ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 722 หนูซื้อโทรทัศน์ให้อีกเครื่อง + ตอนที่ 723 ฉันให้เงินหนึ่งหมื่นหยวน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 722 หนูซื้อโทรทัศน์ให้อีกเครื่อง + ตอนที่ 723 ฉันให้เงินหนึ่งหมื่นหยวน
ตอนที่ 722 หนูซื้อโทรทัศน์ให้อีกเครื่อง
หลานสาวช่วยพูดอีกเสียง ท่านปู่จ้าวดูจะได้ใจเสียเหลือเกิน เชิดหน้ามองคุณหญิงย่าอย่างได้ใจ
คุณหญิงย่าไม่พอใจกับการแปรพรรคของเหมยเหมยอย่างมาก กระชากเธอมาแล้วพูดโน้มน้าวว่า “เหมยเหมยอย่าไปฟังคุณปู่พูดเหลวไหล หลานดูสิว่าคุณลุงคุณน้าในนี้น่าสงสารขนาดไหน รักกันขนาดนั้นแต่กลับถูกคนร้ายพรากจากกันไปตั้งหลายปี ไหนจะทำให้ลูกสาวต้องแยกจากคุณพ่ออีก หลานไม่เห็นใจพวกเขาเหรอ?”
เหมยเหมยส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น “ไม่เห็นใจเลยสักนิด หนูเห็นใจภรรยาของเหอมู่เทียนมากกว่า”
ยุคนี้เป็นยุคที่ละครของนักเขียนท่านหนึ่งได้รับความนิยมสูงสุด อีกทั้งล้วนเป็นหนังสือที่เธอแต่งในช่วงแรก จึงเห็นได้ชัดว่าทัศนคติค่อนข้างบิดเบี้ยว ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นตัวร้าย ส่วนชู้ดันเป็นบุคคลที่น่าสงสาร พระเอกกับชู้ต้องเป็นรักแท้และได้รับคำยินดีจากคนรอบข้าง ทั้งตำหนิกล่าวโทษภรรยาที่ไม่ควรพรากรักแท้ออกจากกัน
บอกได้แค่ว่านักเขียนท่านนี้มีความสามารถด้านการแต่งนิยายอย่างมาก ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมอย่างล้นหลาม บวกกับพระเอกละครหน้าตาหล่อเหลา นางเอกละครหน้าตาสวยงาม ทัศนคติที่ว่าอะไรนั่นก็ถูกโยนทิ้งไป!
ยิ่งไปกว่านั้นคนติดตามละครส่วนมากคือผู้หญิง ผู้หญิงเป็นสัตว์ที่อ่อนไหวที่สุดเฉกเช่นเดียวกับคุณหญิงย่า หลงใหลฉินฮั่นเสียจนลืมตัว วันๆ ทำตัวเหมือนสาววัยแรกแย้มอยู่นั่น พอถึงเวลาก็รีบมาเฝ้าโทรทัศน์และไล่ตามจับจ้องฉินฮั่นหรือไม่แม้แต่กะพริบตาเลยสักครั้ง
มิน่าท่านปู้จ้าวถึงต้องทะเลาะกับคุณหญิงย่าทุกวี่วัน!
คงกำลังหึงอยู่ล่ะสิ!
ท่านปู้จ้าวได้ยินถ้อยคำของหลานสาวก็รู้สึกปลื้มใจ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “หลานสาวของฉันแยกแยะได้ดีจริงๆ ไม่เหมือนยายแก่ตาบอดบางคน ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี วันๆ เอาแต่ดูคู่ชายโฉดหญิงชั่ว!”
เหมยเหมยเห็นท่าคุณหญิงย่ากำลังจะอาละวาดอีกครั้ง รีบอธิบายเหตุผลที่ตนไม่ชอบทันที “คุณย่าคะ คุณย่าลองคิดดูสิ ถ้าเปลี่ยนเหอมู่เทียนคนนี้เป็นพ่อของหนูแล้วเปลี่ยนภรรยาเหอเป็นแม่ของหนู มีผู้หญิงอย่างหลี่เมิ่งจู๋มาตามตอแยพ่อของหนู ย่าจะทำยังไง?”
คุณหญิงย่าทำหน้าโหดทันที พูดเสียงดุดัน “ถ้าพ่อของหลานกล้านอกลู่นอกทาง ย่าจะตัดขามันทิ้ง!”
เหมยเหมยลอบถอนหายใจโล่งอก คุณย่าตนยังคงไว้ซึ่งทัศนคติที่ถูกต้องอยู่ เพียงแต่บทละครมันเย้ายวนเกินไป ไม่เป็นไร!
คุณหญิงย่าไม่รอให้เหมยเหมยเอ่ยปากก็รู้ตัวทันทีว่าความคิดตนกำลังขัดแย้งกัน กระแอมไอแก้เก้อหลายทีพลางชี้ไปที่ฉินฮั่นในจอว่า “ย่าก็แค่เห็นว่าพ่อหนุ่มที่แสดงเป็นเหอมู่เทียนหน้าตาดี ดูนั่นสิ หล่อตั้งแต่หัวจรดเท้า โอ๊ย เหมยเหมยดูตอนที่เขาใส่เสื้อโค้ทสิ ย่าไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนใส่เสื้อโค้ทแล้วดูดีเท่าเขามาก่อน!”
ท่านปู้จ้าวหน้าถมึงทึงขึ้นมากกว่าเดิม อดพูดกระแนะกระแหนไม่ได้ “ลองให้มันใส่ชุดทหารดูสิ? เนื้อหนังเนียนละเอียดอย่างกับผู้หญิง!”
เหมยเหมยรีบตอบทันควัน “จะใส่ชุดทหารก็ต้องเป็นอย่างคุณปู่ของหนู ดูดีน่าเกรงขาม ไม่มีใครใส่แล้วน่าเกรงขามเท่าคุณปู่แล้ว!”
ท่านปู้จ้าวสีหน้าดูดีขึ้นถนัดตาและคิดว่าหลานสาวสายตาหลักแหลมใช้ได้ ไม่เหมือนยายแก่ หน้ามืดตามัว ตาบอดไปแล้วล่ะมั้ง!
คุณหญิงย่ายังไม่หยุดชื่นชมความหล่อของฉินฮั่น แน่นอนว่าพระเอกละครของนักเขียนท่านนี้หน้าตาหล่อจริงๆ แต่เหมยเหมยกลับคิดว่า–
“คุณย่าคะ เฉยๆ แหละ ไม่หล่อเท่าพี่หมิงซุ่นด้วยซ้ำ!”
เหมยเหมยพูดจี้ใจคุณหญิงย่าได้สำเร็จ เชิดปลายคางขึ้นอย่างได้ใจ คร้านจะดูละครน้ำเน่าเสียแล้วจึงลุกขึ้นไปหาจ้าวเสวียเอ๋อร์ พร้อมทั้งบอกกับท่านปู้จ้าวว่า “คุณปู่คะ พรุ่งนี้หนูจะซื้อทีวีเครื่องใหม่ให้ คุณปู่อยากดูอะไรก็ดูได้เลย จะได้ไม่ต้องคอยแย่งกับคุณย่าแล้ว!”
ว่าแล้วเธอก็ไขว้มือไว้ด้านหลังพลางเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างสบายใจ ทิ้งคนแก่ทั้งสองเบิกตาอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น
………………………
ตอนที่ 723 ฉันให้เงินหนึ่งหมื่นหยวน
คุณหญิงย่ากระทุ้งศอกใส่ท่านปู่จ้าวที่ยังไม่ได้สติ “เหมยเหมยเมื่อกี้บอกว่าจะซื้ออะไรนะ?”
สยงมู่มู่ที่กำลังเล่นหมากรุกกับอู่เชาอยู่ตะโกนแทรกเข้ามา “ซื้อทีวี เหมยเหมยบอกว่าเธอจะซื้อทีวีให้คุณตาอีกเครื่อง!”
“เธอเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ? ทีวีเครื่องหนึ่งตั้งหลายร้อยหยวนแหนะ!” คุณหญิงย่าถามขึ้นตามสัญชาตญาณ
สยงมู่มู่กลอกตาไปมาแล้ววิ่งมากระซิบข้างหูคุณหญิงย่า “คุณยาย เหมยเหมยรวยมากเลยล่ะ อย่าว่าแต่ทีวีเครื่องเดียว ถึงจะซื้อสองเครื่องก็ไม่มีปัญหาหรอก หรือว่าคุณยายจะให้เหมยเหมยซื้อสองเครื่องดีล่ะ?”
หนึ่งเครื่องไว้ที่ห้องเขา แบบนี้เขากับเจ้าอ้วนก็จะได้ดูการ์ตูนทุกวันแล้ว จะได้ไม่ต้องคอยแย่งกับคุณหญิงย่าให้เปลืองแรง อึดอัดใจชะมัด!
“ซื้อมาเยอะทำไม? ไม่เกี่ยวกับแก อยู่เฉยๆ ไป!”
คุณหญิงย่าถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งแล้วพลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนลูกสะใภ้คนเล็กเคยพูดให้เธอฟังครั้งหนึ่ง คล้ายว่าหลานสาวเป็นคนหาเงินเก่ง ตอนนั้นเธอคิดว่าลูกสะใภ้คงหมายถึงเงินจำนวนเล็กน้อยจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนนี้ดูท่าทางหลานสาวเธอจะหาเงินได้ก้อนใหญ่เชียว!
สมแล้วที่เป็นหลานสาวของเธอซ่างกวนจินเยี่ยน หากเมื่อนั้นเธอไม่ได้เข้าร่วมการปฏิวัติ ตอนนี้อาจจะได้สืบทอดร้านขายของชำของบิดาจนกิจการขายดีเป็นเทน้ำเทท่า!
เธอฉุกคิดอีกเรื่องได้จึงรีบหันไปเรียกสยงมู่มู่ที่ทำหน้าเศร้าสร้อยเหมือนลูกหมามาถามว่า “ช่วงนี้เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นอะไรนั่นเป็นยังไงบ้าง?”
“จะยังไงได้อีก สองคนนั้นดีกันจะตาย สองวันก่อนเรายังไปเที่ยวที่บ้านคุณยายของเหยียนหมิงซุ่นด้วย ของฝากกลับมาคราวนี้ก็ได้คุณยายของเหยียนหมิงซุ่นเตรียมให้ทั้งนั้น” สยงมู่มู่พูดตามความจริง
คุณหญิงย่าครุ่นคิด โบกมือไล่สยงมู่มู่เหมือนลูกหมาอีกครั้ง
สยงมู่มู่เดินห่อไหล่กลับไปเล่นหมากรุกกับเจ้าอ้วนต่อ คุณยายก็เป็นแบบนี้เสียทุกครั้ง บทจะเรียกก็เรียกบทจะไล่ก็ไล่ เห็นเขาเป็นลูกหมาหรือไงกัน?
คุณหญิงย่าไม่มีกะจิตกะใจดูคนหล่ออีกต่อไป กระซิบกระซาบกับท่านปู่จ้าว “นี่คุณ เหมยเหมยของเรากำลังคบกับพ่อหนุ่มชื่อเหยียนหมิงซุ่นอะไรนั่นอยู่หรือเปล่า?”
“พูดบ้าอะไร? เหมยเหมยเพิ่งอายุเท่าไหร่เองจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง ผมว่าคุณเป็นบ้าเพราะละครผิดศีลธรรมพวกนี้ไปแล้ว วันๆ เอาแต่คิดเรื่องเหลวไหล ไม่ต้องดูมันแล้ว!”
ท่านปู่จ้าวตวาดใส่อีกระลอก เดินตึงตังไปหน้าโทรทัศน์แล้วกดเปลี่ยนช่องหลายทีจนหาช่องละครสงครามสุดโปรดของเขาได้ในที่สุด แล้วเริ่มนั่งดูอย่างออกรส
คุณหญิงย่ากลับยังคงเหม่อลอยไม่รู้ตัวสักนิด เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลานสาวกับเหยียนหมิงซุ่นต้องไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นลักษณะนิสัยอย่างไร เมื่อไรถึงจะมาให้คนแก่อย่างเธอเห็นหน้าค่าตาสักที!
จ้าวเสวียเอ๋อร์พักอยู่ชั้นสองที่เวลานี้กำลังปรึกษาเรื่องเปิดร้านกับเหล่าพี่น้องจ้าวเสวียหลิน ถือเครื่องคิดเลขคิดแล้วคิดอีก ยอดเงินที่คิดออกมาได้ทำเอาทุกคนหน้าสลดลงทันที
“พี่สาม ตั้งหนึ่งหมื่นแหนะ เราจะไปหาเงินมาจากไหนเยอะแยะ?” จ้าวเสวียกงถามด้วยท่าทีเกินจริง
จ้าวเสวียไห่เองก็อดพยักหน้าตามไม่ได้ เงินหนึ่งหมื่นสำหรับเขาแล้วเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งเขาไม่แม้แต่จะกล้าคิด ช่างน่าสงสาร เงินค่าขนมของเขาตลอดทั้งปีก็แค่เกือบร้อยเดียวเท่านั้นเอง!
“ไอ้ขี้ขลาดตาขาว เงินหมื่นเดียวเอง แค่ร้านอาหารของฉันเปิดบริการ เงินแสนก็ไม่ใช่ปัญหา” จ้าวเสวียเอ๋อร์ทำท่าเหยียดใส่สองพี่น้องตนที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
จ้าวเสวียไห่ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “แม้แต่เงินหมื่นเดียวพี่ยังไม่มีด้วยซ้ำ จะเปิดร้านอาหารได้ยังไง หาเงินสักหยวนยังทำไม่ได้เลย!”
จ้าวเสวียเอ๋อร์เหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะลมในชั่วขณะ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างโศกเศร้าพร้อมทำหน้ากลัดกลุ้ม
“ถ้าใครให้เงินฉันหนึ่งหมื่นตอนนี้ ฉันจะแบ่งกำไรร้อยละสามสิบให้เลย” จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดเสียงพึมพำ
“พี่สาม ฉันให้พี่หนึ่งหมื่น!”
เหมยเหมยผลักประตูเข้ามา ยิ้มตาหยีมองพี่ชายจอมบื้อทั้งสี่คนที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
……………………………