ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 738 ป่วยทีก็เหมือนภูเขาทรุด + ตอนที่ 739 ขยะทั้งนั้น
ตอนที่ 738 ป่วยทีก็เหมือนภูเขาทรุด
วันที่สองเหมยเหมยไม่ได้ไปเดินซื้อของกับเซียวเซ่อตามที่นัดไว้ เพราะสยงมู่มู่เป็นหวัด หลังกลับจากบ้านตระกูลเซียวยังปกติดีทุกอย่าง ทานข้าวเย็นไปชามโต แทะเนื้อซี่โครงไปสามชิ้นใหญ่ ดึกดื่นกลับไข้ขึ้นเสียได้ เจ้าอ้วนน้อยที่นอนห้องเดียวกับเขาสังเกตถึงความผิดปกติถึงไปปลุกเหมยเหมยมา
เจ้าสยงมู่มู่พอป่วยทีก็ทำเอาตกใจกันแทบตาย ไข้ขึ้นสูงสามสิบเก้าองศาครึ่ง คออักเสบจนพูดไม่ได้และใบหน้าแดงก่ำเหมือนถูกต้มมาจนสุก
เหมยเหมยแอบรู้สึกผิดลึกๆ เมื่อนั้นเธอควรรีบห้ามทัพให้เร็วกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้สยงมู่มู่ทะเลาะกับเซียวเซ่อ แต่เธอคิดไม่ถึงว่าร่างกายหมอนี่จะใช้ไม่ได้ขนาดนี้นี่นา!
คุณหมอประจำของท่านปู่จ้าวมาฉีดยาให้สยงมู่มู่แต่เช้า ไข้ลดแล้ว แต่มีอาการไอตามมาไม่หยุดราวกับกล่องสูบลม ทำเอาทุกคนที่ได้ยินรู้สึกแย่ไปตามๆ กัน
เหมยเหมยโทรหาเซียวเซ่อเลื่อนนัดวันนี้ออกไป เธอต้องอยู่ดูแลสยงมู่มู่ที่บ้าน คุณหญิงย่าอายุมากแล้วจะให้ท่านเหนื่อยไม่ได้
“สยงมู่มู่รีบลุกมากินโจ๊กเร็ว!”
โจ๊กเป็นเพียงโจ๊กขาวใส่เครื่องปรุง น่าจะมีส่วนช่วยให้สยงมู่มู่หายเร็วขึ้น เพียงแต่โรคปอดชื้นติดตามเขามาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำได้แค่ค่อยๆ ปรับกันไป หวังว่าอนาคตโตขึ้นจะหายเป็นปกติ
“ไม่อยากกิน ฉันจะนอน”
สยงมู่มู่ปวดหัวแทบแย่ รู้สึกขมไปทั้งปาก แล้วจะมีความอยากอาหารเสียที่ไหนกัน แค่อยากนอนเท่านั้น
“นอนอะไรเล่า พี่สี่กับเสี่ยวเชาจับตัวเขาไว้ พี่ห้าจับเขาอ้าปาก!”
เหมยเหมยไม่มีทางใจอ่อนปรานีเหมือนคนตระกูลจ้าว เมื่อก่อนพอสยงมู่มู่ป่วยก็เรื่องมากไม่กินอันนั้นไม่กินอันนี้ คนตระกูลจ้าวรักเขาเลยปล่อยเลยตามเลย จากอาการป่วยที่ไม่หนักหนาเท่าไหร่ก็ลามจนใหญ่โต
เธอไม่ได้เป็นคนคุยยาก ไม่ทานข้าวจะเอาแรงที่ไหนมาสู้กับเชื้อไวรัส ตรงกันข้ามมีแต่จะทำให้ร่างกายย่ำแย่ เธอให้จ้าวเสวียไห่และทั้งสามคนกดตัวสยงมู่มู่ไว้แล้วตักโจ๊กอุ่นๆ ป้อนไปทีละช้อนๆ เสมือนคนขายเป็ดที่กำลังกรอกทรายใส่ปากเป็ด
ไม่นานโจ๊กก็หมดถ้วย สยงมู่มู่เองก็โดนทรมานจนเหงื่อซึมทั่วตัวและดูมีเรี่ยวมีแรงขึ้นไม่น้อย
“จ้าวเหมยเธอรอดูเถอะ รอดูว่าฉันหายแล้วจะสั่งสอนยายบ้าอย่างเธอยังไง!” สยงมู่มู่โกรธจนตะเบ็งเสียงแหบด่ากราด
เหมยเหมยแค่นเสียงในลำคอ มีแรงด่าคนได้บ่งบอกว่าคงไม่ได้ป่วยหนักแล้ว ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลอีก!
เธอใส่ยานอนหลับในโจ๊กด้วย สยงมู่มู่โวยวายอยู่ไม่กี่ประโยคก็สลบเหมือดไปในเวลาไม่นาน ใบหน้าโทรมจากอาการป่วยทำเอาคนที่เห็นเกิดรู้สึกสงสารขึ้นมา
ตอนบ่ายเซียวเซ่อเอาผลไม้มาเยี่ยมเจ้าเด็กสยง อากาศร้อนขนาดนี้อยู่บ้านเล่นกับสัตว์เลี้ยงดีเยกว่า ทำไมต้องวิ่งมาเยี่ยมไอ้คนน่ารำคาญนั่นด้วย ต่อให้เธอไม่อยากแค่ไหนแต่คุณลุงสตีเฟนกับคุณป้าซูซือก็คะยั้นคะยอให้เธอมา ทั้งยังบอกว่าสยงมู่มู่ป่วยเพราะเธอ ไม่มาก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย
ดังนั้นช่วงบ่ายแม่หญิงเซียวถึงปรากฏตัวที่ห้องนั่งเล่นบ้านตระกูลจ้าว แทะแตงโมที่เป็นบรรณาการพิเศษอย่างพึงพอใจ ลืมผู้ป่วยในห้องไปโดยสิ้นเชิง
ไอ้คนน่ารำคาญนั่นยังนอนอยู่ ที่เธอไม่เข้าไปก็เพราะมีมารยาท คุณลุงสตีเฟนหาจุดตำหนิไม่ได้หรอก ทานแตงโมเป็นเรื่องสำคัญกว่า!
“นี่เซ่อเซ่อ พรุ่งนี้พ่อของเธอจัดนิทรรศการศิลปะใช่มั้ย เราไปดูกันเถอะ?”
เหมยเหมยสายตาแหลมคม เพียงแวบเดียวก็เห็นพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ที่อยู่บนโต๊ะทรงเตี้ย เซียวจิ่งหมิงสามตัวอักษรใหญ่เด่นหราอยู่บนกระดาษ พอหยิบมาอ่านอย่างละเอียดก็เป็นข่าวที่คุณเซียวจิ่งหมิงจะจัดนิทรรศการศิลปะครั้งที่สามขึ้น จึงอดไม่ได้ที่เกิดความคิดอยากไปเยี่ยมชมเพื่อการเรียนรู้
เซียวเซ่อแค่นเสียงหัวเราะทำหน้าไม่แยแส “มีอะไรให้น่าดู ขยะทั้งนั้น!”
…………………..
ตอนที่ 739 ขยะทั้งนั้น
ถึงรู้มานานแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเซ่อกับพ่อแม่ไม่ดีเท่าไรนัก แต่ดูจากตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ดี คงถึงขั้นเลวร้ายเลยต่างหาก
เซียวจิ่งหมิงเป็นถึงนักศิลปินชื่อดังระดับโลก แม้สาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากอาจารย์และสถานะในตระกูลชั้นสูงของเขา แต่ฝีมือการวาดของเขาก็ดีมากจริงๆ หากเป็นแค่คนไร้ความสามารถที่ผงาดขึ้นไม่ได้ ต่อให้เธอเป็นเจ้าชายก็ไม่มีวันผงาดขึ้น
แต่ตอนนี้เจ้าเด็กเซียวเซ่อกลับดูแคลนภาพวาดพ่อของตนอย่างไร้ค่า เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นเซียวจิ่งหมิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!
เซียวเซ่อแทะแตงโมหมดสองสามคำก็หมดไปหนึ่งชิ้น พลางหยิบชิ้นใหม่มาแทะต่อ แล้วยังเหยียบซ้ำอีกที “ถ้าเธออยากเรียนรู้ก็ไปดูรูปวาดของคุณปู่ฉันสิ รูปของท่านดีกว่าที่เซียวจิ่งหมิงวาดร้อยเท่า”
ภาพวาดของอาจารย์เซียวเหยี่ยนดีอยู่แล้ว แต่รูปของเขาเป็นสไตล์จีนโบราณนี่นา แตกต่างจากสไตล์การวาดของเซียวจิ่งหมิงที่เป็นสไตล์ตะวันตก ไม่มีส่วนไหนเทียบกันได้เลย!
“เซ่อเซ่อ เธอทะเลาะกับพ่อเธออีกแล้วใช่มั้ย?”
เหมยเหมยเดาสาเหตุได้ทันที เมื่อก่อนต่อให้เซียวเซ่อจะไม่ชอบพ่อตัวเองมากขนาดไหน แต่ตอนอยู่ข้างนอกไม่เคยพูดถึงเซียวจิ่งหมิงในทางที่ไม่ดีเลย วันนี้กลับผิดปกติแบบนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
เซียวเซ่อชะงักมือที่ถือแตงโมชั่วขณะ ตอบกลับทั้งที่ยังไม่เงยหน้า “เปล่า ไม่มีเวลาว่างมาทะเลาะกับเขาหรอก”
เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่โดยไม่พูดอะไรอีก ความจริงเธอเคยเจอเซียวจิ่งหมิงที่บ้านเซียวเซ่อหลายครั้ง สมกับคำที่ล่ำลือว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามดั่งหยก มิน่าตอนนั้นคุณหนูใหญ่เฝิงถึงหลงรักเขาหังปักหัวปลำ กระทั่งตอนนี้ยังพัวพันไม่เลิกตัดกันไม่ขาด
จากมุมของเธอความจริงเซียวจิ่งหมิงรักลูกสาวมาก เพียงแต่ระหว่างนี้ไม่รู้ว่าเกิดความเข้าใจผิดอะไรขึ้นถึงทำให้เซียวเซ่อมีปมใหญ่ในใจต่อพ่อแม่ เจอหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที
แต่เธอรู้สึกได้ว่าเซียวเซ่อไม่ได้เกลียดพ่อแม่หรอก ตรงกันข้ามเด็กผู้หญิงคนนี้สนใจพ่อแม่ไม่น้อยทีเดียว แค่วิธีแสดงออกผิดไปสักหน่อย ทำให้ระยะห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าไม่ถูกกันดั่งน้ำกับไฟอย่างตอนนี้
เซียวเซ่อได้ยินเสียงถอนหายใจของเหมยเหมยเลยเข้าใจผิดว่าเพื่อนเสียใจที่อดไปงานนิทรรศการศิลปะของพ่อเธอ จนอดรู้สึกผิดในใจไม่ได้ กัดฟันกรอด ก่อนจะกล่าวว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปงานนิทรรศการเป็นเพื่อนเธอ แต่บอกไว้ก่อนนะ ดูแค่ชั่วโมงเดียว”
วันต่อมางานนิทรรศการศิลปะเริ่มตั้งแต่แปดโมงเช้าและสิ้นสุดที่บ่ายสามโมง ล้วนเป็นภาพวาดโดยฝีมือเซียวจิ่งหมิงเพียงคนเดียว เป็นงานนิทรรศการของเขาโดยเฉพาะ นับได้ว่าเป็นการปฏิบัติถึงระดับกิตติมาศักดิ์เลยทีเดียว
เหมยเหมยไม่ให้เซียวเซ่อนั่งรถไปแต่ปั่นจักรยานไปเอง แม่หญิงเซียวเซ่อดีทุกอย่างเว้นเสียแต่จุดหนึ่งที่ทำให้เหมยเหมยไม่ชอบใจอย่างมากคือออกจากบ้านต้องนั่งรถ ไม่ยอมปั่นจักรยานหรือนั่งรถเมล์เด็ดขาด ดูก็รู้ว่าเป็นการกระทำของคุณหนูผู้เย่อหยิ่ง
เหมยเหมยกลับตรงกันข้าม ชอบปั่นจักรยานเป็นเองที่สุด อยากไปไหนก็ไป ทั้งยังเป็นการรักษ์โลกและอิสระ เซียวเซ่อเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียวเพราะได้รับผลกระทบจากเธอ เรียนรู้ที่จะปั่นจักรยานเวลาออกนอกบ้านกับเหมยเหมย
พวกเธอปั่นกันคนละคัน เหมยเหมยอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ ดูสวยหวานสดใส ส่วนเซียวเซ่อใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ เสื้อผ้าของเธอแทบทั้งหมดเป็นสีดำล้วน ฤดูร้อนจะแต่งแนวนี้เสียส่วนมาก อีกทั้งเป็นเสื้อยี่ห้อเดียวกันทั้งหมด คนไม่รู้คงคิดว่าเธอไม่เปลี่ยนเสื้อเลยตลอดฤดูร้อน!
“เซ่อเซ่อ ปั่นจักรยานสบายกว่านั่งรถใช่มั้ยล่ะ? อิสระจะตายไป!” เหมยเหมยพูดเสียงดัง
เซียวเซ่อขมวดคิ้วแน่นและดึงหมวกกันแดดลงต่ำ แสงแดดบ้าบอทำเธอเวียนหัว เหมยเหมยคุยโม้จนไม่ลืมหูลืมตา นั่งรถมีแอร์แล้วยังทานไอศกรีมได้อีก สบายกว่าปั่นจักรยานตั้งหลายร้อยเท่า
ก่อนที่เซียวเซ่อจะเป็นลมเพราะแสงแดดไป ในที่สุดพวกเธอก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งหนึ่ง เซียวเซ่อวิ่งไปซื้อน้ำอัดลมแช่เย็นกรอกปากสามขวดรวดถึงจะกลับมามีแรงเหมือนเดิม
…………………….