ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 768 ปากบวม + บทที่ 769 พี่เขยผู้น่าสงสาร
บทที่ 768 ปากบวม
ไม้รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กว่าที่เหยียนหมิงซุ่นจะยอมถอนจูบที่แสนหวานและเร่าร้อน แต่เขายังไม่อยากถอยตัวออกห่างจากกันด้วยซ้ำ ริมฝีปากยังประกบกันแน่น ลมหายใจที่พ่นออกมาเป่ารดใบหน้าของอีกฝ่าย ต่างก็ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม
ในเวลานี้ความเงียบเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!
ทั้งสองคนไม่กล้าที่จะส่งเสียงแต่อย่างใด เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ก็ดีมากแล้ว รับฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของอีกฝ่าย สัมผัสชิดกันแนบแน่น ใจเธอมีฉัน ใจฉันมีเธอ ไม่จำเป็นต้องพูดคำใด ๆออกมาแม้แต่คำเดียว กลายเป็นความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
“ร้อน…”
เหมยเหมยพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความเป็นจริงเธอไม่ได้กลัวร้อนเลยสักนิด เพราะมีฉาฉาอยู่!
แต่เธอจะอยู่ในอ้อมกอดของเหยียนหมิงซุ่นทั้งวันคงจะไม่ได้ นั่นจะเป็นการไม่สงวนตัวเกินไป แม้ว่าเธอจะยินยอมเป็นหมื่นครั้ง แต่สติของเธอได้บอกเธอไว้ว่าถึงเวลาที่ต้องถอยออกห่างได้แล้ว
ในเวลานี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด เขาประเมินความตั้งใจของตัวเองสูงเกินไป การจูบไม่สามารถทำให้เขาสงบใจลงได้เลย แต่กลับทำให้เขาร้อนรุ่มมากขึ้น เขาอยากได้มากกว่านี้ แต่เขารู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม นั่นจึงทำให้เขายิ่งอึดอัด
ผลไม้รสหวานอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่สามารถกลืนลงคอได้เลย จึงทำได้เพียงโลมเลียส่วนเปลือกผล แม้ว่าจะหอมหวานสักแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถดับกระหายได้
เหยียนหมิงซุ่นสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามอดกลั้นระงับความปรารถนาของเขาไว้ เขาจะไม่ทำให้ผู้หญิงของเขาตกใจไปมากกว่านี้!
“รอเดี๋ยว”
เหยียนหมิงซุ่นเท้าปลายคางไว้บนร่องไหล่ของเหมยเหมย ไม่ปริปากพูดแต่อย่างใด ซบเธออยู่แบบนั้นเงียบ ๆ เหมยเหมยเข้าใจว่าเพราะอะไร เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงจริง ๆ แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังเป็นทุกข์
เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย ทั้งรู้สึกหวานชื่น รู้สึกภาคภูมิใจ และยังรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนและสับสนในขณะเดียวกัน
นิ่งเงียบไปราว ๆ ห้านาที เหยียนหมิงซุ่นเอาชนะความต้องการของตัวเองได้ เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น “โอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
เหมยเหมยเองก็ยิ้มตอบ ในแววตามีแต่ความเชื่อใจ เหยียนหมิงซุ่นจึงยื่นมือออกไปบี้จมูกของเธอ พร้อมกับพูด “เจ้าเด็กโง่”
ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ เพียงแค่นี้ก็ไว้ใจเขาแล้ว แม้แต่ตัวเขายังไม่เชื่อใจตัวเองเลย
“ไม่ได้โง่ ฉันฉลาดจะตายไป!” เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่ชอบใจ เธอพิสูจน์ให้เขาเห็นไปแล้ว ทำไมยังต้องบอกว่าเธอโง่อยู่อีก!
เหยียนหมิงซุ่นบี้จมูกอีกครั้งและพูดด้วยเสียงเบาอย่างขำขันว่า “อืม ฉลาดมาก ฉลาดยิ่งกว่าฉิวฉิวอีก ”
ฉิวฉิวที่หมอบอยู่บนโต๊ะกัดแทะเมล็ดสนเหลือบมองมาทางนี้แค่แวบเดียว ยกอุ้งเท้าด้านหน้าของมันขึ้นมาหวีเคราอย่างไม่แยแส ไอคิวระดับแค่นั้นของเจ้านายมัน จะเทียบกับของมันได้เหรอ?
นายใหญ่ก็เหลือเกิน เพื่อที่จะได้จูบ ทำเป็นปิดหูปิดตาพูดไร้สาระ!
แต่ก็นับว่านายใหญ่เก่งไม่เบา แค่การจูบก็ทำได้เป็นครึ่งชั่วโมง ทำเอาน้องฉาบิดตัวเขินอายแทบแย่ เกรงว่าวันนี้คงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาทั้งวัน ต่อไปเขาต้องหัดเรียนรู้ไว้บ้าง จะต้องต้อนจูบแม่กระรอกสาวสวยทุกตัวให้ได้!
เหมยเหมยจ้องหน้าเขาอย่างกระเง้ากระงอด เธอผละออกจากอ้อมอกของเหยียนหมิงซุ่น แล้ววิ่งไปหน้ากระจกเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง
เด็กผู้หญิงในกระจกนั้นเป็นดั่งสาวแรกแย้มแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นบริเวณไหนของร่างกาย รวมถึงริมฝีปากที่บวมเป่ง คนที่มีสายตาเฉียบแหลมแค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งไปทำเรื่องไม่ดีมา
“เป็นเพราะพี่ ปากฉันเป็นแบบนี้แล้วจะกลับไปยังไงล่ะ พี่ชายฉันต้องจับได้แน่” เหมยเหมยกระวนกระวาย
ครั้งก่อนที่หมู่บ้านโม่เจีย ต้องผ่านไปตั้งคืนหนึ่งกว่าปากของเธอจะหายบวม ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหาย?
หากว่าจ้าวเสวียหลินรู้เข้าว่าเธอจูบกับเหยียนหมิงซุ่นแล้ว จ้าวเสวียหลินคงต้องสั่งสอนเธออย่างทารุณเป็นแน่ จนอาจจะมีเรื่องกับเหยียนหมิงซุ่นขึ้นได้!
เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกเสียใจต่อการกระทำบุ่มบ่ามของตน แต่ใครใช้ให้หญิงสาวหอมหวานถึงเพียงนี้เล่า เขาจะยับยั้งชั่งใจได้เช่นใด?
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวใช้น้ำแข็งประคบไว้ หากว่าไม่ได้จริงๆ ก็บอกว่าบวมเพราะพริกเผ็ด”
ผู้นำในอนาคตออกความเห็นด้วยสีหน้านิ่ง คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหาวิธีจัดการได้
……………………………………
ตอนที่ 769 พี่เขยผู้น่าสงสาร
เหมยเหมยโกรธจนใช้มือฟาดลงไปบนตัวของเหยียนหมิงซุ่น และพูดขึ้นอย่างโมโห “พี่รีบไปซื้อน้ำอัดลมเย็นๆ มาให้ฉันหนึ่งกระป๋อง!”
เหยียนหมิงยิ้มร่าและรีบวิ่งปรู๊ดออกไปซื้อให้ ภรรยาในอนาคตออกคำสั่ง มีหรือที่เขาจะไม่ทำตาม เขาจึงซื้อไอศกรีมไม่กี่แท่งให้ตัวเองเพื่อดับไฟร้อนอีกด้วย
ในจังหวะที่เดินผ่านหน้าห้องทำงานนั้น เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองด้านในแวบหนึ่ง จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆต่างพากันยืนนิ่งติดผนังเงียบกริบ แม้แต่จะผายลมยังไม่กล้า เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างชอบใจ เดินอย่างสบายใจเพื่อออกไปซื้อไอศกรีม
สายตาของจ้าวเสวียหลินว่องไว เห็นรอยยิ้มชอบใจบนใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นเข้าพอดี มันทำให้เขาโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ กัดฟันกรอด ๆ
“ต้องเป็นฝีมือของไอ้คนไร้ศีลธรรมนั่นแน่นอน ฉันกับแกไม่จบง่าย ๆ แน่!” จ้าวเสวียหลินพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น
สยงมู่มู่มีกำลังแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง น่าสงสารที่อาการป่วยของเขาเพิ่งเริ่มดีขึ้น น่าจะรออยู่ที่บ้าน ไม่น่าคิดที่จะออกมาสร้างเรื่องกับเด็กพวกนี้เลย ตกหลุมพลางเข้าแล้วจริงๆ
“ทุกคนยืนนิ่งไว้เลย เป็นเด็กอายุแค่นี้ริคิดทำตัวเป็นโจร? ถ้าฉันเป็นพ่อแม่ของพวกนาย คงได้หักขาพวกนายทิ้งไปแล้ว ทำไมยังไม่ยอมฟังอีก ? ถ้าไม่เห็นว่าพวกนายอายุยังน้อย ฉันคงไปแจ้งความกับตำรวจแล้วล่ะ อย่ามาทำหน้าระรื่นใส่ฉัน จะใช้วิธีการไหนก็ไม่มีผลต่อฉันหรอก ถ้ายืนไม่ถึงสามชั่วโมง อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยพวกนายไป ”
พนักงานฝ่ายจัดการและต้อนรับกล่าวสั่งสอนพวกเขาอย่างหนัก น้ำลายที่กระเซ็นขณะที่พูดพุ่งเข้าหน้าของจ้าวเสวียหลินเต็ม ๆ
กลิ่นหอมหัวใหญ่จอมกระชากวิญญาณลอยปะทะเข้ามา อีกนิดเดียวมันจะสามารถทำให้พวกเขาเป็นลมล้มพับไปได้ ได้แต่ร้องไห้อย่างไร้ซึ่งหยดน้ำตา
เหยียนหมิงซุ่นซื้อไอศกรีมแท่งและน้ำอัดลมกลับมา เขาซื้อมาสิบกว่าแท่ง ซื้อมาเผื่อพี่เขยทั้งหลาย อากาศร้อนถึงเพียงนี้ขอแค่อย่าได้เป็นลมล้มพับไปก็พอ
เพราะถึงยังไงในอนาคตพวกเขาก็จะเป็นพี่เขย ยังคงต้องสานสัมพันธไมตรีไว้!
“คุณลุง ลำบากแล้วครับ เมื่อครู่เดินผ่านเห็นคุณยายผมขาวคนหนึ่งขายไอศกรีม ผมซื้อมาเยอะหน่อย กินเองก็กินไม่หมด ลุง ๆช่วยกินหน่อยนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นยื่นไอศกรีมให้พนักงานฝ่ายจัดการ ชายวัยกลางคนผู้นี้ที่เตรียมคำพูดจะปฏิเสธออกไป กลับต้องจำใจกลืนคำพูดนั้นลงคอ
“นายก็ช่างมีน้ำใจเสียจริง งั้นฉันให้เงินนายแล้วกัน”
“ถ้าคุณลุงให้เงินก็คงไม่มีความหมายอะไรหรอก ไอศกรีมเพียงแค่ไม่กี่แท่งเอง ผมยังต้องพักที่นี่อีกพักหนึ่ง ต่อไปคงต้องรบกวนและฝากให้คุณลุงช่วยดูแลด้วย”
เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่พูดเก่ง แค่พูดไปไม่กี่ประโยคก็ทำเอาผู้จัดการปลาบปลื้มยกใหญ่ เขารับเอาไอศกรีมไว้ ความรู้สึกที่มีต่อเหยียนหมิงซุ่นก็พลันดีขึ้นไปด้วย ต่อไปคงจะสะดวกมากขึ้น
จ้าวเสวียหลินจ้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างเคียดแค้น แต่ก็ไม่ได้ตะโกนอะไรออกไป เขายังรักหน้าตาและศักดิ์ศรีของตนเอง เมื่อครู่ที่คุยกับพนักงานคือชื่อปลอม จะให้เหยียนหมิงซุ่นรับรู้เรื่องตลกแบบนี้ไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นยักคิ้วหลิ่วตาใส่ แล้วถือกระป๋องน้ำอัดลมสองกระป๋องด้วยท่าทางอารมณ์ดีเดินขึ้นตึกไป ทิ้งพี่เขยผู้น่าสงสารที่อยู่ด้านหลัง
พนักงานคนนั้นกินไปหนึ่งแท่ง ที่เหลือแบ่งให้กับจ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆ และยังไม่ลืมที่จะสั่งสอน “พวกนายหัดดูไว้บ้าง พ่อหนุ่มนั่นมีน้ำใจแค่ไหน พวกนายไม่คิดจะเรียนรู้ไว้บ้างเหรอ? ทำเรื่องไม่ดี คิดจะเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย…”
พอดีกับที่จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆร้อนจนแทบบ้า ไอศกรีมแท่งนี้นับว่าเป็นการช่วยเหลือในยามฉุกเฉินไว้ได้ พวกเขาพากันกินไอศกรีมกันอย่างกระหาย เบี่ยงเบนความจู้จี้ขี้บ่นพนักงานไปได้โดยอัตโนมัติ
หมอนี่ว่างมากจนเบื่อหรือไง ถึงได้จงใจลากพวกเขามาอบรมสั่งสอน ป่วยหรือไง!
สรรพคุณของน้ำอัดลมนับว่าไม่เลวเลย ประคบด้วยน้ำเย็นสองกระป๋อง อาการบวมเป่งก็ลดลงไปมาก หากไม่ตั้งใจมองก็คงจะไม่เห็นมัน
ส่วนน้ำอดลมถูกเหยียนหมิงซุ่นดื่มเข้าไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ก็มีคนด้านข้างคอยจับตามองนี่นา!
“อย่าให้เหลือนะมันจะสิ้นเปลืองล่ะ!”
เหมยเหมยจ้องเหยียนหมิงซุ่นไม่วางตา ใบหน้าแสยะยิ้มร้ายเป็นเพราะเธอตั้งใจ ก็ใครใช้ให้เหยียนหมิงซุ่นจูบเธอจนปากบวมล่ะ ก็คงต้องสั่งให้เขาดื่มน้ำอัดลมที่เขาไม่ชอบดื่มเสีย
………………………………………