ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 766 สะกดรอยตาม + ตอนที่ 767 น้ำแกงชั้นเลิศ
บทที่ 766 สะกดรอยตาม
เกสต์เฮ้าส์ห่างจากเขตสวนใหญ่ไม่ไกลนัก แค่นั่งรถเมล์หนึ่งป้ายก็ถึงแล้ว ราคาค่าตั๋วรถห้าเฟินเท่านั้น หากปั่นจักรยานมาก็ประมาณสิบกว่านาที นับว่าใกล้มาก ๆ
เหยียนหมิงซุ่นเตรียมตัวที่จะไปทานข้าวที่ภัตตาคาร คิดอยากจะลองชิมของคาวหวานประจำเมืองหลวง และถือเป็นการไปนั่งรอเจ้าหญิงตัวน้อยของเขา จากนั้นค่อยออกไปเที่ยวพร้อมกัน ริมฝีปากของเหยียนหมิงซุ่นฉีกยิ้มกว้าง แลดูท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย
เขาเจอกับเหมยเหมยตรงหน้าประตูใหญ่ของเกสต์เฮ้าส์ เด็กผู้หญิงผู้งดงามกำลังปั่นจักรยาน ผมยาวสยายพลิ้ว ยิ้มอย่างสดใส น้ำเสียงไพเราะหวานหยดย้อยไปถึงในใจเขา
“พี่หมิงซุ่น ฉันเอาข้าวเช้ามาให้พี่ด้วย ขนมพายเนื้อและเกี๊ยวเนื้อ อร่อยมากๆเลย”
เหมยเหมยแกว่งถุงในมือไปมา ดวงตาโค้งมนเป็นรูปพระจันทร์ ใบหน้าที่ได้รูปขาวผ่องอมชมพู งดงามเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์แรกแย้มทางภาคอีสาน ใครได้เห็นก็ต่างอารมณ์ดี เผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
รอยยิ้มบนมุมปากของเหยียนหมิงซุ่นชัดมากกว่าเดิม เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มไปพร้อมทั้งดวงตา ยิ้มออกมาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว รังสีความอบอุ่นบนร่างกายนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เขาสั่งโจ๊กผักในภัตตาคารมาหนึ่งชาม เหมยเหมยก็เอาขนมพายเนื้อและเกี๊ยวเนื้อที่เป็นมื้อเช้ามาให้แล้ว เหมยเหมยเท้าคางมองด้วยดวงตาเป็นประกาย จ้องเหยียนหมิงซุ่นที่นั่งทานมื้อเช้าอยู่ตรงหน้า รู้สึกเพียงว่าบรรยากาศโดยรอบนั้นหวานไปเสียหมด
เหยียนหมิงซุ่นที่ถูกสายตาร้อนรุ่มของสาวน้อยตรงหน้าจ้องมอง จนทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง พลันหยุดตะเกียบในมือครู่หนึ่ง แล้วก็คีบเอาเกี๊ยวชิ้นหนึ่งป้อนเข้าปากของสาวน้อย เหมยเหมยอ้าปากรับตามสัญชาตญาณ
ทั้งทั้งที่เป็นเกี๊ยวเหมือนกัน แต่อันที่เหยียนหมิงซุ่นป้อนให้เธอนั้นอร่อยกว่าเป็นพิเศษ เธอเคี้ยวตุ้ยๆและยิ้มตาหยี พลางบอกให้เหยียนหมิงซุ่นทานต่อ
“หนูกินอิ่มมาจากที่บ้านแล้ว พี่หมิงซุ่นรีบกินเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักหนูจะพาพี่ไปเดินเล่นซื้อของ”
“อืม!”
เหยียนหมิงซุ่นทานข้าวเช้าด้วยความเชื่องช้า ปรายหางตามองโดยไม่ให้รู้ตัว แล้วก็รีบหลุบตาลง ทำราวกับมองไม่เห็น
อีกมุมของภัตตาคารมีหัวของคนไม่กี่คนกำลังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ตรงนั้น เป็นพวกจ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆ เหมยเหมยเพิ่งออกจากบ้านได้ไม่เท่าไหร่ จ้าวเสวียหลินที่ไม่วางใจจึงตามออกมาด้วย ยังมีจ้าวเสวียกง จ้าวเสวียไห่และสยงมู่มู่ที่เดินตามออกมาด้วย ดูท่าคงสนุกไม่เบา
“เจ้าเด็กนั่นดูท่าจะเห็นพวกเราแล้ว เขามองทางเราอยู่ครั้งหนึ่ง” จ้าวเสวียกงพูด
“เจ้าเด็กนี่ถือว่าตื่นตัวเร็ว แต่ลักษณะท่าทางอย่างกับหมา” ความประทับใจที่จ้าวเสวียไห่มีต่อเหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยจะดีนัก เขาคิดเพียงว่าหน้าตาดีเกินไป ผู้ชายที่หน้าตาดี มักไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่
ลูกผู้ชายควรเป็นเหมือนกับเขา ต้องรูปร่างสูงใหญ่อ้วนท่วมแลดูแข็งแกร่ง นั่นถึงจะทำให้พวกผู้หญิงรู้สึกอุ่นใจได้!
จ้าวเสวียหลินกัดฟันกรอด สายตาจับจ้องไปที่มือของเหยียนหมิงซุ่น ไอ้พวกหน้าหม้อมันกล้าที่จะป้อนเกี๊ยวให้น้องสาวเขางั้นหรือ?
มันน่าตัดเอามือนั้นทิ้งไปเสีย!
เหยียนหมิงซุ่นทานมื้อเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นลากเหมยเหมยไปที่ห้องของเขา จ้าวเสวียหลินยิ่งกัดฟันดังกรอด สายตาจับจ้องไปที่มือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างอาฆาต พุ่งตัวออกไปอย่างไม่ยั้งคิด
จ้าวเสวียกงรีบรั้งเขาไว้ “นายจะทำอะไร? เข้าไปแบบนี้มีหวังเหมยเหมยต้องโมโหใส่พวกเราแน่ อารมณ์โมโหของเจ้าเด็กแสบนั่นไม่ใช่เล่นๆ เมื่อวานเธอโมโหคุณย่าไปไม่เห็นหรือไง?”
จ้าวเสวียหลินคิดไปคิดมานั่นก็ใช่ จึงทำได้เพียงถอยหลังกลับ พวกเขาทำตัวเหมือนเป็นหัวขโมย ย่องๆ มองๆ เดินตามหลังเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นไป
“พี่หมิงซุ่น เมื่อวานนี้ฉันทำตามที่พี่บอกแล้ว แต่คุณย่าของฉันไม่เข้าใจอะไรเลย น่าโมโหเป็นที่สุด” เหมยเหมยเปิดปากฟ้องเหยียนหมิงซุ่น คิดอยากได้คำปลอบโยน จนถึงตอนนี้เธอยังคงรู้สึกน้อยใจไม่หาย!
จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังได้แต่เบะปากใส่ ไม่แปลกเลยที่จู่ๆน้องสาวตนจะปะทุอารมณ์ขึ้นมา ที่แท้เป็นเพราะเจ้าหมอนี่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง!
ไม่นานก็เดินมาถึงห้องของเหยียนหมิงซุ่น เขาเปิดประตูห้องแล้วพาเหมยเหมยเข้าไปด้านใน กระตุกยิ้มมองพวกคนด้านหลังที่แอบวิ่งไปหาที่ซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว แล้วปิดประตูใส่อย่างไม่แยแส
……………………………………
ตอนที่ 767 น้ำแกงชั้นเลิศ
ตอนนี้เป็นเวลาส่วนตัวของเขากับเหมยเหมย คนที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาอย่าเข้ามายุ่ง ไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนพวกเขาทั้งนั้น
พอเข้าไปในห้อง เหยียนหมิงซุ่นก็กดเหมยเหมยลงที่กำแพง กักตัวเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน สายตาอันเร่าร้อนของเขาทำให้เธอหนีไปไหนไม่ได้ เอาเข้าจริง เธอก็ไม่ได้อยากจะหนีไปไหนอยู่แล้ว
ทำไมจะต้องหนีด้วย เธอก็อยากที่จะถูกพี่หมิงซุ่นสุดที่รักกักตัวไว้ตลอด ไม่ต้องแยกจากกันไปตลอด แบบนี่สิถึงจะดี
แต่สายตาของเหยียนหมิงซุ่นเร่าร้อนเกินไป ไม่ได้ดูสงบนิ่งเหมือนกับเวลาปกติ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความต้องการและความเผ็ดร้อน ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา
“เหมยเหมย…”
เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเริ่มแหบพร่า ราวกับถูกเก็บเอาไว้นาน และเพิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมา
เขาพูดโดยเอาปากแนบชิดข้างใบหูของเหมยเหมย ความร้อนนั้นทำให้หูของเหมยเหมยรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดูแล้วช่างน่าชวนลิ้มลองเสียจริง ๆ
แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นคิดที่จะทำอย่างนั้น เขาจะทนได้อย่างไรกันเล่า
ลิ้นอุ่น ๆ ของเขาสัมผัสไปที่ใบหูของเหมยเหมย เหมยเหมยตกใจตัวสั่นเบา ๆ รีบซุกหน้าไปที่อ้อมอกของเหยียนหมิงซุ่น แลดูเชื่อฟังจนน่าเอ็นดู
การได้สัมผัสเพียงแค่หนึ่งครั้ง แน่นอนว่ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเหยียนหมิงซุ่นได้ เขาเริ่มรุกล้ำพื้นที่ส่วนอื่น ๆ กลิ่นหอมบนตัวของหญิงสาวนั้น ช่างหอมหวานยิ่งกว่าน้ำผึ่งเดือนห้า ทำให้เขาไม่สามารถหยุดได้จริง ๆ
“เหมยเหมย เธอหวานมากเลยนะ…”
เหยียนหมิงซุ่นกระซิบลงที่ข้างหูของหล่อนด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้หรอก ความต้องการในใจของเหยียนหมิงซุ่นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจับคางของเหมยเหมยให้เงยหน้าขึ้น หญิงสาวหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง ขนตายาวเรียงเป็นแพสวยงามของหล่อนสั่นไหวเล็กน้อย
“ไม่ดื้อนะ”
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเบา ๆ เขาไม่สามารถต้านทานความต้องการของเขาได้อีกต่อไป มือข้างหนึ่งของเขาประคองไปที่ศีรษะของหญิงสาว อีกข้างหนึ่งโอบเอวของหล่อนเอาไว้ แล้วก้มหน้าประกบลงไปที่กลีบดอกไม้ที่เขาต้องการจะลิ้มลองมาตั้งแต่เมื่อวาน
ครั้งนี้เขาไม่ได้เชื่องช้าเขินอายเหมือนอย่างครั้งแรก แต่เขากลับมาราวกับพายุที่พร้อมจะมาช่วงชิงน้ำผึ้งอันหอมหวานเพื่อดับความกระหายของเขา
แต่น้ำผึ้งอันหอมหวานพวกนี้เปรียบเหมือนการดื่มเหล้าเพื่อดับกระหาย ไม่ว่าจะดื่มเท่าไหร่ก็ไม่พอ กลับยิ่งอยากได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้ว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถดับความกระหายได้อย่างแท้จริง แต่ตอนนี้เขายังทำไม่ได้
ผู้หญิงของเขายังเด็กเกินไป
เหมยเหมยเริ่มรู้สึกตัวร้อนขึ้นมาอีกครั้ง หล่อนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร หล่อนได้เพียงแต่ตอบรับสัมผัสที่ชายหนุ่มส่งมาให้เท่านั้น แขนสองข้างที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ แผ่นหลังแนบไปกับกำแพง โชคดีที่มีที่ยึดเกาะ เลยไม่ถึงขั้นขาอ่อนลงไปกองกับพื้น
พวกจ้าวเสวียหลินยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่หน้าประตู พวกเขาอยากจะรู้เสียจริงว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย
“พวกเขาอยู่ในห้องทำอะไรกัน ทำไมไม่มีเสียงพูดเลยสักนิด” ในใจของจ้าวเสวียหลินตอนนี้เหมือนมีมดวิ่งเล่นอยู่เป็นร้อยเป็นพันตัว เขารู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
จ้าวเสวียกงพยายามมองลอดผ่านช่องทางประตู มองจนตาเหล่แล้ว ก็ยังมองไม่เห็นอะไร
“ไอบ้านั่นคงไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับน้องเราใช่ไหม” คำพูดของจ้าวเสวียไห่ทำให้ใจของจ้าวเสวียหลินเดือดแทบบ้า เขาอยากจะพังประตูเข้าไปเสียตอนนี้เลย
หญิงชายอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง แถมน้องของเขาก็สวยขนาดนั้น อีกทั้งยังใสซื่อด้วย เหยียนหมิงซุ่นร้ายขนาดนั้นอาจจะคิดไม่ดีกับเธอก็ได้
“พวกคุณเป็นใคร จะทำอะไรกัน มากับผมเดี๋ยวนี้”
ผู้ควบคุมดูแลที่ถูกพนักงานทำความสะอาดเชิญตัวมาเดินตรงมาที่พวกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน หลังจากนั้นไม่พูดอะไรต่อก็พาตัวพวกจ้าวเสวียหลินออกไป ราวกับพวกเขาเป็นโจร
เหยียนหมิงซุ่นที่ได้ยินเสียงสถานการณ์ข้างนอกอย่างชัดเจน ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ แล้วบรรจงจูบหญิงสาวอีกครั้ง
เรื่องข้อเสนอที่จะไปเดินซื้อของ เขาไม่ได้มีความสนใจเลยสักนิด ถ้าให้ไปเดินซื้อของ เขายินดีที่จะอยู่แต่ในห้อง ใช้ชีวิตแบบโลกสองคนที่มีแค่เขากับเหมยเหมยยังจะดีเสียกว่า หญิงสาวที่หอมหวามยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า ไม่ว่าจะได้ลิ้มลองเพียงใดก็คงไม่พอ
————————————–