ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 770 ลุกลี้ลุกลน + บทที่ 771 แอบฟัง
บทที่ 770 ลุกลี้ลุกลน
เหยียนหมิงซุ่นทำอะไรไม่ได้นอกจากทนดื่มให้หมด ในกระเพาะตอนนี้เต็มไปด้วยแก๊ส แม้แต่เรอออกมามีแต่กลิ่นของน้ำอัดลม!
เขามองหญิงสาวที่แสยะยิ้มร้าย อดไม่ได้ที่จะบี้จมูกเธอไปอีกหนึ่งที “ยัยตัวแสบ!”
เหมยเหมยย่นจมูกด้วยความไม่พอใจ ใช้ฝ่ามือฟาดใส่เขา “อย่าบี้จมูกฉัน! เดี๋ยวดั้งหายกันพอดี”
“ไม่กลัวหรอก ถ้าดั้งหายพี่ก็จะบีบเรื่อยๆ” เหยียนหมิงซุ่นพูดพร้อมกับยื่นมืออกไปบีบจมูก เหมยเหมยที่โมโหอยู่ก็กัดเข้าให้จนแน่นไม่ปล่อย เห็นทีจะออกแรงมากพอควร ความจริงจังหวะที่เธอสัมผัสโดนตรงนิ้วหัวแม่มือนั้น ก็ได้ลดแรงกัดลงไปแล้ว เลยทำให้รู้สึกจั๊กจี้ สำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้ว มันคล้ายกับเป็นการหยอกล้อ
นัยน์ตาของเหยียนหมิงซุ่นสีเข้มขึ้น เขาดึงนิ้วมือกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ควรยอมให้เจ้าแสบดึงดูดเขาไปมากกว่านี้ มิเช่นนั้นต่อให้อัดน้ำอัดลมเป็นสิบ ๆกระป๋องก็ไม่อาจทำให้เขาสงบลงได้
“เหมยเหมยเล่าเรื่องเมื่อวานอีกทีสิ”
เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจที่จะพูดคุยเรื่องจริงจัง เพื่อดึงความสนใจของเขาให้ลืมมันไป สุดท้ายคนที่ได้รับโทษก็ยังคงเป็นเขา
เหมยเหมยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดอย่างละเอียด พูดด้วยความไม่พอใจ “คุณย่าเลอะเลือนไปแล้ว ถูกหวงอวี้เหลียนกล่อมจนกู่ไม่กลับแล้ว ไม่เชื่อคำพูดของฉันเลยสักนิด ยืนยันหนักแน่นว่าฉันเข้าใจหล่อนผิด เมื่อวานเล่นเอาฉันโมโหเป็นที่สุด”
จากนั้นเธอพูดถึงความสำเร็จยิ่งใหญ่อย่างชอบใจ กัดริมฝีปากล่างและพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “แต่ถึงยังไงต่อไปนี้ถ้ามีโอหยางซานซานจะต้องไม่มีฉัน เราสองคนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขำและมองเด็กผู้หญิงที่กำลังขบฟันด้วยความโกรธ ทั้งทั้งที่เมื่อวานเขาบอกให้เธอทำท่าทีน่าสงสาร พูดให้ตัวเองดูน้อยใจบ้าง แต่เจ้าตัวแสบก็นะ ยังทะเลาะกับคุณย่าจนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ ช่างโง่เสียจริง!
โชคดีที่คุณปู่จ้าวมีเหตุมีผล มิเช่นนั้นเมื่อวานคงได้ราบเป็นหน้ากอง!
“เหมยเหมยยังคงโทษคุณย่าอยู่ใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
เหมยเหมยยู่ปากและพยักหน้าเล็กน้อย อยู่ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นมีอะไรให้ปิดบังอีก เธอพูดขึ้นเสียงเบา “คุณย่าไม่เชื่อฉัน ฉันเสียใจ ในใจของเธอโอหยางซานซานสำคัญกว่าฉัน”
“ยัยเด็กโง่ คุณย่าเธอจะชอบโอหยางซานซานมากกว่าเธอได้ยังไง เธอต้องชอบหลานสาวแท้ ๆมากกว่าอยู่แล้ว เพราะงั้นที่ไม่เชื่อในคำพูดเธอ อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่น”
เหยียนหมิงซุ่นเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน แม้ว่าเขาจะคิดว่าวิธีการของคุณย่านั้นไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ตัวเขาเองฉลาดกว่าเหมยเหมย รู้ดีว่าการที่ทะเลาะกับคุณย่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เป็นแบบนั้นยิ่งเข้าทางหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่น
สองแม่ลูกนั่นเกรงว่าจะไม่ใช่แค่สร้างเรื่องให้เหมยเหมยและคุณย่าทะเลาะเท่านั้น!
เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่น แต่เธอเสียใจไปแล้ว จึงวอแวออดอ้อนขึ้นว่า “แต่ช่วงนี้ฉันก็ไม่อยากพูดกับท่าน ฉันไม่ใช่พวกไร้ความรู้สึกเสียหน่อย”
“เอาเถอะ เหมยเหมยของเราอารมณ์ร้ายไม่เบา อนุญาตให้เธอโกรธได้ไม่กี่วันเท่านั้น ต่อจากนั้นต้องลดทิฐิลง จะทำแบบนี้ไปตลอดไม่ได้” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างขำขัน
“ฉันรู้ ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย” เหมยเหมยสบถอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นพูดขึ้น “พี่หมิงซุ่น คุณปู่บอกว่าตอนเย็นให้พี่ไปทานข้าวที่บ้าน”
เหยียนหมิงซุ่นคาดไม่ถึงว่าคุณปู่จะอนุญาตเร็วขนาดนี้ เขานิ่งตลึงไปหลายวินาที ลุกลี้ลุกลนและพูดขึ้น “เหมยเหมยทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?”
ช่างเป็นคนซื่อบื้อจริง ๆเรื่องสำคัญขนาดนี้ก็ไม่ยอมบอกเขา ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าหัวหน้าใหญ่เชิญเขาไปทานข้าว ใครจะมีอารมณ์มากอด ๆ หอม ๆว่าที่ภรรยาเช่นนี้เล่า?
เขาไม่ได้ใจกล้าขนาดนั้น!
เหมยเหมยไม่เข้าใจต่อท่าทีตกใจจนมือไม้อ่อนของเหยียนหมิงซุ่น “พี่หมิงซุ่นทำไมพี่ต้องตื่นเต้นด้วย? แค่ไปกินข้าวมื้อเดียวเท่านั้นเอง คุณปู่ของฉันออกจะเป็นคนใจดี เฮ้ย… พี่หมิงซุ่นจะไปไหน?”
เหยียนหมิงซุ่นฉุดลากเหมยเหมยแล้ววิ่งออกไปด้านนอกอย่างเร่งรีบ
“ไปซื้อของขวัญ ไปมือเปล่าได้ที่ไหนกันล่ะ!”
…………………………………….
บทที่ 771 แอบฟัง
ในจังหวะที่เดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ เหยียนหมิงซุ่นจงใจบังเหมยเหมยเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอเห็นบรรดาพี่ชายของเธอที่อยู่บริเวณเคาน์เตอร์ อาจจะเป็นเพราะเขาคิดมากจนเกินไป เพราะตัวจ้าวเสวียหลินและคนอื่น ๆเองก็ไม่อยากให้เหมยเหมยเห็นพวกเขาเหมือนกัน
จะมาขายขี้หน้าแบบนี้ไม่ได้!
ระหว่างทางเหยียนหมิงซุ่นคอยซักถามถึงความชื่นชอบของคุณปู่ ทำให้เขาคิดออกว่าจะซื้ออะไรไปเป็นของฝาก มีบุหรี่ชั้นดีหนึ่งกล่อง เหล้าเหมาไถสองขวดและขนมเปี๊ยะขึ้นชื่อของเต้าเซียง นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
“พี่หมิงซุ่น เราไปเดินซื้อของกันก่อนเถอะ ส่วนของขวัญรอซื้อของเสร็จแล้วค่อยไปซื้อ ดีไหมคะ?”
น้ำเสียงออดอ้อนของเด็กผู้หญิงช่างอ่อนหวาน ราวกับการใช้ขนนกลูบสัมผัสหัวใจก็มิปาน มันคันนิด ๆ จั๊กจี้หน่อย ๆ มีหรือที่เหยียนหมิงซุ่นจะไม่ยินยอม?
ปกติแล้วมีน้อยครั้งมากที่คุณย่าจะออกมาเดินเล่นซื้อของ เพราะเธอไม่ชอบสถานที่คนพลุกพล่าน เธอชอบสถานที่ที่เงียบสงบ หรือแค่รอต้อนรับแขกอยู่ที่บ้านก็ได้ พอเธอได้ออกมาจากบ้าน จึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางไหนดี
เธอครุ่นคิดอยู่สักพักจึงเดินมุ่งไปยังสวนสาธารณะเล็กๆ ในเขตมหาลัย เพราะเธอจำได้ว่าที่นั่นมักจะมีพวกผู้หญิงชอบจับกลุ่มเสวนาพูดคุยกัน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ หลายๆคนไม่อาจทนอยู่ในบ้านได้ จึงเลือกที่จะมานั่งเล่นตากลมในบริเวณสวนสาธารณะเล็กๆ แห่งนี้
ทำให้สวนเล็กๆ แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกลุ่มแม่บ้านที่ไม่มีอาชีพและผู้สูงอายุที่เกษียณไปแล้ว โดยเฉพาะช่วงเวลาระหว่างหลังทานมื้อเช้าจนถึงมื้อเที่ยง พวกเขาจึงใช้ช่วงเวลานี้ออกมาเดินเล่นรับลม และถือโอกาสออกมาพูดคุยนินทาชาวบ้าน
สำหรับแม่บ้านทั้งหลายที่ไม่มีการศึกษาพวกนี้แล้ว การพูดคุยนินทานับว่าเป็นความสุขที่สุดของพวกเธอ จึงทำให้สวนเล็กๆ แห่งนี้ส่วนใหญ่จึงมีแต่ผู้หญิง ส่วนผู้ชายจะไม่แวะมาทางนี้ เพราะพวกเขาไปสถานที่อื่น ซึ่งนับเป็นกฎระเบียบที่รับรู้โดยทั่วกัน
คุณย่าหยิบเอาพัดอันใหญ่ออกมา มองหาโขดหินที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อนั่งพัก อาจเพราะปกติเธอไม่ค่อยออกจากบ้านสักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยรู้จักเธอ อีกทั้งคุณย่าจงใจที่จะใช้พัดบดบังใบหน้าของตนเอาไว้ แล้วนั่งอยู่อย่างเงียบๆในที่ที่ห่างออกไป นั่นยิ่งไม่มีใครได้ทันสังเกต
“นี่ พวกเธอได้ยินไหม เมื่อวานเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวทะเลาะกับตระกูลโอหยางจอมปลอมนั่น” ใครบางคนพูดขึ้นเสียงดัง
“รู้สิ เมื่อวานนี้ฉันเห็นเองกับตา พวกเธอไม่เห็นสีหน้าของยัยหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่น โอ้โหว ช่างสะใจเสียจริงๆ!” ผู้หญิงอีกคนพูดด้วยใบหน้าเหยียดหยาม
“เมื่อวานฉันเองก็เห็น เจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวทำได้ดีจริงๆ ยัยหวงอวี้เหลียนหน้าไม่อายนั่น เมื่อวานถูกเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวด่าจนไม่เหลือซากเลย น่าตลกสิ้นดี!“
ผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างพากันพูดเสริม พูดไปพูดมาดูท่าแล้วพวกหล่อนต่างมีความคิดเห็นที่ไม่ดีต่อหวงอวี้เหลียน พวกหล่อนไม่ถูกชะตากับยัยจิ้งจอกจอมปลิ้นปล้อนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะไว้หน้าตระกูลจ้าว พวกหล่อนจึงจำต้องเสแสร้งแกล้งทำดีต่อหวงอวี้เหลียน
เมื่อวานเหมยเหมยฉีกหน้าหวงอวี้เหลียนต่อหน้าทุกคน โดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้ร่วมระบายอารมณ์ไปด้วย
คุณย่าที่ได้ยินคำพูดจากพวกปากหอยปากปู ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม จู่ๆคำพูดเมื่อคืนวานของคุณปู่ก็ดังก้องอยู่ข้างหูเธอไม่หยุด ‘เด็กๆ แต่ละคนไม่มีใครชอบหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่นเลย เธอลองคิดดูดีๆ ว่าเพราะอะไร’
ในตอนนี้ผู้หญิงในสวนนี้เหมือนจะไม่มีใครชื่นชอบหวงอวี้เหลียน หรือว่าหวงอวี้เหลียนจะทำเรื่องอะไรผิดไปจริงๆ?
ในเวลานั้นมีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเกลียดชังว่า “หวงอวี้เหลียนยัยจิ้งจอกขาว แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังถูกหล่อนปั่นหัว คุณย่าของตระกูลจ้าวก็หนีไม่พ้น ถูกนางผู้หญิงคนนี้ปั่นหัวจนไม่สนแม้แต่หลานสาวในไส้ ช่างเลอะเลือนเสียไม่มี!”
“เธอพูดเบาๆ หน่อย ระวังนะกำแพงมีหูประตูมีช่อง ถ้าหากว่าเรื่องนี้ไปถึงหูของคุณย่าขึ้นมาละก็ พวกเราจะซวยกันไปหมด”
คนอื่นต่างพากันสะดุ้งตกใจไปด้วย ก็สามีของพวกหล่อนเป็นเพียงแค่คนชั้นล่าง มิบังอาจไปมีเรื่องกับตระกูลจ้าวได้หรอก แม้ว่าการติฉินนินทาจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความปลอดภัยก็ต้องมาก่อน หลายๆ คนจึงเบาเสียงพูดลง แล้วเริ่มพูดคุยกันต่อถึงหวงอวี้เหลียนและคุณย่าตระกูลจ้าว
คนหนึ่งเป็นคนที่พวกหล่อนเกลียด อีกคนเป็นคนที่คอยช่วยเกื้อหนุนนางผู้หญิงน่ารังเกียจนั่นไว้ สำหรับพวกหล่อนแล้ว มันน่ารังเกียจพอๆ กัน
………………………………………………..