียวกัน
เหมยเหมยเองก็รู้สึกเสียดายต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ โตได้ขนาดนี้สงสัยต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี มันไม่ง่ายเลยจริงๆ จู่ ๆ จะตัดก็ตัดเลย ไม่มีใครเสียดายบ้างหรืออย่างไรกัน !
อีกอย่างเธอรู้จักต้นไม้พวกนี้ เป็นต้นพีแคนอันโด่งดังนั่นเอง ทั้งยังออกดอกแล้วด้วย รออีกไม่กี่เดือนก็มีผลผลิตออกมาแล้ว หากตัดแต่ตอนนี้คงไม่คุ้มมั้ง!
“ต้นพีแคนใกล้ออกผลแล้ว ทำไมพวกลุงต้องตัดทิ้งด้วยคะ?” เหมยเหมยถาม
โม่ป๋อเฉียงยิ้มอย่างขมขื่นถอนหายใจพลางพูดขึ้นว่า “เก็บเกี่ยวผลแล้วมีประโยชน์อะไร ขายก็ไม่ออก เก็บไว้ที่บ้านจนเน่าก็ไม่มีใครเอา ต้นไม้พวกเป็นได้แค่ฟืนไว้ใช้ สู้ตัดไปแล้วปลูกต้นหม่อนยังดีกว่า ตอนนี้ไหมขายดี คนต่างชาติชอบ ขายได้ราคาดี”
เหมยเหมยก็เริ่มฉุกคิดได้ว่าชาติที่แล้วของว่างประเภทที่ทำจากพีแคนราคาแพง แต่นั่นก็เป็นเรื่องปลายยุคเก้าศูนย์แล้ว เหมือนลูกจันทร์เทศที่ยุคแปดศูนย์นั้นเป็นที่นิยม ขายไม่ได้ราคาเป็นเรื่องปกติ
มิน่าโม่ป๋อเฉียงถึงจะตัดต้นไม้พวกนี้ทิ้ง ในสายตาของชาวบ้านต้นไม้ที่เปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ก็มีค่าเท่ากับฟืน ไม่ตัดทิ้งมาใช้เป็นฟืนแล้วจะใช้ประโยชน์อะไรได้อีก?
ปัญหาคือต่อให้ผ่านไปอีกเจ็ดถึงแปดปีต้นพีแคนกับต้นหม่อนจะราคาตกเพราะคนปลูกมีมากเกินไป ทำให้ใบหม่อนล้นตลาดเลยขายไม่ได้ราคาดี เมื่อนั้นกลุ่มชาวบ้านที่แห่กันไปปลูกต้นหม่อนต่างก็ขาดทุนกลับมา กลับเป็นต้นพีแคนที่เริ่มมีแนวโน้มไปในทางที่ดี ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
เหมยเหมยจำได้ว่าชาติที่แล้วมีครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ชั้นล่างบ้านเธอ เนื่องด้วยที่บ้านปลูกต้นพีแคนไว้หลายสิบต้น จึงมีเงินเข้าบัญชีนับแสนสองแสนทุกปี จนได้ซื้อบ้านที่เมืองจิน ชีวิตดีอย่าบอกใครเชียว!
“คุณลุงฟังหนูนะ อนาคตต้นพีแคนจะสร้างรายได้ให้ลุง ถ้าลุงตัดมันตอนนี้ อนาคตลุงต้องเสียใจแน่ๆ!” เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อม
โม่ป๋อเฉียงระเบิดเสียงหัวเราะ ไม่เชื่อคำพูดของเหมยเหมยแต่อย่างใด เด็กสาวในเมืองจะไปรู้เรื่องอะไร เธอก็พวกเดียวกับเด็กหนุ่มสองคนนั้นแหละ จงใจโกหกไม่ให้เขาตัดต้นไม้อยู่ต่างหาก!
…………………